ป่าไม้ยันพื้นที่ดินทรุดแม่เมาะเป็นเขตป่า
ถูกจับจองทำกินก่อนปี 45 อยู่ระหว่างตรวจสอบเจตนาการบุกรุก
ด้านทรัพยากรธรณีเผยเหตุดินทรุดเพราะเป็นดินถมใหม่ แนะ2ทางเลือก
ขุดออกหรือทำกำแพงขั้น
นายอำเภอแม่เมาะแจงเรื่องให้การช่วยเหลือ ชาวบ้านไม่ประสงค์ขอรับ
และไม่กลับเข้าอยู่อาศัยจะใช้เป็นพื้นที่ทำกินเหมือนเดิม
จากเหตุการณ์ดินทรุดตัวแยกออกจากกัน
บริเวณบ้านห้วยคิง หมู่ 6
ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
ส่งผลกระทบให้บ้านเรือน 9 หลังคาเรือน
ได้รับความเสียหาย ผู้อยู่อาศัยรวม 22 คน
ต้องขนย้ายข้างของออกจากบ้าน เพื่อไปอาศัยบ้านญาติ
และบางรายได้อาศัยห้องพักที่หน่วยงานจัดไว้ให้เป็นการชั่วคราวก่อน
เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 60 ที่ผ่านมา
นายเด่นโชค มั่นใจ ผอ.ส่วนธรณีวิทยา สำนักงานทรัพยกรธรณี เขต 1
ลำปาง กล่าวว่า สรุปจากการเจาะสำรวจ
พบว่ามีดินอยู่ 2 ชั้น คือชั้นบนกับชั้นล่าง
ช่วงกลางบางส่วนของดินชั้นบนเป็นดินถมปะปนอยู่กับดินธรรมชาติ
ซึ่งการถมดินไปถมอยู่บริเวณร่องน้ำเก่า
เมื่อเกิดฝนตกหนักจึงทำให้น้ำไหลเข้าไปตามร่องน้ำเดิม ทำให้ดินที่ถมรอบข้างทั้งหมดโดยรอบพื้นที่
8 ไร่กว่า เคลื่อนตัวไปทั้งหมดประมาณ 2
เมตรจากพื้นที่ดินลงไป ซึ่งทางสำนักงานทรัพยากรธรณีได้เสนอไปทางจังหวัดแล้ว
ถึงแนวทางป้องกัน 2 ทางเลือก คือ ทางแรก
ต้องขุดเอาหน้าดินชั้นบนที่หนา 2 เมตรออกทั้งหมดในพื้นที่ 8 ไร่ มีดินอยู่ประมาณ 2.5 หมื่นคิว
และอีกทางคือต้องขุดตั้งเสาทำกำแพงกั้นดิน ดินลำห้วยใหญ่ด้านล่าง
ความยาวประมาณ 200 เมตร ซึ่งเสาจะต้องปักลึกอย่างน้อย 4 เมตร และโผล่ขึ้นจากพื้นประมาณ 2 เมตร
เพื่อให้ดินหยุดการเคลื่อนตัวและทำการบดอัดเข้าไปใหม่
กรณีการถมดินโดยไม่มีกำแพงกั้นก็จะมีการเคลื่อนตัวของดินอีก
ถ้าขุดออกจะถาวรกว่าเพราะดินชั้นล่างที่เป็นดินเดิมแข็งแรง ทาง กฟผ.แม่เมาะได้มาเจาะสำรวจระดับความลึก
20 เมตร พบว่าดินชั้นล่างเสถียรและแข็งแรง ซึ่งอยู่ที่ทางจังหวัดจะเลือกวิธีใด
ผอ.ส่วนธรณีวิทยา
กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีการรื้อบ้านออกไป 3 หลัง
อีก 5 หลังมีร่องรอยความเสียหายเล็กน้อย จึงยังไม่ได้รื้อออก
ซึ่งอยู่ที่ระดับอำเภอและระดับจังหวัดจะดำเนินการอย่างไร
ตนได้แต่เพียงแนะนำว่าจะรื้อบ้านออกก่อนและปรับพื้นที่ใหม่ กรณีถ้าจะทำกำแพงกั้นแต่ไม่รื้อบ้านที่เหลือออกได้หรือไม่นั้น
ต้องสอบถามทางวิศวกรของทางเทศบาลตำบลแม่เมาะเป็นผู้ประเมินจะดีกว่า
นายเด่นโชค
กล่าวอีกว่า ช่วงสิ้นเดือน พ.ย.60
