เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง
ยึดคืนผืนป่า หลังพบกลุ่มทุนมาจากกระบี่และเพชรบูรณ์
เข้ามารุกป่าปลูกยางพารารุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจำนวนมาก
จนผู้ใหญ่บ้านและกำนันในพื้นที่ ต.ไหล่หิน อ.เกาะคา ทนไม่ไหว
นำเจ้าหน้าที่เข้าไปชี้จุดเกิดเหตุ พบผู้ครอบครองรายเดียวถึง 8 แปลง เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีทางกฎหมาย
เมื่อเวลา
08.00 น.วันที่ 6 ก.ค.61 พ.อ.สมศักดิ์ เตชะสืบ รอง ผอ.รมน.จังหวัดลำปาง
นายชูเกียรติ พงศ์ศิริวรรณ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง
นายดนุศักดิ์ หมื่นโฮ้ง สายตรวจป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ลำปาง เจ้าหน้าที่กองอำนวยการความมั่นคงภายในจังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่ส่วนป้องกันและปราบปรามภาคเหนือกรมป่าไม้
เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.4 บกปทส. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปทส.ภ.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.เกาะคา เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ.ภ.จว.ลำปาง เจ้าหน้าที่ ตชด.33 เชียงใหม่
ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะคา กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ตำบลไหล่หิน กว่า 50 นาย เดินทางด้วยรถยนต์กระบะเข้าไปยังพื้นที่
ที่จะทำการปักป้ายตรวจยึด บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เรียง เขตบ้านมะกอกนาบัว
หมู่ 4 ต.ไหล่หิน อ.เกาะคา จ.ลำปาง
ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้รับฟังโอวาทจากหัวหน้าชุด
จากนั้นได้กระจายกำลังเข้าไปปิดป้ายประกาศการตรวจยึดพื้นที่แปลงปลูกยางพาลาในวันนี้ทั้งหมด
10 แปลง รวมเนื้อที่ 242 ไร่ เพื่อที่จะได้ให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งดำเนินการตามกฎหมายเพื่อที่จะคืนผืนป่าให้เป็นธรรมชาติดังเดิม
ทั้งนี้
การเข้าตรวจยึดและปักป้ายห้ามเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่แห่งนี้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่
ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน กำนันในพื้นที่ตำบลไหล่หิน ว่า มีกลุ่มนายทุน
เข้ามาว่าจ้างชาวบ้านในพื้นที่
เข้าไปทำการแผ้วถางป่าจากนั้นก็ได้เข้ามาซื้อต่อจากชาวบ้านในราคาถูก แล้วทำการปลูกต้นยาพารา
ทำเป็นขบวนการใหญ่ ทำลายพื้นที่ป่าเสียหายเป็นบริเวณกว้าง อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหามลพิษที่เกิดจากการใช้สารเคมี
น้ำยาฆ่าหญ้าในพื้นที่ป่าและเมื่อฝนตกลงมาทำให้เกิดการซะล้างสารพิษเหล่านี้ลงสู่แหล่งน้ำชาวบ้านในพื้นที่
โดยก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าทีได้ออกสำรวจและพบว่ามีการรุกพื้นที่ป่าสงวนแหงชาติทั้งหมด
10 แปลง แต่ละแปลงมีชื่อของคนนอกพื้นที่ครอบครอง
ซึ่งก่อนหน้าที่จะเข้าตรวจยึดทางเจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศให้เจ้าของแปลงยางพารามาแสดงตัว
และพบว่าเป็นนายทุนจากจังหวัดกระบี่ 4 แปลง จากจังหวัดเพชรบูรณ์ 3 แปลง ชาวบ้านในพื้นที่ 1 แปลง และอีก 2 แปลง
ไม่มีใครมาแสดงตัว โดยได้นำหลักฐานการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางมาแสดง
แต่กลับพบว่าพื้นที่ที่ปลูกยางพาราในครั้งนี้
ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆอีกทั้งยังเป็นป่าสงวน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดทันที
พร้อมทั้งจะเร่งติดตามตัวผู้ที่อ้างว่าครอบครองพื้นที่ปลูกยางพารามาดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1187 วันที่ 13 - 19 กรกฎาคม 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น