วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

นัดไกล่เกลี่ยล่ม 'พระครูติ่ง' ไม่ขอโทษ

จำนวนผู้เข้าชม IP Address

เมื่อวันที่  9  สิงหาคม  2560  เวลา  14.00 น.  นายยุทธการ  บุรพเกียรติ์  พร้อมครอบครัว และชาวบ้านกว่า 30 คน  ได้เดินทางไปยังวัดท่าคราวน้อย  ต.สบตุ๋ย  อ.เมือง  จ.ลำปาง  ตามคำนัดหมายของพระครูโสภณพิพัฒนาทร  เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย เจ้าอาวาสวัดท่าคราวน้อย  เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายระหว่างพระครูไกรสรวิลาส  รักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม และครอบครัวของนายยุทธการ   โดยพระครูไกรสรวิลาส  ต้องมาขอโทษครอบครัวบุรพเกียรติ์  ในเรื่องที่ได้กล่าวหาและใส่ร้ายครอบครัวบุรพเกียรติ์ว่าโกงเงินวัดดำรงธรรม    ซึ่งในการนัดไกล่เกลี่ยได้มีพระผู้ใหญ่ 5 รูป  ได้แก่  พระครูพิบูลสมณธรรม  เจ้าคณะตำบลพระบาท เขต 1 เจ้าอาวาสวัดสิงห์ชัย,  พระครูอินทร์คำ  อินทะปุโร  วัดศรีชุม,  พระอธิการชลฌาทิศ  ชิตฺโต  เจ้าอาวาสวัดศรีรองเมืองพระครูโสภณขันตยานุยุต เลขานุการองเจ้าคณะอำเภอเมืองลำปาง  วัดนาก่วมเหนือ, พระฤทธี  กตปุญโญ   มาร่วมรับฟังและเป็นสักขีพยานด้วย

โดยนายยุทธการ ได้แจ้งผ่านทางพระครูโสภณพิพัฒนาทร เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย  ว่าหากต้องการให้ไกล่เกลี่ย  ต้องให้พระครูไกรสรวิลาสมาขอโทษต่อหน้าครอบครัวของตน  และขอโทษผู้ที่เคยเป็นศรัทธาวัดดำรงธรรมที่ได้ลาออกจากไวยาวัจกรวัด พร้อมกล่าวขอโทษครอบครัวผ่านทางสื่อท้องถิ่นจังหวัดลำปาง  จำนวน 6 สำนักข่าว  และขอโทษผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัวของพระครูไกรสรวิลาศ   และทางเจ้าคณะตำบาลจะต้องทำหนังสือว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร และหากพระครูไกลสรวิลาสยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว  เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยจะต้องดำเนินการปลดออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรมทันที

ซึ่งทางเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยได้นำเรื่องไปแจ้งให้พระครูไกรสรวิลาสทราบแล้ว  และรับปากว่าพระครูไกรสรวิลาสจะมาตามนัดไกล่เกลี่ย และยินยอมจะทำตามข้อตกลง หากไม่มาตามนัดจะปลดออกจากตำแหน่งทันที  แต่ปรากฏว่าถึงวันและเวลานัดหมาย พระครูไกรสรวิลาส ไม่ได้เดินทางมาตามนัดแต่อย่างใด  เมื่อนายยุทธการทวงถามเรื่องที่เจ้าคณะตำบลรับปากว่าหากพระครูไกรสรวิลาส ไม่มาไกล่เกลี่ย จะปลดออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม   ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง และไม่ได้มีการปลดพระครูไกรสรวิลาสออกจากตำแหน่งตามที่เจ้าคณะตำบลได้กล่าวไว้

ทางด้าน พระเถระทั้ง 5 รูป ที่มาร่วมรับฟังได้ให้ความเห็นในทางเดียวกันว่า  เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย  ควรทำตามข้อตกลงที่ได้ให้ไว้กับชาวบ้าน  หากผิดคำพูดจะทำให้ไม่มีผู้เคารพนับถือ  แต่ในที่สุดเจ้าคณะตำบลก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธการทำหนังสือปลดพระครูไกรสรวิลาศออกจากตำแหน่ง โดยอ้างว่าการปลดนั้นจะต้องเห็นชอบร่วมกันทั้งเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัด 

นายยุทธการ  กล่าวว่า  ตนเองได้ร้องเรียนผ่านทางพระครูโสภณพิพัฒนาทร  เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย  เพื่อขอให้ปลดพระครูไกรสรวิลาสออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม เนื่องจากเห็นว่า พระครูไกรสรวิลาสไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำของวัดฯ  เนื่องจากอายุยังน้อยมีอายุเพียง 23 ปี  ขาดวุฒิภาวะ สร้างความแตกแยกให้กับศรัทธาในวัด และกล่าวหาศรัทธาที่มาทำบุญกับทางวัด  ทำให้วัดและพระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย    แต่ทางเจ้าคณะตำบลได้ขอให้เจรจาไกล่เกลี่ย  ซึ่งตนก็ยอม พร้อมกับได้แจ้งข้อตกลงให้กับทางเจ้าคณะตำบล นำไปแจ้งให้กับพระครูไกรสรวิลาสทราบ ว่าจะต้องขอโทษครอบครัวของตน ทางเจ้าคณะตำบลได้แจ้งกลับมาว่า พระครูไกรสรวิลาสทราบแล้วและยินดีทำตามข้อตกลง  นอกจากนั้นทางเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย ยังได้พูดคุยและตกลงกับครอบครัวของตนว่า  หากพระครูไกรสรวิลาสไม่มาตามนัดหมาย จะทำหนังสือปลดออกจากรักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรมทันที  จึงได้มีการนัดไกล่เกลี่ยกันทั้ง 2 ฝ่าย