ทาง ม.เกษตรศาสตร์จะเข้าไปสำรวจพื้นที่เพิ่มทางธรณีฟิสิกซ์
เพื่อเป็นการศึกษา เนื่องจากว่ากรณีนี้พิเศษที่ความชันมีน้อย
แต่ดินเคลื่อนตัวได้มาก ซึ่งจะเป็นการเก็บข้อมูลเป็นกรณีศึกษาของนักศึกษาปริญญาตรี
ด้านนายเจษฎา
อเนกคณา หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.18 (แม่เมาะ) เปิดเผยว่า
จากการตรวจสอบบริเวณพื้นที่ดินทรุด บ้านห้วยคิง อ.แม่เมาะ
จากพิกัดตามแผนที่ดาวเทียม พบว่ามีการจับจองพื้นที่เข้าทำกินก่อนปี 2545 แต่มีการปลูกบ้านพักอาศัยช่วงปี 2556 ซึ่งตามระเบียบ คสช.ใหม่
ระบุว่าถ้ามีการรุกป่าหลังปี 2557 ให้จับกุมได้ทันที
แต่กรณีที่มีการจับจองพื้นที่ก่อนปี 57
จะต้องมีการตรวจสอบเจตนาก่อนว่าเข้าไปใช้พื้นที่ทำอะไร
เป็นการทำกิจการเพื่อหวังผลประโยชน์หรือไม่
แต่ขณะนี้เรื่องเกิดขึ้นมาได้ไม่นานมากนัก
จึงให้ประชาชนได้หาที่อยู่อาศัยใหม่ได้เรียบร้อยก่อน ให้ชะลอการตรวจสอบออกไป
เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัย
แต่คาดว่าไม่เกินสิ้นปีนี้จะดำเนินการเรียบร้อย
และจะต้องส่งเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการระดับอำเภอพิจารณาต่อไป
ขณะที่นายนิมิตร
ผดุงศิลป์ไพโรจน์ นายอำเภอแม่เมาะ
กล่าวว่า การเข้าครอบครองพื้นที่ทำกิน
ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าครอบครองได้ก็สามารถทำกินได้ แต่กรณีของทั้ง 8 ราย จะย้ายออกจากพื้นที่แล้ว แต่ก็จะไม่รื้อถอนออก
จะใช้พื้นที่ทำการเกษตร จึงไม่ประสงค์ขอเงินเยียวยาจากทางราชการ เพราะแต่ละคนก็มีบ้านของญาติพี่น้องและลูกหลานอยู่ ก็จะย้ายไปอยู่กับทางญาติ ซึ่งทางอำเภอจะรายงานให้ทางจังหวัดทราบต่อไป
สำหรับพื้นที่บริเวณนั้นคาดว่าจะมีการถมดินกันมาหลายสิบปีแล้ว
ตั้งแต่การก่อสร้างถนนเส้นทางที่จะเข้ามาสู่ อ.แม่เมาะ อาจจะมีการนำดินไปถมไว้หรือเป็นจุดพักกองดิน
เมื่อเวลาล่วงเลยมานานจึงได้มีการอัดแน่นลงไปในพื้นที่
กระทั่งมีการมาจับจองเป็นที่ทำกินดังกล่าว
ขณะเดียวกัน
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ผู้พักอาศัยทั้ง 8 รายนั้นไม่ใช่เจ้าของตัวจริง
แต่มาเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ โดยทางเทศบาลตำบลแม่เมาะก็ไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้
เนื่องจากเป็นบ้านไม่มีเลขที่ และสร้างอยู่ในพื้นที่ป่า
ขณะที่เจ้าของตัวจริงก็ไม่ได้ออกมาแสดงตัวรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1153 วันที่ 3 - 9 พฤศจิกายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น