วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คนลำปางใต้พระบารมี หลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

ราอาจมีภาพจำเชียงใหม่กับในหลวง รัชกาลที่ ๙ มากกว่าลำปาง ด้วยโครงการหลวง และการเสด็จพระราชดำเนินบ่อยครั้ง แต่น้อยนักที่คนลำปาง จะได้รับรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่มีต่อคนลำปาง “ลานนาโพสต์” ได้เก็บรับและรวบรวม พระราชกรณียกิจของพระองค์ ที่ยังประโยชน์และความผาสุกมาถึงคนลำปางรุ่นนี้ ในห้วงปีที่ผ่านมา และขอนำมาบันทึกไว้อีกครั้ง

บันทึกภาพแห่งความทรงจำเหล่านั้น อย่างน้อยคนลำปางต่างยุคสมัย จะได้หลอมรวมใจเป็นดวงเดียว แสดงความจงรักภักดี และกตัญญูรู้คุณพ่อของแผ่นดินที่ได้สร้างทำหลายสิ่งไว้บนแผ่นดินนี้ ในห้วงระยะเวลา ๒๑ ครั้งที่พระองค์ก้าวพระบาทมาที่นี่

๒๑ ครั้ง ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร ทรงเสด็จพระราชดำเนินเพื่อเยี่ยมราษฏรและปฏิบัติพระราชภารกิจต่างๆ ณ จังหวัดลำปาง

นอกจากการเสด็จในการดังกล่าว รวมทั้งการนมัสการ และสนทนาธรรมกับหลวงพ่อเกษม เขมโก พระอริยสงฆ์ แห่งสุสานไตรลักษณ์แล้ว  พระองค์ยังทรงเสด็จทอดพระเนตรโครงการเกี่ยวกับงานชลประทาน อันเป็นหนึ่งในหลายเรื่องที่ทรงสนพระทัยเป็นพิเศษด้วย

เนื่องเพราะโครงการเหล่านั้น จะยังประโยชน์ให้กับเกษตรกร และราษฏรของพระองค์ที่จำเป็นต้องใช้น้ำในการเพาะ ปลูกพืชไร่ นา สวน อีกทั้งยามน้ำหลาก เขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ ทั้งหลายก็จะเป็นที่กักเก็บน้ำไม่ให้เกิดน้ำท่วมอันเป็นความเดือดร้อนของพสกนิกรของพระองค์

เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๑๙  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ได้ทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดาฯ จากพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ไปยังสวนป่าแม่ทรายคำ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ทอดพระเนตรโครงการปรับปรุงเหมืองฝายในลำน้ำแม่มอน อำเภอแจ้ห่ม

นายอำนวย คอวนิช ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ในขณะนั้น เฝ้ารับเสด็จและถวายรายงานสรุปกิจการของสวนป่าแม่ทรายคำ หลังจากนั้น ทรงมีพระราชดำรัสว่า

“...ควรสำรวจตลอดแนวลำน้ำในเขตสวนป่า และปลูกพืชชนิดใบหนาเป็นพุ่มปกคลุมบริเวณต้นน้ำ เพื่อรักษาต้นน้ำ ตลอดจนการสร้างฝายปิดกั้นน้ำ เพื่อส่งน้ำทั่วบริเวณเพาะปลูก..”

พระราชดำรัสถึงพืชชนิดใบหนาปกคลุมต้นน้ำ ก็ไม่แตกต่างไปจากพระราชดำริหญ้าแฝก ป้องกันการเสื่อมโทรมและพังทลายของดิน

ในวันเดียวกันนั้น เสด็จฯโรงเรียนแจ้ห่มวิทยา อำเภอแจ้ห่ม นายยุทธ กิ่งเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ ๒ จังหวัดลำปาง เฝ้ากราบบังคมทูลรายงานโครงการปรับปรุงเหมืองฝายทั้ง ๓ ในลำน้ำแม่มอน ได้แก่ฝายแม่เลียบซ้าย ฝายแม่เลียบขวา และฝายแม่มอนเดิม

