
โครงการสายไฟลงดิน ของเทศบาล
เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามปรับภูมิทัศน์ของเมืองลำปาง ให้ดูเป็นระเบียบ
เรียบร้อยมากขึ้น เมื่อถนนทั้งสาย ไม่มีเส้นสายไฟ สายสื่อสาร หรือสารพัดสาย
ห้อยโยงพะรุงพะรัง นอกจากเป็นความปลอดภัยของคนในบริเวณนั้นแล้ว ถนนไร้สาย
จะเป็นถนนอันงดงาม เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนลำปางทั้งระบบด้วย
ในต่างประเทศหลายประเทศ เขาก็เอาสายไฟลงดินบ้าง ไม่ลงดินบ้าง
แล้วแต่สภาพสายไฟและความจำเป็น แต่ที่ญี่ปุ่นมีความก้าวหน้าทันสมัย
เรื่องเทคโนโลยี มีคนตั้งสังเกตุว่า สายไฟ สายสัญญาณต่างๆยังยุ่งเหยิงไม่ผิดกับถนนในเมืองไทย
เหตุผลก็เพราะเจ้าของหน่วยงานเจ้าของสายยังตกลงกันไม่ได้
และในประเทศที่แผ่นดินไหวอาจเกิดขึ้นได้ทุกนาทีเช่นที่ญี่ปุ่น หากเกิดเหตุขึ้น
ก็อาจยุ่งยากในการจัดการแก้ไข
กรุงเทพ ประเทศไทย ก็มีถนนหลายสาย ที่เป็นถนนไร้สายไปแล้ว เช่นเดียวกับย่านสยามสแควร์
ศูนย์การค้าและธุรกิจสำคัญใจกลางเมือง ที่เป็นที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็มีการจัดการนำสายไฟ
จัดระเบียบสายสัญญาณสื่อสารลงใต้ดิน โดยสร้างเครือข่ายเส้นใยแก้วนำแก้ว
ฝังใต้ดินทดแทนสายสื่อสารทั้งหมด เสร็จมาราวสองเดือนแล้ว
ที่กรุงเทพ คิดการใหญ่ไม่ได้เอา สายสัญญาณลงดินเพียง 2-3 สาย แต่มีแผนที่จะดำเนินการบนถนนสายหลัก สายรอง ทั่วกรุงเทพ
มีความยาวรวมกันถึง 2,450 ก.ม.โดยปีนี้
กทม.จะขุดวางท่อร้อยสาย และนำสายสื่อสารลงใต้ดินอย่างน้อยบนพื้นที่ 150 ก.ม.
พวกเขาไม่ได้ทำเล่นๆ แต่เอาจริงเอาจัง โดยมีมติคณะรัฐมนตรีรองรับ
คณะรัฐมนตรีรับทราบมติของกระทรวงดิจิทัล ให้กทม.เป็นแม่งาน
จัดการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน โดยได้เริ่มขุดดิน ร้อยสายมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 ที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้จะเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี แปลว่าตลอด 2 ปีนี้ ผู้คน อาคารร้านค้าพาณิชย์
สองข้างทางคงต้องผจญกับฝุ่น ควัน ความลำบากลำบนยาวนานมาก
ลำปาง แค่ถนนบุญวาทย์ เส้นเดียว ไม่กี่กิโล ใช้เวลาราว 8 เดือน เหมือนเกิดสงครามโลก ต้องให้เครดิตนายกิตติภูมิ นามวงศ์
นายกเทศมนตรีนครลำปาง ที่ทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ ซึ่งแน่นอนว่า
เมื่อต้องเปลี่ยนจากพื้นดินลงใต้ดิน มีการขุด มีการวางท่อ ผลกระทบทั้งฝุ่น
ทั้งเส้นทางที่เป็นหลุม เป็นบ่อ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถนนสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนลำปาง
คนลำปางที่ทำมาหากินอยู่สองฟากฝั่ง ก็อาจต้องอดทน ยอมรับสภาพเพียงระยะเวลาหนึ่ง
เพื่อสิ่งที่ดีกว่า เพื่อทัศนียภาพที่งดงาม เพื่อประชาคมลำปางทั้งจังหวัดในระยะยาว
เพียงแต่ปัญหาที่เกิดขึ้น จากความไม่พอใจของชาวบ้าน
ก็ต้องเข้าใจและกล้าหาญที่จะรับฟัง และอธิบายทำความเข้าใจ
ในฐานะที่พวกเขาเลือกตนเองมา ถ้าหากนายกิตติภูมิ เชื่อมั่นในการทำงานที่สร้างสรรค์ความเจริญให้ท้องถิ่น
ก็ต้องทบทวนว่ามีปัญหาในการสื่อสารกับชาวบ้านไหม เข้าอกเข้าใจ เอาใจใส่ความเดือดร้อนของพวกเขาเพียงพอไหม
โดยเฉพาะการจัดการเรื่องความไร้ระเบียบของถนน ฝุ่นละออง ที่รบกวนชาวบ้าน
สัปดาห์ที่ผ่านมา นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน
ซึ่งเคยเป็นศิษย์ร่วมสำนักมากับ “ม้าสีหมอก” มาดูแลปัญหาด้วยตัวเอง
หลังจากมีประเด็นที่มีผู้ไปร้องที่กรุงเทพ ซึ่งผู้ร้องไม่ได้เจาะจงที่จังหวัดลำปาง
แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า ลำปางโมเดล ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการน่าสนใจ
ผู้ตรวจการแผ่นดินก็เห็นปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน จึงกำชับให้ผู้รับเหมา
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลจัดการเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ก่อนส่งมอบงาน และระหว่างยังไม่ส่งมอบงาน
นี่ก็เป็นอีกแรงหนึ่ง ที่บอกว่าปัญหาของคนลำปาง
อันเนื่องมาจากโครงการสายไฟลงดินของเทศบาลไม่ได้ถูกละเลย
ถ้าก้าวเข้าหากันคนละก้าว ให้เห็นอีกด้านหนึ่ง นายกเทศมนตรี
ต้องการทำให้เมืองลำปาง มีสง่าราศรี เป็นที่จดจำและกล่าวขวัญของคนผ่านทาง
ชาวบ้านต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดีที่เอื้อต่อการทำมาหากิน พูดกันให้รู้เรื่อง
สื่อสารกันให้เข้าใจ โดยมีผลประโยชน์ของลำปางทั้งระบบ เป็นเป้าหมาย
ก็ไม่จำเป็นต้องลั่นไกปืนสักนัดเดียว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น