ไฟไหม้ฟางโรงงานแป้งระดมพลดับ 10 ช.ม.

จำนวนผู้เข้าชม

ไฟไหม้โรงเก็บกองฟาง กลุ่มควันมหาศาลโพยพุ่งปกคลุมทั่วพื้นที่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งระงับเหตุ  เบื้องต้นเกิดจากช่างเชื่อมเหล็กก่อสร้างโรงเลี้ยงวัว และสะเก็ดไฟกระเด็นไปติดกองฟางไฟลุกพรึ่บ

เมื่อเวลาประมาณ 13.20 น. วันที่ 30 ม.ค.61  ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุไฟไหม้ภายในโรงงานแป้งเอี่ยมลำปาง เลขที่  22/2  หมู่  9 บ้านฝายน้อย  ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง หลังรับแจ้งจึงรีบประสานรถดับเพลิงเทศบาลเมืองพิชัยเข้าระงับเหตุอย่างเร่งด่วน  จากนั้นจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจ ต.พิชัย  เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้นธงชัย สมาคมกู้ภัยลำปาง เข้าอำนวยความสะดวกและร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบจุดเกิดเหตุ เป็นโรงเก็บกองฟางที่สร้างอยู่ติดกัน 2 โรง สร้างอยู่ติดกับกำแพงริมถนน ถัดไปด้านในเป็นคอกเลี้ยงวัว  โดยมีกลุ่มควันจำนวนมากโพยพุ่งออกมาจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลเมืองพิชัยได้ระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมไฟที่ลุกไหม้ไม่ให้ลุกลามมากขึ้นไปกว่านี้ เนื่องจากยังมีกองฟางอัดแน่นอยู่ในโกดัง คนงานได้ช่วยกันใช้คราดเกลี่ยกองฟางที่อัดแน่นออกมาและระดมฉีดน้ำเข้าไป แต่ก็ช่วยได้ไม่มากนัก จึงต้องใช้รถแม็คโครมาขุดกองฟางทั้งหมดออก พร้อมขอสนับสนุนรถพ่นน้ำจาก ปภ.เขต 10 เทศบาลเมืองเขลางค์นคร เทศบาลตำบลต้นธงชัย  และ อบต.ทุ่งฝาย เข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติม เพราะกลุ่มควันยังคงหนาปกคลุมเต็มพื้นที่อยู่  ส่งผลกระทบต่อการขับขี่รถผ่านเส้นทางดังกล่าว จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

นายเกรียงไกร สุทธิภักติ  เจ้าของโรงงาน เปิดเผยว่า ตนเองได้ให้คนงานมาเชื่อมเหล็กเพื่อก่อสร้างคอกเลี้ยงวัวเพิ่ม และได้เกิดสะเก็ดไฟจากการเชื่อมเหล็กกระเด็นไปติดกับโรงเก็บฟางที่อยู่ด้านข้าง ทำให้เกิดไฟลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  คนงานจึงรีบมาแจ้งให้ทราบและแจ้งขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่เข้ามาดับเพลิง  สำหรับค่าเสียหายอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท

ทั้งนี้  โรงงานแป้งดังกล่าวเป็นธุรกิจในครอบครัวของ นายเกรียงเดช สุทธิภักติ  อดีตรองนายก  อบจ.ลำปาง ซึ่งหลังเกิดเหตุได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ด้วยตัวเอง  โดยมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานเข้าให้การช่วยเหลือ เนื่องจากกองฟางที่อยู่ในโรงเก็บ มีปริมาณมากทำให้มีความร้อนระอุและติดไฟอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะควันไฟที่โพยพุ่งออกมาอยู่ตลอดเวลา  ต้องใช้รถแม็คโครเกลี่ยกองฟองทั้งหมดออกมาและใช้น้ำระดมฉีดให้เกิดความชื้นมากที่สุด  ซึ่งกว่าสถานการณ์จะปกติ ต้องใช้เวลาถึง10  ชั่วโมง โดยเหตุการณ์กลับสู่สภาวะปกติเวลา 23.00 น.ในวันเดียวกัน 

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1165 วันที่ 2 - 8 กุมภาพันธ์ 2561)