จากนั้นทรงพระดำเนินระยะทางประมาณ ๑ กิโลเมตรเศษ ไปยังฝายแม่เลียบซ้าย ซึ่งอยู่ระหว่างซ่อมแซม ในการนี้มีพระราชดำรัส ใจความสำคัญว่า

“...เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายควรส่งเสริมให้ราษฏรทำการเพาะปลูกพืชตามฤดูกาล โดยเจ้าหน้าที่เป็นผู้แนะนำในด้านหลักวิชาการเกษตร ตลอดจนการศึกษาภาวะด้านการตลาด ทั้งนี้จะได้มีการพัฒนาเศรษฐกิจของท้องถิ่น และเป็นการใช้น้ำทางด้านชลประทานอย่างคุ้มค่ากับการลงทุนสร้างฝาย นอกจากนั้น ยังเป็นการช่วยบรรเทาอุทกภัยได้อีกด้วย”

พระราชดำรัสนี้สะท้อนให้เห็นพระอัจฉริยภาพในการบริหารจัดการด้านชลประทาน ที่ทรงมีสายพระเนตรยาวไกลในการสร้างเขื่อน สร้างฝายว่า จะเป็นประโยชน์ทั้งในการกักเก็บน้ำ และบรรเทาปัญหาน้ำท่วมด้วย

จะเห็นได้ว่า งานด้านการชลประทานนั้น เป็นงานสำคัญที่พสกนิกรชาวจังหวัดลำปาง ได้รับพระมหากรุณาธิคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคนในจังหวัดอื่นๆ ซึ่งงานชลประทานดังกล่าว ได้ฉายให้เห็นความใส่พระทัย ครั้งยังดำรงพระยศเป็นพระราชอนุชาแล้ว

โดยครั้งประทับอยู่ที่โรงเรียนเลอ ฟัวเย่ ในปี ๒๔๗๗ ขณะพระชันษา ๗ ปี “ได้ทรงสังเกตและจำวิธีที่เขาใช้ในการนำน้ำมาใส่ในอ่างให้เด็กเล่น เขาไปเอาน้ำมาจากลำธารที่ไหลใกล้ๆ ทำทางตื้นๆให้น้ำไหลลงมาได้  เอาดินเหนียวใส่ลงไปในทางและเอาขวดไปถูให้เรียบ” (จากหนังสือเจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์) ในกาลต่อมาน้ำและเขื่อนเมื่อทรงพระเยาว์ ก็ได้กลายเป็นน้ำและเขื่อนที่ยังประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยามจนถึงวันนี้

พระองค์ไม่ทรงโปรดที่จะมี “พระบรมราชโองการ” หากแต่มีพระราชประสงค์ที่จะมีเพียง “พระราชดำริ” ซึ่งบุคคล ข้าราชการที่เกี่ยวข้องอาจถวายคำแนะนำเป็นอย่างอื่นได้

แต่น่าแปลกอย่างยิ่งที่พระราชดำริของพระองค์โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับฝาย เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ได้มีผู้น้อมนำไปปฏิบัติและเห็นผล ดั่งคราวเมื่อเสด็จเหมิองฝายในลำน้ำแม่มอน สามปีต่อมา

เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๒๒ ได้เสด็จไปทอดพระเนตรโครงการชลประทาน ฝายทดน้ำแม่มอนซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริอีกวาระหนึ่ง ปรากฏว่าได้ช่วยเหลือขจัดความเดือดร้อนของราษฏรได้อย่างดียิ่ง เป็นที่พอพระราชหฤทัย 

นี่เป็นสิ่งที่สมควรปิติยินดี ว่า คงไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดอีกแล้วในโลกนี้ ที่จะเอาพระทัยใส่ความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฏรถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะคนลำปาง พ.ศ.นี้ 

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์