วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561

หอนาฬิกา เดินหน้าบอกเวลาและอารยะ

จำนวนผู้เข้าชม IP Address

หอนาฬิกาดูเหมือนจะเป็นแลนด์มาร์ก หรือจุดหมายตาลำดับแรกที่เรานึกถึง นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยก็มักถามหาห้าแยกหอนาฬิกาเสมอ รถม้าหลายคันพอแล่นมาถึงตรงนี้ ก็คาดเดาได้เลยว่าบรรดานักท่องเที่ยวคงต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพแน่ๆ

หอนาฬิกาไม่เพียงบอกเวลา แต่ครั้งหนึ่งเคยเปรียบดังสัญลักษณ์ที่บอกถึงอารยะ

การสร้างหอนาฬิกามีจุดเริ่มต้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้กรมขุนราชสีหวิกรมคิดแบบสร้างหอนาฬิกาขึ้น เพื่อใช้บอกเวลาแก่สาธารณชน ลักษณะเป็นหอนาฬิกาแบบตะวันตก หน้าปัดมี 4 ด้าน สูง 10 วา โดยสร้างขึ้นที่ทิมดาบ (ที่พักของทหารรักษาการณ์ในเขตพระราชวัง) เนื่องจากเป็นตำแหน่งเดียวกับมุขเด็จพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

ทว่าหอนาฬิกามาอยู่ในความสนใจของรัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของประเทศ ที่เรืองอำนาจในช่วงปี พ.ศ. 2481-2487 และกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้งในปี พ.ศ. 2491 กระทั่งในปี พ.ศ. 2500 จึงถูกคณะรัฐประหารนำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้ายึดอำนาจจนต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศจนวาระสุดท้ายของชีวิต

บ้านเมืองในยุคจอมพล ป. ก็อย่างที่เรารับรู้กันว่าเป็นยุคชาตินิยม มีการส่งเสริมกระตุ้นให้คนไทยพยายามทำตัวแบบอารยะประเทศ รวมทั้งมีการก่อสร้างถาวรวัตถุตามแบบอย่างประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งหอนาฬิกาก็ดูเหมือนจะสื่อถึงความเจริญเฉกเช่นประเทศตะวันตกได้อย่างชัดแจ้ง ขณะเดียวกันการสร้างหอนาฬิกายังเป็นประโยชน์แก่ผู้คนในช่วงที่ยังไม่มีนาฬิกาใช้อย่างแพร่หลาย

อ้างถึงราชกิจจานุเบกษา พ.ศ. 2497 กล่าวถึงรัฐบาลมีนโยบายให้ทุกจังหวัดสร้างหอนาฬิกาประจำเมืองไว้เพื่อให้ประชาชนผูกติดกับเวลา เป็นเครื่องเตือนใจในการทำงาน ซึ่งทางเทศบาลเมือง 6 แห่งก็ได้ขานรับและสร้างหอนาฬิกาที่นับเป็นหอนาฬิกาในยุคแรก ได้แก่ เทศบาลเบตง ยะลา เทศบาลเมืองแพร่ เทศบาลเมืองสมุทรปราการ เทศบาลเมืองอัมพวา เทศบาลเมืองพัทลุง และเทศบาลนครธนบุรี

ทั้งนี้ ทางกระทรวงมหาดไทยจะได้เร่งสร้างต่อไป สำหรับส่วนที่กำลังสร้าง แต่ยังไม่เสร็จมีอีก 13 เมือง หนึ่งในนั้นคือเมืองลำปาง

ในหนังสือ 2 ฟากแม่น้ำวัง 2 ฝั่งนครลำปาง ซึ่งไพโรจน์ ไชยเมืองชื่น เป็นบรรณาธิการนั้น ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า หอนาฬิกาเมืองลำปางก่อสร้างในปี พ.ศ. 2497-2498 ช่วงจอมพล ป. เป็นนายกรัฐมนตรี ออกแบบโดยนายทองจูน สิงหกุล หัวหน้ากรมโยธากรุงเทพฯ งบประมาณการก่อสร้าง 120,000 บาท ความสูง 11 เมตร ทว่าหากก่อสร้างให้ตรงตามแบบจริง ๆ จะต้องใช้เงินสูงถึง 180,000 บาท สรุปจึงต้องลดความสูงลงเหลือ 10 เมตร เพื่อให้อยู่ในวงเงินจำกัด

