
พระพุทธรูปคือรูปเคารพในฐานะตัวแทนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายองค์มีนามที่บ่งบอกถึงความเป็นมาอย่างแยบยล แล้วยังสะท้อนถึงความละเมียดละไมในการเรียกชื่อพระพุทธรูปของคนโบราณ
พระเจ้าล้านทอง คือ พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่จะต้องใช้ทอง
(สัมฤทธิ์) ในการหล่อเป็นจำนวนมากนับเป็นล้าน
(ล้านในที่นี่เป็นการบอกขนาดว่าใหญ่มาก) ดังนั้น
พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ในแผ่นดินล้านนาจึงถูกเรียกว่าพระเจ้าล้านทอง
องค์หนึ่งที่มีชื่อเสียงและมีคนมากราบสักการบูชามากก็ได้แก่ พระเจ้าล้านทอง
วัดพระธาตุลำปางหลวงนั่นเอง
พระเจ้าทันใจ
ชื่อพระเจ้าทันใจเกิดจากการหล่อพระพุทธรูปองค์นี้เสร็จภายในวันเดียว
จึงมีคติความเชื่อว่า เมื่อบูชาและขอพรอะไรจากพระเจ้าทันใจแล้วจะได้ดังใจ
ส่วนใหญ่จึงมักมีคนมาขอลูก ขอให้หายเจ็บป่วยกันมาก พระเจ้าทันใจมีอยู่ทั่วไปในดินแดนล้านนา
โดยเฉพาะตามวัดสำคัญ ๆ ที่มีคนศรัทธามากราบไหว้
พระเจ้าทันใจที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงเช่นเดียวกับพระเจ้าล้านทอง
วัดพระธาตุลำปางหลวง ก็มีคนนิยมมากราบไหว้ขอลูกกันมากมาย
พระแสนแซว่บ้างเขียนว่า พระแสนแส้
หรือเขียนตามภาษาพูดเป็นแสนแซว่ หรือแสนแสว้ เรื่องนี้ศาสตราจารย์ ดร. ศักดิ์ชัย
สายสิงห์ อธิบายว่า คำว่า “แซว่” ในภาษาถิ่นหมายถึง สลัก หรือกลอนที่ใช้ยึด
หรือเชื่อมวัสดุหลาย ๆ ชิ้นเข้าด้วยกัน ส่วนคำว่า “แสน”
หมายถึงจำนวนนับที่เปรียบเปรยว่ามีมากมาย ดังนั้น คำว่า “แสนแซว่” จึงหมายถึงสลัก หรือกลอนจำนวนนับแสน
อันเป็นวิธีการของชาวล้านนาในการใส่จำนวนนับ เช่น หมื่น แสน ล้าน
นำหน้าคำเพื่อเป็นการบอกขนาด เช่น พระเจ้าฝนแสนห่า พระเจ้าล้านทอง พระเจ้าเก้าตื้อ
และพระแสนแซว่ ด้วยเหตุที่พระแสนแซว่มีขนาดใหญ่ ในการหล่อจึงต้องแยกเป็นส่วน ๆ
แล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกันโดยใช้แซว่ หรือสลักจำนวนมาก
ที่วัดศรีเกิด ตำบลหัวเวียง
มีพระแสนแซว่องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ในกุฏิเจ้าอาวาส พระพุทธรูปองค์นี้มีนามว่า
พระเจ้าสิงห์หลวงแสนภู เป็นพระพุทธรูปสิงห์หนึ่งซึ่งพระพิศิษฐ์ธรรมภาณ
อดีตเจ้าอาวาสวัดเชตวัน กล่าวว่า ถูกอัญเชิญมาจากเมืองบ่อแก้ว แขวงห้วยทราย สปป.
