รอง
ผอ.รพ.ลำปาง เข้าแจ้งความผู้จัดหาตลาดหมิ่นประมาทกล่าวหาส่อทุจริต ด้านผู้จัดหาตลาดเผยเหตุร้องเรียนเพราะรอง
ผอ.ผิดคำพูด และต้องการให้เปลี่ยนคนดูแลจัดการตลาดนัด เพราะเน้นแต่หารายได้
ไม่เห็นใจอาชีพคนหาเช้ากินค่ำ
เมื่อเวลา
15.00 น.วันที่ 5 ก.พ. 61 นายอธิษฐาน วงศ์ใหญ่ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำปาง ได้เดินทางไปที่
สภ.เมืองลำปาง เข้าพบ ร.ต.อ.ศิริเวช ใจแสนวงษ์
รอง สว.(สอบสวน) สภ. เมืองลำปาง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายพงศ์พันธ์
ปานอุทัย ข้อหาหมิ่นประมาท
เนื่องจากนายพงศ์พันธ์ได้มีหนังสือร้องเรียนไปยัง ผอ.โรงพยาบาลลำปาง
และศูนย์ดำรงธรรมว่า นายอธิษฐาน วงศ์ใหญ่ มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต
เกี่ยวกับการจัดเช่าพื้นที่ค้าขายในโรงพยาบาลลำปาง ซึ่งนายอธิษฐาน
ยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าว
จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพงศ์พันธ์
นายอธิษฐาน
วงศ์ใหญ่ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำปาง
กล่าวว่า เนื่องจากตนได้รับทราบว่ามีคนเข้าไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม
และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำปาง ว่าตนเอง
มีพฤติกรรมส่อในทางทุจริตในเรื่องการเช่าพื้นที่ตลาดนัดในโรงพยาบาล ขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินการตามระบบราชการ แต่มีการร้องเรียนกล่าวหาว่าผมกระทำส่อไปทางทุจริต
ซึ่งตนยอมรับไม่ได้ จึงต้องเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท กับนายพงศ์พันธ์
ปานอุทัย ซึ่งเป็นคนจากจังหวัดอื่น
แต่เป็นผู้หาแม่ค้าพ่อค้านำสินค้ามาจำหน่ายในตลาดนัดในโรงพยาบาลลำปาง
รอง
ผอ. กล่าวว่า เดิมมีการขอใช้พื้นที่ในโรงพยาบาลลำปางเพื่อจัดทำตลาดนัด
เพื่อให้บริการกับญาติและผู้ป่วยที่มารอเข้ารับการรักษา
ทางโรงพยาบาลลำปางจึงได้ขอรับเป็นเงินบริจาค เพื่อนำไปพัฒนาพื้นที่ในโรงพยาบาลลำปางสัปดาห์ละ
1 แสนบาท โดยมีการค้าขายตลอดเดือน แต่เนื่องจากนายพงศ์พันธ์ปานอุทัย ได้ขอใช้พื้นที่ค้าขายในสัปดาห์แรกปรากฏว่าขายของไม่ดี
จึงได้หายไปและไม่ชำระเงิน ดังกล่าว ทางโรงพยาบาลจึงได้เปิดโอกาสให้กับแม่ค้าพ่อค้าในเมืองลำปางโดยคิดค่าเช่า
บริจาคสัปดาห์ละ 50,000 บาท ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็ยินยอมและได้เซ็นรับเงื่อนไขต่างๆ และก็ได้มีพ่อค้าแม่ค้าจำนวน
35-40 เจ้า นำสินค้ามาจำหน่ายค้าขายในพื้นที่ตลาดนัดของโรงพยาบาลลำปาง ทำให้นายพงศ์พันธ์
ไม่พอใจและได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมและผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำปางกล่าวหาว่าตนเองมีพฤติกรรมส่อไปทางทุจริต
ทางด้าน
ร.ต.อ.ศิริเวช ใจแสนวงษ์ รอง สว.(สอบสวน)
สภ. เมืองลำปาง กล่าวว่า ในเรื่องนี้ตนเองจะต้องว่ากันไปตามพยานและหลักฐาน
ตนเองได้รับแจ้งความไว้และจะได้เรียกตัวนายพงศ์พันธ์ ปานอุทัย มาทำการสอบสวน
เพื่อรับทราบข้อมูลทั้งสองฝ่ายต่อไป
ด้านนายพงศ์พันธ์ ปานอุทัย ผู้จัดตลาดนัด กล่าวว่า
เหตุที่ตนเองร้องเรียนเนื่องจากว่า
ได้มีการตกลงกันไว้แล้วว่าให้ตนเองเป็นผู้จัดตลาดนัดแต่ไม่ทำตามที่พูด
ได้มีการจัดหาผู้จัดตลาดนัดมาเพิ่มอีก 4 ราย
โดยให้มอบเงินให้กับโรงพยาบาลรายละ 100,000 บาท
ซึ่งตนได้มีการพูดคุยกันแล้วว่าถ้าทำเช่นนี้ พ่อค้าแม่ค้าจะอยู่ไม่ได้เพราะขายของไม่ได้
เนื่องจากคนจับจ่ายซื้อของไม่ได้มีทุกวัน
หากจัดตลาดนัดทุกอาทิตย์พ่อค้าแม่ค้าก็จะตายกันหมด
ประกอบกับค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายที่ต้องมาขายของก็คนละ 10,000 บาทแล้ว และยังมีค่าเช่าที่ต้องจ่ายอีก
หากวันไหนขายของไม่ได้ก็จะต้องขาดทุน
แต่ทางรอง ผอ.ก็ยังมีการจัดหาคนขายเพิ่มอยู่ ส่วนเรื่องการซื้อเต็นท์นั่น
เดิมได้มีการเช่าเต็นท์ขายของหลังละ 16,000 บาท แต่ทางรอง
ผอ.ได้จัดซื้อเต็นท์ 4 หลัง โดยไม่ได้มีการสอบถามความสมัครใจกับผู้ค้าขายก่อน
เป็นเงิน 137,000 บาท แล้วจะมาเก็บเงินที่ตน
