
กรณีกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมอบ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ปปป.) ได้ตรวจสอบพบการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด
ของ พศ. และพบวัดที่เข้าข่ายร่วมในการทุจริต จำนวน 12 แห่ง พบที่ จ.ลำปาง 5 แห่ง
คือ วัดวัฒนาราม ต.สบปราบ อ.สบปราบ , วัดหาดปู่ด้าย ต.นาแส่ง อ.เกาะคา ,วัดทุ่งต๋ำ ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม ,วัดบ้านอ้อ
ต.แม่กั๊วะ อ.สบปราบ และ วัดอุมลอง ต.สมัย
อ.สบปราบ โดยได้มีการรับโอนเงินวัดละ
4 ล้านบาท และทอนคืนไป จำนวน 3.2 ล้านบาท ในช่วงปีงบประมาณ 2557-2558 รวมเงินทอน 16 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวได้สุ่มลงพื้นที่ตรวจสอบวัดตามรายชื่อดังกล่าว
โดยได้เดินทางไปที่วัดหาดปู่ด้าย ต.นาแส่ง อ.เกาะคา ซึ่งพบว่าบรรยากาศภายในวัดเงียบเหงา
มีคนงานกำลังก่อสร้างตกแต่งวิหารขนาดใหญ่ภายในวัด ส่วนเจ้าอาวาสไม่อยู่ที่วัดแต่อย่างใด
ทราบว่าเดินทางไปภารกิจในตัวอำเภอเมืองลำปาง
จากการสอบถามผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหาดปู่ด้าย ทราบว่า
วิหารดังกล่าวก่อสร้างมาได้ 7 ปีแล้ว โดยชาวบ้านช่วยกันหากฐิน ผ้าป่า เข้ามาทำเรื่อยๆ
ลูกหลานที่ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็ช่วยกันหาผ้าป่ามาลงในหมู่บ้าน ประตูหน้าต่างที่เป็นไม้ก็ได้รับบริจาคจากชาวบ้านมาทั้งนั้น
และไม่เคยทราบว่ามีงบประมาณก้อนใหญ่จากสำนักพุทธศาสนาส่วนกลางเข้ามา หากมีกรรมการวัดจะต้องทราบ
เพราะบัญชีการใช้จ่ายเงินต้องมีการประชุมรายงานกันตลอด พอทราบข่าวก็แปลกใจว่าเป็นเงินส่วนใด
ทุกวันนี้ก็ยังต้องหาคนใจบุญมาช่วยทำบุญซื้อที่ดินวัดอยู่ ตารางวาละ 500 บาท ทางวัดไม่ได้มีเงินมากมาย ชาวบ้านจึงได้มาช่วยกันตามแรงศรัทธา
ลานนาโพสต์ได้โทรศัพท์ตามเบอร์โทรศัพท์มือถือที่เป็นเบอร์ติดต่อของวัด
และขอติดต่อกับเจ้าอาวาสเพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับแจ้งว่าเจ้าอาวาสออกไปร่วมงานข้างนอกไม่ได้อยู่ที่วัด
จึงได้สอบถามข้อเท็จจริงในเบื้องต้น และได้ทราบข้อมูลจากบุคคลใกล้ชิดเจ้าอาวาสว่า
ทางวัดหาดปู่ด้าย เคยได้รับงบประมาณอุดหนุนเป็นงบบูรณะวัดมาเมื่อปี 2555 จำนวน 30,000 บาท เพื่อนำมาก่อสร้างวิหารวัด
ซึ่งวิหารหลังนี้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2552-2560 รวม 8 ปีแล้ว
หากได้งบประมาณก้อนใหญ่ลงมาที่วัดเป็นหลักล้านจริง
วิหารหลังนี้คงจะก่อสร้างเสร็จไปนานแล้ว
ทางวัดเคยทำโครงการไปของบประมาณหลายที่
เพื่อมาสร้างบูรณะวัด บางทีก็มีการขอลายเซ็นหลวงพ่อไป จึงได้ปั๊มตราติดกระดาษให้บ้าง
ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีการนำไปแอบอ้างด้วยหรือเปล่า ทางวัดคิดเพียงว่าอยากได้เงินมาก่อสร้างให้เสร็จ
โดยไม่ได้ไปตรวจสอบ สำหรับเรื่องเงินทอนที่เป็นข่าว
มีเจ้าหน้าที่เชิญตัวเจ้าอาวาสไปให้ปากคำแล้ว บัญชีของวัดก็มีใช้มานานกว่า 10 ปี
ไม่เคยมีเรื่องมาก่อน แต่บัญชีอื่นที่แปลกปลอมเข้ามาหรือบัญชีที่แอบอ้างสร้างขึ้นมาใหม่ก็ไม่ทราบได้
ขอให้รอกระบวนการตรวจสอบของ ปปป.
