
กิตติภูมิเมินตอบคำถามรถบุษบก
ขุดปัญหาตลาดหลักเมืองกลบ หลังถูกตั้งข้อสังเกตบริหารจัดการล้มเหลว ขณะที่เจ้าตัวเตรียมยื่นเรื่องถึง
ปปช.ให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างตลาดหลักเมือง ลั่นต้องการให้สังคมรับรู้ความจริง
ใครได้ประโยชน์
ในขณะที่สังคมยังคงให้ความสนใจกับประเด็นการจัดซื้อรถบุษบกของเทศบาลนครลำปางจำนวน
9 คัน มูลค่า 9.99 ล้านบาทเศษ
และยังคงเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์มาจนถึงปัจจุบัน
ไปสู่การตั้งกลุ่มรณรงค์ลงชื่อถอดถอนนายกเทศมนตรีลำปางและคณะทางเฟชบุ๊ก
และมีการตั้งโต๊ะลงรายชื่อเพื่อถอดถอนนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลที่ยกมือให้มติดังกล่าวผ่านสภาด้วย
ทางด้านนายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง
ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามและให้ความเห็นในเรื่องรถบุษบก แต่กลับได้มีการโพสต์เฟชบุ๊กส่วนตัว
เกี่ยวกับเรื่องปัญหาของตลาดหลักเมืองขึ้นแทน
สำหรับการก่อสร้างตลาดหลักเมืองนั้น
ได้เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 เทศบาลนครลำปาง ในสมัยนายนิมิต จิวะสันติการ
เป็นนายกเทศมนตรี ได้เริ่มดำเนินการรื้อถอนอาคารพาณิชย์
26 คูหาที่สร้างมานานกว่า 62 ปี และตลาดเทศบาล 1 หลังเก่า
ก่อนดำเนินโครงการก่อสร้าง ตลาดเทศบาล 1 หลังใหม่ขึ้นมาเพื่อให้ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดสดที่ได้มาตรฐาน
ถูกสุขลักษณะ ส่งเสริมให้ประชาชนได้จับจ่ายซื้อขายสินค้าที่สะอาด สะดวก ปลอดภัย
ทันสมัย จนแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2555
ด้วยงบประมาณดำเนินการรวมทั้งสิ้นกว่า 70 ล้านบาท และเปิดตลาดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25
ต.ค.2555
แต่ปรากฏว่าตั้งแต่เปิดบริการมาจนถึงปัจจุบัน ตลาดกลับไม่คึกคักเช่นเดิม และมีปัญหาต่างๆตามมาอีกมากมาย ทำให้ประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความล้มเหลวในการบริหารจัดการของผู้บริหารในยุคสมัยนี้หรือไม่
นายกิตติภูมิ
นามวงค์ จึงได้มีการโพสต์ข้อความขึ้นทางเฟชบุ๊กชื่อ นายกภูมิ นามวงค์ โดยใช้หัวข้อว่า
“เหตุเกิดที่ตลาดร้อยล้าน” และได้กล่าวถึงปัญหาต่างๆภายในตลาดหลักเมือง
เช่น ลานจอดรถใต้ถุนอาคารตลาดหลักเมือง ที่เกิดปัญหาน้ำรั่วซึมจากท่อน้ำย้อยลงไปด้านล่าง
พร้อมกับได้เล่าถึงการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ
แยกเป็นประเด็น 7 ข้อด้วยกัน
โดยระบุว่า
1.โครงการก่อสร้างตลาดร้อยล้าน(หลักเมือง)เป็นนโยบายของอดีตนายกเทศมนตรี
ก่อนที่จะฃนำเสนอขอใช้งบประมาณจากสภา
ทีมงานของนายกฯเป็นผู้กำหนดแบบแปลนและประมาณการแล้วจึงจัดทำญัตติเข้าสู่สภา 2.การนำเสนอญัตติต่อสภาเป็นหน้าที่ของนายกฯหรือนายกฯจะมอบหมายให้รองนายกฯผู้รับผิดชอบเป็นผู้อ่านญัตติเสนอต่อสภาก็ได้
วันเวลานั้น ดร.กิตติภูมิ นามวงค์ ขณะนั้นเป็นรองนายกเทศมนตรี
มอบหมายให้กำกับดูแลกองสาธารณสุข
และได้รับมอบหมายจากนายกฯให้เป็นเพียงแค่ผู้อ่านญัตติในสภาเท่านั้น 3.เมื่อญัตติได้ผ่านความเห็นชอบของสภาแล้ว
อดีตนายกเทศมนตรีเป็นผู้บริหารงบประมาณและจัดทำแบบแปลนละเอียดพร้อมประมาณการแล้ว จึงนำเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนของระเบียบกฎหมาย 4.ระหว่างการก่อสร้างหรือระหว่างการบริหารสัญญามีการแก้ไขแบบแปลนหรือไม่
