
เมื่อคุณค่าและฝีมือคือทางออกของอาชีพที่อยู่รอดในยุคเทคโนโลยีมาแทนที่ งานฝีมือตัดเย็บชุดเครื่องลาก หรือเทียมรถม้า
จึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หาใครจะเลียนแบบกันได้ยาก ‘เสกสรรค์
ฟูเต็มวงค์’ ลูกหลานที่สืบทอดวิถีคนเลี้ยงม้า
และผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถม้าเพื่อการท่องเที่ยวในจังหวัดลำปาง
ที่เลือกเส้นทางช่างตัดเย็บเครื่องเทียมรถม้า 1 ใน 3
ของจำนวนช่างที่เหลืออยู่ในลำปาง นอกเหนือจากกิจการให้บริการรถม้าของครอบครัว

เมื่อเก่งขึ้นจากงานซ่อม
เสกสรร ทดลองทำชิ้นงานขึ้นใหม่เรื่อยมา แต่ยังไม่ยึดเป็นอาชีพ
กระทั่งวันหนึ่งเขาป่วยด้วยโรคไทรอยด์ ออกไปขับรถม้าไม่ไหว จึงหยิบงานซ่อมและตัดเย็บเครื่องลากมาเป็นอาชีพสำรอง
อยู่กับบ้านในยามที่ป่วย ฝึกฝน หาเครื่องมือ แหล่งซื้อหนัง ซึ่งมีทั้งหนังวัว
หนังควาย และยางรถยนต์ 10 ล้อ มาเป็นวัสดุให้ลูกค้าเลือกตามความต้องการและงบประมาณ
บางส่วนทำเองเช่น การดัดเหล็กชุบเป็นหัวเข็มขัดสายรัดขนาดใหญ่
ทำให้เขากลายเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
ลูกค้ารายแรกๆของเขาที่ผลักดันให้กลายเป็นมืออาชีพด้วยเช่นกัน
คือกลุ่มคนขายรถม้าของ ‘น้อย’ สุรกิจ เสาร์ใจ มักสั่งตัดเย็บชิ้นส่วนของชุดลากม้าไปทีละส่วน
มีผลต่อการตัดเย็บอย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งปัจจุบันมีช่างจำนวนน้อยจึงทำให้เขากลายเป็นช่างที่มีลูกค้าประจำเพิ่มขึ้นเกือบร้อยคน
สนนราคาค่าจ้างทำชุดลาก ซึ่งประกอบด้วย ชุดสวมหัวบังตา ชุดสวมอกลาก
ชุดสวมเบรคบั้นท้าย รวมในราคาราว 5,000 -10,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและวัสดุที่ใช้ เสกสรรบอกว่า
ใช้ในช่วงแรกๆที่เขาเริ่มทำงานตัดเย็บ
“เรื่องยากของงานตัดเย็บเครื่องลากม้า
มันไม่ใช่แค่การตัดเย็บ แต่เป็นเรื่องของความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับม้าที่ต้องมี
เพราะผมอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เด็ก รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับม้า
การตัดเย็บจึงต้องอาศัยข้อมูลเกี่ยวกับขนาด และสายพันธุ์ของม้า เช่น ม้าแคระโพนี่จะมีองค์ประกอบเยอะเพราะต้องลากด้วยสองล้อ
เบรกต้องดี ชุดสวมต้องพอดี หรือม้าไทย ม้าฝรั่ง แต่ละสายพันธุ์ จะมีขนาดลำตัว
กว้างยาว สูง ไม่เท่ากัน เมื่อลูกค้าบอกข้อมูลมาว่าเขาจะตัดเครื่องลากสำหรับม้าชนิดไหน เราต้องทำได้พอดี
นี่คือความพิเศษที่ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์เป็นข้อมูล การออกแบบตัดเย็บ
ใช้เวลาตัดเย็บ ประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีแก้ ยกเว้น ช่วงหัว หรือหน้า
ถ้าใส่ไม่พอดีเราก็แก้ไขให้ ลูกค้าจะได้รับของที่พอใจ”
ในปัจจุบันอาชีพนี้ถือว่าเป็นอาชีพที่เหลืออยู่น้อยมาก
เสกสรรบอกว่าเขายังรักที่จะทำอาชีพนี้ และเรียนรู้พัฒนาไปเรื่อยๆและสืบทอดไปถึงลูกหลาน
แม้จะไม่ใช่อาชีพที่สร้างรายได้จนร่ำรวย
แต่มันคือความสุขเล็กๆของเขาที่ทำรายได้แบบที่ไม่ต้องทำงานหนักมาก
อาศัยภูมิความรู้ และฝีมือ
แถมยังเป็นส่วนหนึ่งของงานอดิเรกที่เหมือนกับเป็นการพักผ่อนคลายเครียด
แต่เป็นอาชีพที่สร้างมิตรภาพในหมู่อาชีพคนเลี้ยงม้าที่เขาภาคภูมิใจ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1161 วันที่ 29 ธันวาคม 2560 - 11 มกราคม 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น