วันเวลาเคลื่อนเร็วจนล่วงเลยมาถึงเดือน
9 เหลือเพียงไม่กี่เดือนปี 2561 ก็กำลังจะผ่านไป หากมีเวลาว่างเลยได้นั่งมองหาวันสำคัญในปฏิทินดูเล่นๆ
ซึ่งส่วนใหญ่เราก็พอจะรู้กันอยู่บ้างแล้ว แต่สำหรับคนบางกลุ่ม
(มักเป็นส่วนน้อยในสังคม และถูกค่อนขอดเสมอว่าโลกสวย)
วันสำคัญของพวกเขาไม่ได้ถูกระบุไว้ในปฏิทิน
หากแต่แจ่มชัดอยู่ในหัวใจเสมอเมื่อวันเหล่านั้นเวียนมาถึง
เดือนมกราคม วันที่ 14 วันทรัพยากรป่าไม้แห่งชาติ
เดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 2 วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก
วันที่ 13 วันรักนกเงือก
เดือนมีนาคม วันที่ 13 วันช้างไทย
วันที่ 21 วันป่าไม้โลก วันที่ 22 วันน้ำโลกและวันอนุรักษ์โลก
เดือนเมษายน วันที่ 2 วันอนุรักษ์มรดกไทย
วันที่ 12 วันป่าชุมชนชายเลนไทย วันที่ 13 วันประมงแห่งชาติ วันที่ 22 วันคุ้มครองโลก
เดือนพฤษภาคม วันที่ 22 วันความหลากหลายทางชีวภาพ
วันที่ 23 วันเต่าโลก วันที่ 25 วัน Car
Free Day
เดือนมิถุนายน วันที่ 5 วันสิ่งแวดล้อมโลก
วันที่ 8 วันทะเลโลก วันที่ 17 วันต่อต้านปัญหาภัยแล้งและฝนแล้งของโลก
เดือนกรกฎาคม วันที่ 29 วันอนุรักษ์เสือโคร่งโลก
วันที่ 31 วันผู้พิทักษ์ป่าโลก
เดือนกันยายน วันที่ 1 วันสืบ
นาคะเสถียร วันที่ 16 วันโอโซนโลก วันที่ 20 วันรักต้นไม้และวันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำคูคลองแห่งชาติ วันที่ 22
วันแรดโลก วันที่ 26 วันอนุรักษ์ทะเลโลก
เดือนตุลาคม วันที่ 21 วันรักต้นไม้ประจำปีแห่งชาติ
เดือนพฤศจิกายน วันที่ 16 วันพิทักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก
เดือนธันวาคม วันที่ 4 วันสิ่งแวดล้อมโลก
วันที่ 9 สัปดาห์อนุรักษ์มรดกโลก วันที่ 26 วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ
แต่รู้หรือไม่ว่าสำหรับเดือนกุมภาพันธ์
เราต่างตื่นเต้นและให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก แต่ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน
วันที่ 13
กุมภาพันธ์ คือ วันรักนกเงือก แม้พื้นที่ป่าในจังหวัดลำปางบ้านเราจะไม่มีรายงานการพบนกเงือก
เพราะแหล่งอาศัยของพวกเขาที่สำคัญ คือ ผืนป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น
ผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง และผืนป่าภาคใต้ แต่นกชนิดนี้มีชีวิตที่น่าสนใจไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมุมมองที่เป็นสัญลักษณ์แห่งรักแท้
นกเงือก
(Hornbill) เป็นนกที่มีรูปร่างหน้าตาโบราณ ถือกำเนิดมาไม่น้อยกว่า 45 ล้านปี มีอยู่ด้วยกัน 52 ชนิดในโลก
พบได้ในป่าและทุ่งหญ้าเขตร้อนของทวีปแอฟริกาและเอเชียเท่านั้น
ในประเทศไทยมีนกเงือก 13 ชนิด ได้แก่ นกกก นกเงือกกรามช้าง
