วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

รัฐบาลร้อยพ่อพันแม่ ตั้งได้ก็ล้มง่าย !

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

มิใช่เพียงรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำเท่านั้น หากการเป็นรัฐบาลหลายพรรค หรือรัฐบาลร้อยพ่อพันแม่ ยังจะเร่งเวลาให้อายุรัฐบาลใหม่หดสั้นยิ่งขึ้นด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสข่าว ทางเลือกที่สาม คือการผลักดันให้หัวหน้าพรรคหรือ สมาชิกพรรคคนสำคัญ กรณีพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็แทบจะตอกตะปูปิดฝาโลงได้เลย

เราอาจเห็นว่า ความเคลื่อนไหวทั้งฝั่งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่งในทางการเมือง เพราะเมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ก็ต้องมีรัฐบาล และโดยธรรมชาติ ทุกพรรคต่างก็ต้องช่วงชิงกันเข้าสู่อำนาจ เพราะอำนาจจะเอื้อประโยชน์ให้นักการเมือง ทั้งโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ และฐานะตำแหน่ง

แต่หลักสำคัญ ที่ประชาชน ควรต้องสนับสนุนให้พรรคการเมืองที่มีจำนวนเก้าอี้สูงสุดในสภา เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน เมื่อไม่สำเร็จจึงควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองลำดับ 2 ลำดับ 3 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล นี่เป็นวิถีประชาธิปไตย แต่การเมืองที่กำลังเป็นอยู่ขณะนี้ คือนักการเมืองพยายามใช้ทุกวิถีทาง เพื่อเป็นรัฐบาล แม้จะมีพรรคร่วมรัฐบาลมาก ซึ่งจะส่งผลความยุ่งยากติดตามมาอย่างแน่นอน

ไม่เคยมีรัฐบาลผสมมากพรรค ที่มีเสถียรภาพ และไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่มีจำนวนเสียงน้อย อยู่ในตำแหน่งได้ยาวนาน หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม เคยเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งที่มี ส.ส.ในสภาเพียง 18 เสียง แต่รัฐบาลหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็มีอายุไม่ถึงหนึ่งปี

รัฐบาลหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ประกอบด้วยรัฐบาลหลายพรรค เช่น พรรคไท พรรคพลังประชาชน และพรรคอื่นๆ ซึ่งรวมเรียกว่า “รัฐบาลสหพรรค” เมื่อเริ่มต้นตั้งรัฐบาล มีความยุ่งยากอย่างมาก เนื่องจากแต่ละพรรค ต่างเรียกร้องตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล จนกระทั่งเมื่อมีรัฐบาลแล้ว ความยุ่งยากนั้นก็ไม่ลดลง

รัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อให้มีพรรคการเมืองจำนวนมาก ย้อนแย้งกับหลักคิดแต่เดิมที่ว่า ต้องการให้การเมืองมีเสถียรภาพ จึงจำเป็นต้องให้มีพรรคการเมืองน้อยพรรค มีการสนับสนุนให้ ประชาชนเลือกพรรคการเมืองด้วยนโยบายมากกว่าตัวบุคคล เพราะมีบทเรียนในอดีตแล้วว่า การมีพรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมาก ทำให้การเมืองไร้เสถียรภาพ

แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อมีการเมืองน้อยพรรค ก็จะเกิดปรากฎการณ์เช่นเดียวกับพรรคไทยรักไทย โดยเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ได้รับเลือกเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด ในการเลือกตั้งทั่วไปใน พ.ศ.2548 โดยได้รับการเลือกตั้งถึง 376 ที่นั่ง จากจำนวน ส.ส.ทั้งสภา 500 ที่นั่ง กลายเป็นพรรครัฐบาลพรรคเดียวที่มาจากการเลือกตั้ง

นั่นเป็นการลงเลือกตั้งครั้งแรกของพรรคไทยรักไทย เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้แตกต่างไปจากพรรคอนาคตใหม่ในวันนี้มากนัก ที่ลงเลือกตั้งเพียงครั้งแรกก็ได้คะแนนเสียงจำนวนมาก ถึงแม้จะไม่มากที่สุด และก็เป็นเหตุผลที่ฝ่ายอำนาจนิยม หวาดระแวงว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะกลายเป็นทักษิณ 2

การเมืองไทย คล้ายไม้หลักปักเลน เป็นการเมืองที่อยู่บนพื้นฐานของความหวาดระแวง พวกเขาหวาดระแวงทักษิณ ชินวัตร จึงต้องร่างรัฐธรรมนูญไม่ให้พรรคการเมืองใดมีโอกาสเป็นพรรคเสียงข้างมากในสภาอย่างเด็ดขาด แล้วก็ได้พรรคการเมืองหลายพรรคมาดั่งที่ตั้งใจ พรรคการเมืองหลายพรรคก็จะก่อให้เกิดปัญหาการแย่งชิงตำแหน่ง อำนาจ และผลประโยชน์ การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ปัญหาประชาชนถูกละเลย เพิกเฉย

นักการเมืองแย่งชิงตำแหน่ง และผลประโยชน์ การเลือกตั้งที่เป็นความหวังเดียวของประชาชนก่อนหน้านี้ กลายเป็นความสิ้นหวัง และการกดทับของความทุกข์ที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1229 วันที่ 17 - 23 พฤษภาคม 2562)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์