หอนาฬิกาเมืองลำปางยืนหยัดผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน กระทั่งทางเทศบาลนครลำปางมีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ข่วงนคร (ห้าแยกหอนาฬิกา) เมื่อ 4 ปีก่อน นับเป็นการเปลี่ยนโฉมครั้งสำคัญของหอนาฬิกาเลยก็ว่าได้

มีการขยายฐานโดยรอบให้กว้างขึ้น ส่งผลให้หอนาฬิกาดูโดดเด่นกว่าที่เคย มีการหุ้มทองจังโกใหม่บนเรือนยอดซุ้มด้านหน้าทั้ง 4 ทิศ ที่สำคัญ มีการเปลี่ยนนาฬิกามาเป็นยี่ห้อ BODET จากประเทศฝรั่งเศส

ความพิเศษของหอนาฬิกาในช่วงแรกหลังการเปลี่ยนแปลงก็คือ มีเสียงดังบอกเวลาเป็นระยะ แต่ภายหลังได้ตัดเสียงไป เนื่องจากรบกวนชาวบ้านในละแวกใกล้ โดยเฉพาะยามดึกดื่นค่อนคืนที่เมืองลำปางช่างเงียบสงัด เสียงดังจากหอนาฬิกาจึงไม่ใช่เสียงที่น่ารื่นรมย์นัก กรณีนี้เช่นเดียวกับวงเวียนไก่ขาวบริเวณสะพานพัฒนาภาคเหนือ ซึ่งในช่วงแรกมีเสียงไก่ขันเป็นระยะเช่นกัน แต่ก็ต้องตัดเสียงไปเพราะรบกวนชาวบ้าน

หอนาฬิกายังมีความเที่ยงตรงแม่นยำตลอดอายุการใช้งาน ไม่มีการคลาดเคลื่อนเหมือนนาฬิกาข้อมือ เรียกได้ว่าตั้งครั้งเดียว เดินไปตลอดไม่มีหยุด แม้เมื่อไฟดับ หอนาฬิกาซึ่งใช้ไฟฟ้าในการควบคุมก็จะดับ แต่ครั้นไฟมา เข็มนาฬิกาที่หยุดเดินไปเมื่อตอนไฟดับจะค่อยๆ เร่งเดินไปตรงตำแหน่งเวลาปัจจุบัน แล้วเดินต่อไปตามปกติ ไม่เป็นภาระให้ต้องไปตั้งกันใหม่

ทุกวันนี้ส่วนการโยธา เทศบาลนครลำปาง เป็นฝ่ายดูแลบำรุงรักษาหอนาฬิกาของเรา ที่ผ่านมายังไม่ปรากฏว่ามีปัญหาอะไร หรือหากมีปัญหา ส่วนการโยธาจะทำหน้าที่ตรวจสอบในเบื้องต้นก่อน ถ้าแก้ไขได้ก็จะแก้ไขทันที

จะว่าไปแล้ว หอนาฬิกานับเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาของเมืองด้วยเหมือนกัน เห็นภาพหอนาฬิกาเมืองต่าง ๆ จากอินเตอร์เน็ตแล้วต้องทึ่ง เพราะต่างก็สวยงาม ดูเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะออกแนวเท่ๆ อย่างของตรัง แนวอาร์ตๆ ต้องยกให้ราชบุรี แนวโมเดิร์นสุดล้ำของสมุทรปราการ แนวชิโน-โปรตุกีสสง่างามของภูเก็ต ส่วนหอนาฬิกาเมืองลำปางเราก็สวยคลาสสิกไม่น้อยหน้าใคร แม้ไม่ยิ่งใหญ่อลังการเท่าของเชียงรายที่ออกแบบใหม่โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ก็เถอะ

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1191 วันที่ 10 - 16 สิงหาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์