จากนั้นได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดบ้านอ้อ
ต.แม่กั๊วะ อ.สบปราบ อีกแห่งหนึ่ง พบคนงานกำลังทำการก่อสร้างกำแพงวัดอยู่หลายคน
และพบกับพระจอมแปง วลุตฺตโม เจ้าอาวาสวัดบ้านอ้อ
จึงได้สอบถามถึงเรื่องเงินอุดหนุนดังกล่าว
โดยพระจอมแปง กล่าวว่า เพิ่งมาอยู่ที่วัดแห่งนี้ได้ปีกว่า จึงไม่ทราบเรื่อง
กระทั่งเมื่อวันที่ 11 เม.ย.60 ได้มีหนังสือจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ส่งมาที่วัด ขอสอบสวนปากคำและขอเอกสารประกอบบัญชีการรับเงินของวัด ซึ่งหลังจากที่อดีตเจ้าอาวาสคนเก่าได้ลาสิกขาไป
บัญชีเก่าของวัดอาตมาไม่เคยเห็นและไม่เคยยุ่งเกี่ยว แต่ได้เปิดบัญชีใหม่เมื่อเดือน เม.ย.60
ที่ผ่านมา
เพื่อนำเงินผ้าป่าจำนวน 4 แสนบาท เข้าบัญชีธนาคาร
นำมาก่อสร้างกำแพงวัด
ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ทำการสอบสวนอาตมา
เนื่องจากอาตมาไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว
ซึ่งทราบว่าเจ้าหน้าที่ได้ไปพบกับอดีตเจ้าอาวาส และทำการสอบสวนแล้ว สำหรับเรื่องนี้ อาตมาและชาวบ้านก็อยากทราบเช่นกันว่าเงินอุดหนุนในส่วนนี้มาจากไหน
ใครเป็นคนรับ
และอีกวัดที่ได้เข้าตรวจสอบ
คือวัดทุ่งต๋ำ หมู่ 8
ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง
ซึ่งพบว่าวิหารของวัดทุ่งต๋ำ กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยมีการตกแต่งและทาสีแล้วเป็นบางส่วน
แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากทางวัดไม่มีเงินว่าจ้างช่างก่อสร้างและช่างฝีมือให้เข้ามาก่อสร้างเพิ่มเติมได้อีกในขณะนี้
จึงคงปล่อยให้เหลือโครงสร้างนั่งร้านทิ้งไว้
และรอจนกว่าจะมีการจัดกิจกรรมทอดผ้าป่าหรือการจัดงานอื่นๆเพื่อที่จะหาทุนมาสมทบในการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ
คาดว่าคงต้องใช้ระยะเวลาอีกยาวนาน
เพราะการออกแบบและการตกแต่งพระวิหารหลังนี้มีมูลค่าหลายล้านบาท
พระครูวิจารณ์
พัฒณคุณ เจ้าคณะตำบลเสริมกลาง เจ้าอาวาสวัดทุ่งต๋ำ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีข่าว
กรณีกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(ปปป.) ได้ตรวจสอบพบการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด ของ พศ.
และพบวัดที่เข้าข่ายร่วมในการทุจริตจ.ลำปาง 5 แห่ง คือ วัดวัฒนาราม ต.สบปราบ
อ.สบปราบ ,
วัดหาดปู่ด้าย ต.นาแส่ง อ.เกาะคา ,วัดทุ่งต๋ำ
ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม ,วัดบ้านอ้อ ต.แม่กั๊วะ
อ.สบปราบ และ วัดอุมลอง ต.สมัย อ.สบปราบ และวัดทุ่งต๋ำ ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม
ก็เป็นหนึ่งในวัดที่อยู่ในรายชื่อดังกล่าวนั้น เมื่อก่อนหน้านี้ ประมาณ 1
เดือนกว่า ทางเจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง ก็ได้เข้ามาสอบสวนและสอบถามข้อมูลต่างๆไปแล้ว
ซึ่งทางอาตมาก็ได้ให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ไปทั้งหมดว่า
ทางตัวอาตมาและทางวัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และพบว่ากลับมาเป็นข่าวโด่งดังอีกครั้ง
จึงออกมายืนยันว่าทางวัดและตัวอาตมา
ไม่ทราบเรื่องงบประมาณที่สนับสนุนมาเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท
เพราะทางวัดมีบัญชีธนาคารสามารถตรวจสอบได้
อีกทั้งพระวิหารหลังนี้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2549 มาจนถึงปัจจุบันปี 2560
รวมระยะเวลาถึง 12 ปีแล้ว การก่อสร้างก็ยังไม่แล้วเสร็จ ที่ผ่านมา สับเปลี่ยน
ช่างก่อสร้างช่างศิลป์ไปแล้วถึง 6 ชุด เพราะทางวัดมีเงินก็จ้างช่างมาทำงานได้ แต่หากเงินหมด
ช่างก็ต้องทิ้งงาน เป็นแบบนี้มาตลอด ส่วนเงินที่ได้รับมาก็มีทางสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง
โอนเงินเข้ามาหลักหมื่นบาท ที่เหลือคณะศรัทราได้จัดผ้าป่า กฐิน มาร่วมถวาย