5.เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จอดีตนายกเทศมนตรีจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ในการตัดสินใจทุกเรื่อง
ทั้งการจัดล๊อคให้แม่ค้าการทำสัญญา การย้ายแม่ค้าพ่อค้า
การตัดสินใจให้แม่ค้าขายตรงไหน 6.เมื่อเป็นนโยบายของนายกเทศมนตรี จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ในขณะนั้นดร.กิตติภูมิ
นามวงค์ ไม่ได้เป็นรองนายกเทศมนตรีแล้ว เพราะท่านบริหารตลาดอีกหนึ่งปีถึงจะมีการเลือกตั้งใหม่ และ 7.หลังการเลือกตั้ง
ดร.กิตติภูมิ นามวงค์ ชนะการเลือกตั้งได้เข้ามาบริหารตลาดต่อ แต่สัญญาแผง ล๊อค
ได้ทำกับพ่อค้าแม่ค้าไปหมดแล้ว รวมถึงการตัดสินใจปิดตลาดชั่วคราว เอาแม่ค้าพ่อค้าออกมาอยู่ตลาดร้อยล้านหมดแล้ว
ปัญหามันเกิดแล้วทุกอย่างมีแต่ต้องแก้ไขให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น
ข้างบนตลาดพ่อค้าแม่ค้าอยู่ไม่เกินครึ่งปีก็ออกไปหาที่ขายแห่งใหม่กันเกือบหมดเหลือเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ส่วนเหตุที่เกิดจากใต้ถุนตลาดก็เนื่องมาจากการจัดพื้นที่ที่แม่ค้าพ่อค้าขายของที่ไม่ตรงกับพื้นที่รองรับคือ
พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้เตรียมไว้ให้พ่อค้าแม่ค้าขายเนื้อ หมู ไก่ ปลา ซึ่งต้องใช้น้ำตลอดรวมถึงน้ำจากพวกนี้จะหยดตลอดและจากถังน้ำแข็งที่ต้องใช้แช่ของสดเหล่านี้
เมื่อพื้นที่ไม่ตรงตามหลักสุขาภิบาล น้ำเสียเหล่านี้ก็ลงไปตามท่อด้านล่างและท่อด้านล่างก็ไม่ได้คำนวณเพื่อรองรับน้ำเสียเหล่านี้
สุดท้ายก็ทั้งรั่วทั้งเหม็นทั้งชุมบางครั้งก็ระเบิดจากการเกิดแก๊สที่หมักของเสีย
สร้างความเดือดร้อนตลอดมา
นายกิตติภูมิ
ยังได้ระบุว่า เมื่อเข้ามารับตำแหน่งนายกเทศมนตรี ได้แก้ไขปัญหาต่างๆให้ดีขึ้นไปมากแล้วถึงสองครั้งใช้งบประมาณไปมากพอสมควร
แต่บางปัญหามันไม่สามารถแก้ได้ทันที เช่นพื้นที่ของพ่อค้าแม่ค้าที่ยังอยู่ในสัญญา
สถานที่ข้างบนตลาดไม่เหมาะสมกับสินค้าของพ่อค้าแม่ค้า
และที่สำคัญความนิยมของตลาดมันลดลงตั้งแต่แรกเริ่ม
แต่ด้วยความรับผิดชอบจะต้องแก้ไขปัญหาในแต่ละเรื่องต่อไป
นอกจากนี้นายกเทศมนตรียังได้กล่าวว่า
ตนเองจะเป็นผู้ยื่นเรื่องไปยัง ปปช.ให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างตลาดหลักเมืองอีกด้วย
เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ใช้งบประมาณเกือบร้อยล้าน เพื่อหาความจริงให้ปรากฏว่าโครงการนี้โปร่งใส่หรือไม่
ใครได้ประโยชน์ ใครทุจริต เพื่อให้สังคมได้หายสงสัย
เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการแก้ตัว แต่เป็นเรื่องจริงที่สังคมควรรับรู้
ขณะเดียวกันก็ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า
นายกฯกิตติภูมิ บริหารงานมาถึง 8 ปี เหตุใดยังแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้
และขอให้ตอบคำถามในการใช้งบประมาณเรื่องอื่นๆด้วย
ซึ่งยังมีหลายโครงการที่ประชาชนต้องการรับทราบ เช่นการจัดซื้อจอ LED ที่ติดตั้งอยู่ตามแยกต่างๆในเขตเทศบาล และเรื่องการจัดทำรถบุษบก
เมื่อประชาชนสอบถามไปก็ยังไม่ได้รับคำตอบในเรื่องนี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น