
เมื่อเวลา
07.00 น.วันที่ 16 มิ.ย.60 ชมรมพิทักษ์ครูลำปาง
นำโดยนายเชิดศักดิ์ เสริมสุข ประธานชมรมฯ พร้อมสมาชิก ได้รวมตัวกันที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง
ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง เพื่อติดตามความคืบหน้า
กรณีการดำเนินคดีกับอดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง
และกรรมการ กรณีการจัดซื้อที่ดินในราคาสูงเกินกว่าเหตุ สืบเนื่องจากคณะกรรมการชุดที่ 56 ได้ซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่
เป็นเงิน 252 ล้านบาท
โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบพัสดุของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง พ.ศ. 2549 และยังไม่ทำตามมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี
ซึ่งกำหนดให้ซื้อที่ดินแปลงเดียว 15 ไร่ แต่มีการซื้อที่ดิน 2 แปลง และรวมพื้นที่ได้ 14.3 ไร่ อีกทั้งยังมีลำเหมืองผ่านกลาง
นอกจากนั้นก่อนการจัดซื้อก็ไม่มีการตรวจสอบแนวเขตชี้วัด เมื่อทำสัญญาแล้วปรากฏว่าที่ดินแปลงนี้หายไป
50 ตารางวา ขณะที่ที่ดินใกล้เคียง
เฉลี่ยไร่ละ 5.3 ล้านบาทเศษ
แต่ที่ดินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ราคาพุ่งสูงถึงไร่ละ 16.8 ล้านบาท ซึ่งหลังจากมีเรื่องร้องเรียนทางสหกรณ์จังหวัด
สั่งให้ยุติการดำเนินการต่างๆในที่ดินผืนนี้ทันที
ต่อมา
ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ได้ดำเนินคดีอาญากับคณะกรรมการชุดจัดซื้อที่ดินไปแล้วทั้งหมด
โดยแจ้งข้อหาว่าร่วมกันฉ้อโกง เมื่อประมาณกลางเดือน ม.ค.60
ที่ผ่านมา
พร้อมกับฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่ง เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.59 กรณีค่าใช้จ่ายในการแก้ไขแบบแปลนอาคารที่ทำการฯ
กว่า 1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น
นายเชิดศักดิ์
เสริมสุข ประธานชมรมพิทักษ์ครูลำปาง
กล่าวว่า สิ่งที่สมาชิกต้องการคือ อยากได้เงิน 252 ล้านคืนมา เพราะเงินตรงนี้เป็นเงินที่กู้ธนาคารมา
เงินที่นำไปจ่ายดอกเบี้ยทุกปีก็เป็นเงินภาษีของสมาชิกทั้งนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ เกิดจากการกระทำของคณะกรรมการชุดเก่า
การบริหารงานต่างๆไม่โปร่งใส มีทั้งปัญหาเรื่องการจัดซื้อที่ดิน ปัญหาการทำประกันชีวิตผิดประเภท และการผิดระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์ โดยเฉพาะเรื่องที่ดิน ก่อนการทำสัญญาซื้อขายไม่มีการตรวจสอบรังวัดแนวเขตที่ดินก่อน
ทราบจากรายงานของคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงว่าที่ดินหายไป 50
ตารางวา
นอกจากนั้นที่ดินยังมีลำเหมืองผ่านกลาง
ซึ่งในตอนแรกได้มีการถมลำเหมืองแม่ปูนไปแล้ว แต่เกิดปัญหาน้ำท่วม
เจ้าหน้าที่เทศบาลนครมาตรวจสอบพบว่ามีการถมดินปิดกั้นลำเหมืองไว้ ต้องขุดดินออกเพื่อเปิดช่องทางให้น้ำไหลผ่านไปได้ เรื่องเหล่านี้ได้มีการปกปิดกันมานาน
ซึ่งสมาชิกครูได้รับทราบเมื่อไม่นานมานี้ จึงได้รวมตัวกันในนามชมรมพิทักษ์ครู
เพื่อเรียกกร้องให้ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ดำเนินการเอาผิดกับคนที่ทำไม่ถูกต้อง
ด้านนายสมศักดิ์
สลีวงศ์ ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง
กล่าวว่า ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครู
ได้มีการดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการจัดซื้อที่ดิน
ซึ่งขณะนี้กระบวนการอยู่ในชั้นศาล ได้มีการส่งข้อมูลหลักฐานต่างๆให้ทางศาลหมดแล้ว
ยืนยันว่าทางสหกรณ์ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ได้รับมอบอำนาจตามกฎหมายนิติบุคคล
สิ่งที่ทำไปโดยไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับได้มีการดำเนินคดีไปแล้ว
เพื่อประโยชน์ของสมาชิก จากปัญหาการจัดซื้อที่ดินดังกล่าว
ทำให้ทุกวันนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ต้องรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่นำไปซื้อที่ดิน
ปีละเกือบ 10 ล้านบาท หากไม่มีพันธะตรงนี้
สามารถนำเงินส่วนนี้ไปจัดสวัสดิการให้กับสมาชิกได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
นายอธิพัชร์ ทารักษ์ ทนายความ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง กล่าวถึงเรื่องคดีว่า
ตอนนี้การฟ้องคดีแพ่งอยู่ในขั้นตอนของการสืบพยานนัดสุดท้ายแล้ว
หลังจากนี้ต้องรอศาลตัดสินคดี คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1
เดือน ส่วนคดีอาญานั้น
ได้มีการส่งเรื่องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
เรื่องยังไม่ส่งกลับมา ซึ่งต้องรอทาง ป.ป.ช.ชี้มูลต่อไป
จากนั้นทางผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์
และสมาชิกชมรมพิทักษ์ครู ได้นำไปดูหลักเขตของโฉนดที่ดินของสหกรณ์ออมทรัพย์
ซึ่งพบว่าหลักหมุดได้ฝังอยู่บนถนน ปัจจุบันกลายเป็นถนนทางเข้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครู กล่าวว่า
นี่คือผลของการทำไม่ถูกต้องตามระเบียบ ไม่มีการตรวจสอบรังวัดที่ดินตั้งแต่ต้น ทำให้ที่ดินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู
ที่ซื้อมาในราคา 252 ล้านบาท หายไป 50 ตารางวา ตอนนี้กลายเป็นถนนของเอกชนไปแล้ว
หากต้องการเอาคืนก็คงต้องมีการฟ้องร้องกันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีก
ทั้งนี้
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปทางโรงแรมซึ่งตั้งอยู่ติดกับที่ดินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง โดยมีพนักงานหญิงเป็นผู้รับสาย และได้แจ้งว่า
ไม่สามารถให้รายละเอียดในเรื่องนี้ได้ ขอสอบถามผู้มีอำนาจในการให้ข้อมูลก่อน จะติดต่อกลับในภายหลัง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1134 วันที่ 23 - 29 มิถุนายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น