รวมทั้งผู้มีจิตศรัทรา ก็ร่วมสมทบทุน เมื่อได้เงินมาก็เอามาบูรณะสร้างต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะแล้วเสร็จ
แต่คาดว่าอีกหลายปี ส่วนที่มีข่าวว่ามีงบประมาณจากส่วนกลางมาให้หลักล้าน
หากเข้ามาถึงวัดจริง พระวิหารและสิ่งสาธารณูปโภคอื่นๆคงได้รับการพัฒนาไปมากกว่านี้แล้ว
พระครูวิจารณ์ พัฒณคุณ กล่าว
ด้านนายณรงค์
ทรงอารมณ์ ผอ.สำนักพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง กล่าวว่า
การจัดสรรงบอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดจะมีคณะกรรมการพิจารณาจัดสรร โดย
จ.ลำปาง ได้รับการจัดสรรงบประมาณตามตัวชี้วัดประมาณปีละ 3
ล้านบาท โดยจะมีเกณฑ์การจัดสรร
และคณะกรรมการระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เจ้าคณะจังหวัด
เจ้าคณะอำเภอ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พิจารณาอนุมัติ
ซึ่งวัดที่ต้องการรับงบประมาณต้องส่งแบบที่ต้องการจะบูรณะเข้ามา มีทั้งการก่อสร้างวิหาร
ศาลาการเปรียญ ห้องน้ำ ฯลฯ โดยมีการจัดสรรงบประมาณให้ตามความจำเป็น
สูงสุดวัดละ 55,000 บาท
ต่ำสุดวัดละประมาณ 30,000 บาท จากการตรวจสอบย้อนหลังปี 53-58 พบว่าทั้ง 5 วัดได้มีการส่งแผนขอรับเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์มาตามปกติ
และได้รับเงินอุดหนุน เช่น เมื่อปี 53
วัดบ้านอ้อ ได้รับเงิน 17,000 บาท ส่วนอีก 4 วัด ก็ได้รับ 55,000 บาทก็มี 40,000 บาทก็มี หลังให้เงินไปแล้วจะมีกรรมการลงพื้นที่ตรวจสอบว่านำเงินไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์จริงหรือไม่
จะต้องรายงานเข้ามาที่สำนักพุทธฯ ซึ่งทั้ง 5
วัดก็ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง
ผอ.สำนักพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง กล่าวอีกว่า ในกรณีของ 5 วัดที่เป็นข่าวเข้าข่าวการทุจริตเงินอุดหนุน
ยอดเงินกว่าล้านบาทนั้น เรื่องนี้ตนไม่ทราบว่าเงินมาจากทางไหน
เพราะไม่ได้ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ทาง
ปปป.ก็ไม่ได้ประสานเข้ามาที่สำนักพุทธฯให้ร่วมตรวจสอบ ขณะนี้ทราบว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีความผิดจริงหรือไม่ เมื่อยังไม่มีการชี้มูลจาก ปปป.
หรือแจ้งให้สำนักพุทธฯเข้าไปร่วมคงต้องรอให้ทาง ปปป.ดำเนินการตามขั้นตอนก่อนจนกว่าจะเกิดความชัดเจน และคงจะไขข้อข้องใจให้กับประชาชนได้ในเร็วๆนี้
ต่อมาได้รับการเปิดเผยจาก
นายศิริวโรจน์ ปิยะรัตนเสรี อายุ 48 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านอ้อ ต.แม่กั๊วะ อ.สบปราบ
เปิดเผยว่า เมื่อครั้งที่ตนยังดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
อยู่ก็ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากคนๆหนึ่งทางส่วนกลาง
สอบถามเข้ามาว่าต้องการงบประมาณมาบูรณะวัดไหม
ซึ่งตอนนั้นวิหารวัดกำลังก่อสร้างอยู่ได้ 70 เปอร์เซ็นต์
อยากทำให้เสร็จจึงตอบไปว่าอยากได้ เขาจึงให้ทำโครงการเสนอเข้าไป
โดยมีการส่งเอกสารกันทางไปรษณีย์และติดต่อกันทางโทรศัพท์ ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน
และไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
จากนั้นก็มีการติดต่อกลับมาพร้อมแจ้งยอดงบประมาณให้ทราบว่าจะได้งบเท่านี้ เมื่อตกลงก็มีการโอนเงินมาให้ รวมทั้งหมด 3
ครั้ง โดย 2 ครั้งแรก เงินไม่เยอะมากจึงไม่ได้ทอนเงินคืน
และครั้งที่ 3 มีการโอนมามากกว่าครั้งอื่น
แต่ก็อยู่ในหลักแสน
เขาให้เลขบัญชีธนาคารมาจึงโอนเงินคืนไปให้ตามจำนวนที่เขาบอก ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องขึ้นมา
ส่วนเงินที่ได้รับมาทุกบาททุกสตางค์ก็เอามาสร้างวิหารจริงๆ ซึ่งการรับเงินของวัดอื่นๆก็จะทำในลักษณะนี้เช่นกัน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1133 วันที่ 16 -22 มิถุนายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น