
ฟังการประชุมเรื่องสินค้าและการพัฒนาท้องถิ่นมาหลายเวที
ต่างก็พูดถึงกิจกรรมการพัฒนา ที่งบประมาณรัฐลงไปอุดหนุนชาวบ้านทำกิจกรรม
หรือสร้างนี่นั่นหลายอย่างในชุมชน บางทีก็อดขำไมได้เมื่อผู้หลักผู้ใหญ่
หลายคนก็แอบบ่นในบางเวทีว่า เจ้าหน้าที่สายพัฒนาบางทีก็ต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่ในเรื่องของการสร้างแบรนด์ให้สินค้าชุมชน
เพราะเดียวนี้คำว่าสินค้าไม่ใช่แค่ของที่จะขาย แต่มันอาจหมายถึงสินค้าที่เป็นบริการ
เป็นภาพลักษณ์มาในรูปของการท่องเที่ยว
ที่เรียกกันว่าผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวซึ่งอาจจะหมายถึงแหล่งท่องเที่ยว จุดเช็คอิน
หรือร้านโอทอป ร้านขายของที่ระลึก ไปจนถึง ภาพรวมของชุมชน ให้ดีกันเสียก่อน
เมื่อต้นเดือนก็เห็นเรื่องราวในโซเชียลเรื่องโครงการนวัติวิถีหลายโครงการ
ทำดีน่าสนับสนุนบอกต่อ
เพราะเขามีรูปแบบเรื่องราวของชุมชนน่าสนใจให้เข้าไปท่องเที่ยวค้นหา
แต่ก็มีบางหมู่บ้าน นวัติวิถีที่ยังตีโจทย์ไม่แตก
ไม่เข้าใจความเป็นตัวตนของชุมชนตัวเอง ไม่รู้ว่ามีต้นสายปลายเหตุจากผู้นำไม่เข้าใจ
หรือว่าคนในชุมชนไม่มีส่วนรู้เห็นในกิจกรรมนั้น
เพราะการเปิดตัวหมู่บ้านชุมชนต้องดึงเอาความเป็นตัวตนออกมาประชาสัมพันธ์ให้คนอยากไปเยือน
แต่บางหมู่บ้านที่มีของดีแต่ยังหาจุดดีของตัวเองออกมาขายไม่ได้เปิดตัวหมู่บ้านท่องเที่ยวแต่เอานักร้องนุ่งสั้นมาอวดในงาน
ถือว่าเป็นหนทางสู่ความล้มเหลวงตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น
หน่วยงานที่ดูแลอย่างพัฒนาชุมชนระดับอำเภอก็ควรใส่ใจดูรายละเอียดแผนงานไม่ใช่ปล่อยให้เสียขบวนแล้วหาข้อแก้ตัว
ขณะที่บางพื้นที่ก็ยังไม่มีจุดยืน
ทั้งที่งบประมาณจ่อจะส่งมาช่วยพัฒนา อย่างเช่นแถวโซนเกาะคา มีมนุษย์โบราณเป็นของดี
แต่ไม่เคยเอามานำเสนอในเชิงสร้างสรรค์
และสร้างจุดแลนมาร์คให้เป็นจุดท่องเที่ยวอย่างจริงจังได้สักที เพราะบางทีการทำงานแบบทอปดาวน์
เอาเงินไปใช้แต่ไม่ให้คนเก่งลงไปช่วย
และชาวบ้านเองก็ไม่มีส่วนร่วมสร้างให้ชุมชนตัวเองไปสู่จุดหมายของการเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวได้อย่างเข้มแข็ง
การสร้างแบรนด์
ของชุมชนคนทำงานทุกระดับยังต้องเรียนรู้อีกมาก ตั้งแต่การ วิเคราะห์จุดเริ่มต้นว่า
กำลังจะทำอะไร หาจุดยืนของตัวเองให้เจอ
เพื่อนำเสนอให้ตลาดที่เขาคาดหวังสิ่งที่จะได้รับ
อย่างที่สองคือเรื่องของการสร้างชื่อหรือ
สัญลักษณ์โลโก้ สโลแกน คำพูด คำบรรยายที่ติดปาก แต่ส่วนใหญ่มักติดกับดักเน้นโลโก้ของหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ
หรือสร้างโลโก้เชยๆ ชื่ออ่านยาว จำยากๆ เหนื่อยใจแทน เมื่อ
สร้างกิจกรรมหรือพัฒนาโครงการอะไรขึ้นมาแล้ว อย่างที่สาม คือการสร้างการรับรู้ (Brand
awareness)คือพูดถึงบ่อยๆ นำเสนอในทุกๆที่ที่มีโอกาส ให้มันติดตลาด
และก็นำไปสู่ความนิยมชมชอบ เกิดผลทางการตลาดต่อเนื่องไม่เสียงบประมาณเปล่า เท่านี้
ชุมชนก็จะได้รับผลจากความยั่งยืน ที่แท้จริง
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ก่อนจะพัฒนาชุมชน
เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพี่เลี้ยงต้องพัฒนา MINDSET ตนเองก่อนไหม??
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1190 วันที่ 3 - 9 สิงหาคม 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น