“กองทุนพัฒนาไฟฟ้า” จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ
(พ.ร.บ.) การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการให้บริการไฟฟ้าไปยังท้องที่ต่างๆ อย่างทั่วถึง
กระจายความเจริญไปสู่ท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการพัฒนาชุมชนในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า
รวมถึงช่วยส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีในการประกอบกิจการไฟฟ้าให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
โดยผู้ผลิตไฟฟ้าต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ
ตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 97 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน และตามระเบียบที่
กกพ.กำหนด และอยู่ภายใต้กรอบนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
โดยแบ่งเป็นตามประเภทเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ 1.0 สตางค์ต่อหน่วย, น้ำมันเตาและดีเซล
1.5 สตางค์ต่อหน่วย, ถ่านหินและลิกไนต์ 2.0 สตางค์ต่อหน่วย
ด้านพลังงานหมุนเวียน ลมและแสงอาทิตย์ 1.0 สตางค์ต่อหน่วย พลังน้ำ 2.0
สตางค์ต่อหน่วย ก๊าซชีวภาพ ชีวมวล กากและเศษวัสดุเหลือใช้ ขยะชุมชนและอื่นๆ 1.0
สตางค์ต่อหน่วย
ลานนาโพสต์ได้ติดตามการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
ตั้งแต่ปี 2555-2560 รวม 6 ปี พบว่ามีการอนุมัติโครงการไปแล้วกว่า 3,800 โครงการ เป็นจำนวนเงินเกือบ 2,000
ล้านบาท โดยเงินงบประมาณกว่าครึ่งหนึ่งนำไปใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค
ส่วนอันดับที่ 2 คือการใช้จ่ายในการซื้อสัตว์เลี้ยง
เช่น วัว หมู ไก่ กบ เป็นต้น ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจในหลายหมู่บ้าน
พบว่าสิ่งก่อสร้างหลายแห่งที่ใช้เงินงบประมาณของกองทุน
ไม่ได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงตามวัตถุประสงค์
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องว่า
งบประมาณเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าหายไปไหน เนื่องจากไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่
อ.แม่เมาะ รวมถึงคุณภาพชีวิตชาวบ้านในพื้นที่ 5 ตำบลของ อ.แม่เมาะ
ไม่ได้ดีขึ้นไปจากเดิม ขณะที่นายสุวัฒน์ พรมสุวรรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
ในฐานะประธานกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับลานนาโพสต์ว่า
การใช้จ่ายเงินกองทุน ส่วนใหญ่ก็มาจากความต้องการของประชาชนเมื่อ
ชาวบ้านต้องการหมู ต้องการไก่
ต้องการสาธารณูปโภค ดูแลเรื่องสุขภาพ และอื่นๆ เมื่อผ่านประชาคมหมู่บ้านก็ต้องทำตามความต้องการของชาวบ้าน
และอาจเป็นเพราะชุมชน
ชาวบ้านยังต้องการโครงการลักษณะเช่นนี้อยู่ ผู้ว่าฯก็ไม่สามารถขัดได้
ถ้าวันใดวันหนึ่งชาวบ้านรู้สึกอิ่มตัวและมองเห็นว่าไม่มีรูปธรรมส่งไปถึงลูกหลานได้ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนต่อไป
ล่าสุด
ปี 2561 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
แม่เมาะ จะต้องจ่ายเงินเข้าระบบเพิ่มขึ้น
เนื่องจากมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าเครื่องที่ 4-7 ดังนั้น ปีงบประมาณ 2561 กองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
จึงได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 434 ล้านบาท
และเตรียมจะมีการทำประชาคมเพื่อนำเสนอโครงการของปี 2561 ในเดือน มิ.ย.60 นี้