นายยุทธการ กล่าวต่อว่า  แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย  พระครูไกรสรวิลาส ไม่ได้มาตามนัด  ซึ่งเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยก็ได้แจ้งไปแล้ว  และได้โทรศัพท์ตามหลายครั้ง  อ้างว่าไม่สามารถติดต่อได้  ตนและครอบครัวรวมทั้งศรัทธาที่รอฟังคำตอบในเรื่องนี้ ได้รอนานถึง 3 ชั่วโมง  พระครูไกรสรวิลาสก็ยังไม่มา เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยจึงได้ขอเลื่อนวันไกล่เกลี่ยออกไปเป็นวันอื่น  ซึ่งตนยังคงยืนยันคำพูดที่ได้ตกลงกับเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยตั้งแต่แรก คือหากไม่มาวันนี้ จะต้องทำหนังสือปลดออกจากรักษาการเจ้าอาวาสทันที ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าคณะอำเภอได้ทราบเรื่องแล้วและได้ให้เจ้าคณะตำบลดำเนินการได้เต็มที่ แต่เจ้าคณะตำบลกลับไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้  ตนและครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม จากพระผู้ใหญ่ตามสัจจะที่ท่านได้ให้ไว้

นายยุทธการ  กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบถึงสาเหตุว่าทำไมพระครูไกรสรวิลาสไม่มาพูดคุยเพื่อไกล่เกลี่ย  ถึงแม้ครั้งนี้ตนและครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย  และเห็นว่าเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยปกป้องพระครูไกรสรวิลาส  ตนก็จะไม่ขอความเป็นธรรมจากที่นี่อีก  แต่ตนก็จะดำเนินการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่กำกับดูแลพระสงฆ์ต่อไป รวมถึงจะดำเนินตามกฎหมายในคดีหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ต่อไป เพื่อขอความเป็นธรรม  และทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เหตุเพราะพระสงฆ์ประพฤติปฏิบัติเยี่ยงฆราวาส กล่าวหาว่าร้ายผู้อื่นโดยที่ไม่เป็นความจริง  

ทั้งนี้ เรื่องเกิดจากที่ทางครอบครัวบุรพเกียรติ์ได้เข้ามาเป็นเจ้าภาพในการสานต่อทำพระพุทธรูป  ที่ทางวัดดำรงธรรมได้สร้างค้างคาไว้ ขนาดหน้าตัก 6 ม. สูง 9 ม. และได้เข้ามาทำฉัตรหลวง 9 ชั้น เพื่อประดิษฐานไว้เหนือเศียรพระพุทธรูป  และทางครอบครัวบุรพเกียรติ์ได้เข้ามาดำเนินการทำจนแล้วเสร็จ  และได้มีการประกอบพิธีถวายเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาไปเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2560 หลังจากนั้นเพียง 1 วัน พระครูไกรสรวิลาส ได้กล่าวหาว่าครอบครัวบุรพเกียรติ์ ว่าเป็น 18 มงกุฎ  ขโมยเงินวัดไป  และขโมยเงินซองในวันงานที่มีแขกผู้มีเกียรติได้มาร่วมทำบุญ  อีกทั้งยังกล่าวหาว่าครอบครัวบุรพเกียรติ์ ไปหลอกเอาเงินวัดมาหลายที่  เอาชื่อวัดดำรงธรรมไปหากิน  และแอบทำซองวัดไป  แจกและได้พูดจากล่าวหาว่า นางตีคณา บุรพเกียรติ์ เคยเป็นแม่เล้ามาก่อน  ทำให้ครอบครัวบุรพเกียรติ์ได้รับความเสียหายจนเป็นเหตุทำให้ศรัทธาทั่วไปเข้าใจครอบครัวบุรพเกียรติ์ผิด  และยังส่งข้อความใส่ร้ายไปทางไลน์ให้กลุ่มชาวบ้านทั่วไป  ชาวบ้านที่ไม่รู้ความจริงจึงหลงเชื่อ  ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด  กระทั่งพระครูไกรสรวิลาส ต้องจำนนด้วยหลักฐานและออกมายอมรับว่าได้ใส่ร้ายครอบครัว บุรพเกียรติ์จริง   จึงได้ร้องเรียนและเรียกร้องให้เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย  พิจารณาพฤติกรรมของพระครูไกรสรวิลาส  และมีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกัน แต่พระครูไกรสรวิลาสก็ไม่มาตามนัดหมายดังกล่าว

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1141 วันที่ 11 -17 สิงหาคม 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์