ลาว สมัยสงครามอินโดจีน ท่านยังเล่าไว้ในหนังสือลานนา ล้านนา เป็นของใคร ? ของอาจารย์ศักดิ์เสริญรัตนชัย บอกว่า สมัยเป็นเด็กเห็นพระพุทธรูปมากมายเมื่อครั้งที่ทหารบรรทุกมากับรถยนต์
แล้วนำลงมาเก็บไว้ที่ใต้ถุนกองร้อยที่ 4 กองพันทหารราบที่ 30
จังหวัดลำปาง เพราะในช่วงนั้นทหารไทยยึดแขวงห้วยทรายจากฝรั่งเศสได้ และพบพระพุทธรูปในค่ายทหารฝรั่งเศสจำนวนมาก
รวมทั้งศิลาจารึก ผู้บังคับบัญชาจึงให้อัญเชิญมาที่ลำปาง
หลังจากนั้นนายทหารก็ได้นำพระพุทธรูปองค์ใหญ่
ๆ ไปถวายวัดต่าง ๆ ในจังหวัดลำปาง วัดใดต้องการก็ไปส่งให้ พระพุทธรูปจากแขวงห้วยทราย
สปป. ลาวจึงกระจายไปประดิษฐานอยู่ตามวัดต่าง ๆ เช่น วัดเชตะวัน
วัดชัยมงคลธรรมวราราม วัดหนองละกอน วัดศรีล้อม วัดดอกบัว รวมถึงพระเจ้าสิงห์หลวงแสนภูก็ได้มาประดิษฐาน
ณ วัดศรีเกิด
พระเจ้าสิงห์หลวงแสนภูมีพุทธลักษณะงดงามตามแบบพระพุทธรูปแบบสิงห์
1
เชียงแสน-แสนภู คือสร้างในสมัยพระเจ้าแสนภูแห่งเมืองเชียงรายขนาดหน้าตักกว้าง
32 นิ้ว และที่พิเศษไม่เหมือนองค์ใดก็คือ
พระพุทธรูปองค์นี้สามารถมองเห็นสลักทางด้านหลังองค์พระได้อย่างชัดเจน รวมถึงรอยต่อบริเวณพระศอ
และยังมีจุดเด่นอยู่ที่พระรัศมีเมาลีทรงกาบมีร่องประดับเพชรพลอย
พระพุทธรูปในวิหารสุทธิจิตต์
วิหารขนาดเล็กด้านข้างวิหารหลวงวัดพระเจดีย์ซาวหลังก็คือพระแสนแซว่ แต่ใช้คำเรียกว่า
พระพุทธรูปแสนแซ่ทองคำ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ เนื้อทองคำ 95.5
เปอร์เซ็นต์น้ำหนักรวม 100 บาท กับ 2 สลึง ศิลปะล้านนาผสมอยุธยาสมัยพุทธศตวรรษที่ 20โดยได้มีการขุดพบพระพุทธรูปแสนแซ่ทองคำองค์นี้เมื่อปี
พ.ศ. 2526 ในไร่ของนายบุญเทียม เครือสาร ซึ่งต่อมาเขาได้นำมาถวายวัดพระเจดีย์ซาวหลัง
พระพุทธรูปองค์นี้มีวิธีการสร้างด้วยการตีแต่งขึ้นเป็นส่วน ๆ
ไม่ได้ใช้วิธีหล่อเหมือนพระพุทธรูปทั่วไป แต่ละส่วนนั้นต่อกันด้วยสลัก สามารถถอดออกเป็นชิ้นส่วนต่าง
ๆ ได้ 32 ชิ้น สังฆาฏิถอดได้เป็นแผ่นยาว
สังฆาฏิด้านหน้า-ด้านหลังประดับด้วยอัญมณี พระนลาฏประดับด้วยนิหล่า
(พลอยชนิดหนึ่งมีสีฟ้าเข้มอมเทา) 1 เม็ด รอบพระเมาลี 4
เม็ด และที่ยอดพระเมาลีอีก 1 เม็ด ในช่องพระเศียรมีผอบบรรจุพระบรมธาตุไว้ด้วย
โดยสามารถถอดพระเศียรได้เป็นชั้น ๆ ที่น่ามหัศจรรย์ก็คือ ภายในองค์พระมีหัวใจ ตับ
ไต ไส้ ซึ่งทำด้วยทองคำบริสุทธิ์เช่นกัน และยังมีใบลานทองคำ 2 แผ่นจารึกคาถาอักษรพื้นเมืองพันรอบขั้วหัวใจ ที่ไตมีจารึกอักขระ 32
ตัวในช่วงเทศกาลสงกรานต์และช่วงที่มีการจัดงานประจำปีของวัด
จะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปแสนแซ่ทองคำออกมาแห่แหนให้ประชาชนสรงน้ำด้วย
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1133 วันที่ 16 -22 มิถุนายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น