นายบรรพต
ธีระวาส ให้สัมภาษณ์ลานนาโพสต์ และแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในหลายประเด็น กล่าวว่า
ในฐานะที่ตนเองเป็นประชาชนคนหนึ่ง อยากเห็นการพัฒนาในพื้นที่ อ.แม่เมาะ มีความเห็นว่า ที่ผ่านมาการใช้จ่ายเงินกองทุนตรงนี้ไม่เกิดประสิทธิผล
เข้าใจว่า ขบวนการยังมีข้อบกพร่อง จึงไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่
อ.แม่เมาะ เมื่อโครงการต่างๆไม่มีประสิทธิผลในแง่ของภาพรวม ก็ส่งผลให้คนไม่เข้าใจว่า
กฟผ.มาสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่นอย่างไรบ้าง และส่งผลให้ไม่เข้าใจในภารกิจว่า
กฟผ.เข้ามาช่วยดูแล ซึ่ง กฟผ.มีความตั้งใจที่จะสร้างการยอมรับและเป็นหน่วยงานสร้างความภาคภูมิใจแก่ท้องถิ่น
เพราะมาสร้างความเจริญในพื้นที่ โดยคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อมตามกฎหมาย
รวมถึงดูแลด้านสารทุกข์สุขดิบของประชาชน เมื่อไรที่การบริหารจัดการกองทุนไปถึงไม่ทั่วก็ส่งผลโดยตรงต่อการยอมรับกับองค์กร
นายบรรพต กล่าวว่า
ย้อนมาถึงเงินกองทุนที่ กฟผ.จ่ายทุกปี มา 6 ปีแล้ว ประมาณ 2,000 ล้านบาท
มีโครงการแต่ละปีมากมายหลายร้อยโครงการเกิดขึ้น
ดัชนีชี้วัดว่าจะเป็นความยั่งยืนหรือเกิดความสมบูรณ์พูนสุขกับประชาชน
พบว่ายังไม่มีตัวชี้วัดเด่นชัดว่าคนใน อ.แม่เมาะ มีความสมบูรณ์
หรือยอมรับว่าหน่วยงาน กฟผ. ที่สร้างความเจริญให้กับพื้นที่แต่อย่างใด
ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการเล็กๆที่เกิดขึ้นปีละ 500 โครงการ อาจจะไปตกเฉพาะคนบางกลุ่มก็เป็นได้ คนที่ไม่เคยได้รับก็ไม่เคยได้
คนที่เคยได้รับก็จะชำนาญการและหาทางที่จะเข้ามามีส่วนเข้าถึงกองทุนจนได้ โดยส่วนตัวเมื่อมองดูแล้วเกิดความไม่สบายใจ
อยากจะเห็นว่าเงินจำนวนมหาศาลที่ อ.แม่เมาะได้รับ ทำให้เกิดความเจริญขึ้น
นายบรรพตฯ
เห็นว่า ในเรื่องของโครงการต่างๆ อย่าลืมว่าเป็นเงินของรัฐ ซึ่ง
สตง.สามารถเข้าตรวจสอบได้ จึงควรจะมีขบวนการตรวจสอบโครงการ
โดยกำหนดให้แต่ละโครงการมีตัวชี้วัดที่เด่นชัดว่าสอดคล้องกับศาสน์พระราชาหรือไม่ ทำเสร็จแล้วยั่งยืนหรือไม่ ไม่ใช่ทำแล้วก็จบไปปีหน้ามาขอเงินกันอีก
ดังนั้นควรตรวจสอบตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงจบโครงการ
เพื่อนำตัวอย่างความล้มเหลวมาพัฒนาไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
ไม่ใช่ว่าล้มเหลวแล้วก็ยังทำต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลให้ไม่เกิดความเจริญในพื้นที่เลย
เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการกองทุน นายบรรพต กล่าวว่า
คณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ที่ผ่านมามีการทำโครงการเอง จ้างเอง ตรวจรับเอง
ซึ่งไม่เห็นด้วย คณะกรรมการกองทุนควรกลั่นกรองโครงการและให้เทศบาล
อบต.หรือเทศบาลในพื้นที่ดำเนินการ โดยคณะกรรมการเป็นผู้ตรวจประเมิน และติดตามโครงการว่าทำได้ตามนั้นหรือไม่ จะทำให้โครงการไม่ซ้ำซ้อนกับเทศบาล
และ อบต.
นายบรรพต
กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากจะเห็นโครงการใหญ่ที่เป็นจุดศูนย์รวมของชาวแม่เมาะ
เรื่องนี้ชาวแม่เมาะจะต้องกำหนดเอง ถ้าเห็นตรงนั้นได้ก็จะดีมาก
หากจุดหนึ่งที่ไม่มีเงินกองทุนเข้าไปสนับสนุนในพื้นที่แล้ว
ชาวแม่เมาะก็ยังสามารถยืนด้วยตัวเองได้ วันหนึ่งโรงไฟฟ้าก็จะต้องหยุดไป
เพราะฉะนั้นในพื้นที่ต้องเจริญต่อไป ไม่อยากให้หายไปกับโรงไฟฟ้า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น