นกแก๊ก นกเงือกสีน้ำตาลคอขาว นกเงือกปากดำ นกเงือกสีน้ำตาล นกเงือกหัวหงอก*
นกเงือกดำ* นกเงือกหัวแรด* นกเงือกปากย่น* นกเงือกกรามช้างปากเรียบ* นกเงือกคอแดง*
นกชนหิน* (* คือ นกเงือกที่อยู่ในสภาวะเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์)
นกเงือกมีลักษณะเด่นอยู่ที่ปากขนาดใหญ่โค้ง
มีโหนกประดับเหนือปาก (ยกเว้นนกเงือกคอแดงไม่มีโหนก) ลักษณะของโหนกแตกต่างกันไปในแต่ละชนิดของนก
ส่วนใหญ่เป็นโพรง มีเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำอยู่ภายใน
(ยกเว้นโหนกของนกชนหินที่ครึ่งหนึ่งตันเหมือนงาช้าง) เวลาบินเสียงจะดังมาก
เพราะใต้ปีกไม่มีขนปกคลุม
เมื่อกระพือปีกแต่ละครั้งอากาศจึงผ่านช่องว่างโคนขนปีกทำให้เกิดเสียงดัง
นกเงือกจับคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว
นกเงือกหนุ่มจีบนกเงือกสาวด้วยการนำอาหารมาให้ เมื่อถึงเวลาที่พร้อมจะวางไข่
ตัวผู้และตัวเมียจะหาโพรงไม้ตามต้นไม้ใหญ่ที่เหมาะ ๆ เมื่อถูกใจแล้ว
ตัวเมียจะเข้าไปวางไข่และกกไข่อยู่ในนั้น ส่วนตัวผู้มีหน้าที่ไปคาบเศษดินโคลน
แล้วผสมโคลนนั้นกับน้ำลาย บางครั้งก็ผสมกับมูลของตัวเมียด้วย และเอาโคลนนั้นช่วยกันปิดปากโพรงจนเหลือเพียงช่องเล็กๆ
ให้ตัวเมียโผล่แต่ปากออกมารับอาหารจากตัวผู้ ซึ่งต้องทำงานหนักเป็นสองเท่า
เพื่อหาอาหารมาเลี้ยงตนเองและลูกเมียที่อยู่ในโพรง ดังนั้น
จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หากนกเงือกตัวผู้ถูกล่า
นั่นหมายความว่าอีกสองชีวิตในโพรงก็ต้องดับสูญ
จากการวิจัยของโครงการศึกษาชีววิทยาและนิเวศวิทยาของนกเงือก
ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า
นกเงือกกินผลไม้ได้มากกว่า 300 ชนิด
ซึ่งบางชนิดนกขนาดเล็กไม่สามารถกินได้ จึงไม่สามารถช่วยกระจายเมล็ดได้
ต้องอาศัยนกเงือกเป็นกำลังสำคัญ เพราะนกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ถึงใหญ่มาก
กินทั้งแมลงและสัตว์เป็นอาหาร ธรรมชาติในการหากินต้องอาศัยพื้นที่ป่ากว้าง ส่งผลให้นกเงือกเป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญในการแพร่กระจายเมล็ดพันธุ์ไม้ป่า
ขณะเดียวกันก็ช่วยควบคุมประชากรของสัตว์เล็ก ๆ ด้วย เป็นการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
นกเงือกจึงเป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้อย่างดี
ทุกเวลานาทีในป่าใหญ่
ดูเหมือนทุกอย่างดำเนินไปตามครรลอง หลายชีวิตเกิดมาเพื่อรับใช้ธรรมชาติ ขณะที่นกเงือกเพียรใช้ทั้งชีวิตปลูกป่า
แต่ป่าของพวกเขากลับหดหายไปอย่างง่ายดายในชั่วเวลาแค่ข้ามคืน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1197 วันที่ 21 - 27 กันยายน 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น