ซึ่งตนไม่ได้บอกว่าจะไม่จ่ายเงินให้ แต่ต้องพูดคุยตกลงกันก่อน เพราะอีก 4 รายก็ยังไม่มีใครจ่ายค่าเต็นท์ เนื่องจากเขามาตั้งขายของแล้วขายไม่ได้
บางรายก็ถอนตัวออกไป
นายพงศ์พันธ์ กล่าวว่า รอง ผอ.ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นอยู่ของพ่อค้าแม่ค้าว่าจะอยู่อย่างไร ค้าขายได้เงินหรือไม่ พวกพ่อค้าแม่ค้าเป็นคนหาเช้ากินค่ำ วันไหนขายของไม่ได้บ้างก็มี แต่เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ ตนจึงได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไป เพื่อไม่ต้องการให้รอง ผอ.คนนี้มาบริหารจัดการตลาดนัด และทราบว่าตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาแล้ว ซึ่งเป็นที่พึงพอใจ และคิดว่าเรื่องน่าจะจบแล้ว หากทาง รพ.มีมติว่าไม่ให้ตนมาขายของอีกก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร กระทั่งมาทราบว่ามีการแจ้งความอีก แต่ตนเองก็ไม่หนักใจเพราะมีหลักฐานที่ถูกต้องทุกอย่าง และมีพ่อค้าแม่ค้าเป็นพยานได้
นายพงศ์พันธ์ กล่าวว่า รอง ผอ.ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นอยู่ของพ่อค้าแม่ค้าว่าจะอยู่อย่างไร ค้าขายได้เงินหรือไม่ พวกพ่อค้าแม่ค้าเป็นคนหาเช้ากินค่ำ วันไหนขายของไม่ได้บ้างก็มี แต่เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ ตนจึงได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไป เพื่อไม่ต้องการให้รอง ผอ.คนนี้มาบริหารจัดการตลาดนัด และทราบว่าตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาแล้ว ซึ่งเป็นที่พึงพอใจ และคิดว่าเรื่องน่าจะจบแล้ว หากทาง รพ.มีมติว่าไม่ให้ตนมาขายของอีกก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร กระทั่งมาทราบว่ามีการแจ้งความอีก แต่ตนเองก็ไม่หนักใจเพราะมีหลักฐานที่ถูกต้องทุกอย่าง และมีพ่อค้าแม่ค้าเป็นพยานได้
ทั้งนี้
นายพงศ์พันธ์ ปานอุทัย
ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนว่า ตนเองได้ขอเช่าพื้นที่ในโรงพยาบาลเพื่อจัดทำเป็นตลาดนัดแนะนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในโรงพยาบาล
ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึง ปัจจุบัน โดยมีรายได้มอบให้แก่ทางโรงพยาบาลเดือนตุลาคม 40,000
บาท เดือนพฤศจิกายน 70,000 บาท เดือนธันวาคม 50,000 บาท มีใบเสร็จรับเงินและได้ตกลงกับท่านรอง
หรือที่ดูแล ของเดือนมกราคมในวันที่ 29 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ เป็นเวลา 5 วัน
ก็จะมอบรายได้ให้โรงพยาบาล 50,000 บาท และให้มีการจัดตลาดไม่ให้ติดกัน เพราะจะทำให้ตลาดไม่มีกำลังซื้อ
แต่ท่านรอง ได้ผิดคำพูดกลับไปกลับมาไม่เป็นคำพูดที่ตกลงกันไว้ โดยส่อพฤติกรรมไปในทางทุจริต
โดยจะบอกว่าหารายได้ให้กับโรงพยาบาลจะมีการเพิ่มค่าเช่าพื้นที่ทุกเดือนและให้ซื้อเต็นท์จำนวน
4 หลังเป็นจำนวนเงิน 137,000 บาท โดยที่ข้าพเจ้ายังไม่ทราบรายละเอียดและได้เพิ่มคนจัดตลาดอีก
4 คนโดยจะเก็บค่าเช่าพื้นที่คนละ 1 แสนบาทต่อคน
เคยบอกจะให้มีรายได้ต่อเดือนเดือนละ 60,000 บาท
ยังมีพฤติกรรมอีกหลายเรื่องที่ยังบรรยายไม่หมด
โดยในสังคมทุกวันนี้การเป็นผู้บริหารระดับสูงการกระทำอะไรต้องคำนึงถึงความถูกต้องของสังคม
เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่คนได้พูดถึงแต่สิ่งดีงามเป็นที่ภูมิใจเป็นศักดิ์เป็นศรีแก่โรงพยาบาลแต่
ท่านรองอธิษฐาน วงศ์ใหญ่
จะทำอยู่ตรงกันข้ามทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์แก่ทางโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการอนุเคราะห์จากท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจารณาการกระทำของท่านนี้เพื่อจะได้ไม่เสียภาพพจน์ของโรงพยาบาล
พร้อมกันนี้นายพงศ์พันธ์ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนตามเนื้อหาเดียวกันนี้
ไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปางด้วย
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1166 วันที่ 9 - 15 กุมภาพันธ์ 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น