โครงการสายไฟลงดิน ถนนพหลโยธินผ่านสภาฯแบบฉิวเฉียด
หลัง สท.เสนอแปรญัตติตัดงบทั้งหมด
ในที่ประชุมยกมือ 10 ต่อ 7
ยืนต่างร่างเดิม ด้านกิตติภูมิพ้อกลางสภาฯ ถูกกล่าวหาไร้ประสิทธิภาพ
ถามกลับคนพูดทำอะไรบ้าง
เผยหากมีคุณภาพหรือไม่ขอให้ดูที่ผลงานไม่ใช่คำพูด
เมื่อเวลา 09.30 น.
วันที่ 28 ส.ค. 62 เทศบาลนครลำปาง เปิดประชุมสภาเทศบาลนครลำปาง
สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 ครั้งที่ 2
ประจำปี 2562
เพื่อพิจารณาร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระที่ 2 และวาระที่ 3
หลังจากร่างเทศบัญญัติดังกล่าวฯ
ได้ผ่านมติในที่ประชุมขั้นรับหลักการไปแล้วเมื่อวันที่ 13
สิงหาคม 2562
ที่ผ่านมา โดยมีมติให้ความเห็นชอบ 15 เสียง
นอกจากนั้นงดออกเสียง จากนั้นจึงได้กำหนดเสนอยื่นแปรญัตติวันที่ 14-16 สิงหาคม 2562
ทางคณะกรรมการแปรญัตติกำหนดประชุมกันในวันที่ 18-19
สิงหาคม 2562
ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ได้มีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังประมาณ 30 คน
ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้
ได้มีระเบียบวาระที่สำคัญในการประชุมวาระที่ 2 และวาระที่ 3 คือการเสนอขอลดรายจ่ายที่ตั้งไว้ในแผนงานเคหะและชุมชน งานไฟฟ้าถนนฯ
รายการเงินอุดหนุนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งไว้ 53,884,600
บาท เพื่อจ่ายเป็นเงินอุดหนุนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ในการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าเคเบิลใต้ดินเฟส 1 ตั้งแต่สี่แยกดอนปาน ถึงถนนดวงรัตน์ ระยะทาง 1,200
เมตร โดยผู้ยื่นเสนอแปรญัตติคือ
นายสมบูรณ์ คุรุภากรณ์ สมาชิกสภาเทศบาลนครลำปาง
โดยให้เหตุผลว่า เป็นโครงการที่ใช้งบประมาณสูง มีการดำเนินงาน 3 เฟส ซึ่งในเขตเทศบาลยังมีงานอื่นที่ยังต้องพัฒนาอีกจำนวนมาก
ประกอบกับความสามารถในการบริหารโครงการลักษณะเช่นนี้ของผู้บริหารยังไม่น่าเชื่อถือเพียงพอที่จะให้การสนับสนุนงบประมาณ
ขณะที่นายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรี
ชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเทศบาลตามระเบียบกฎหมาย
มีการจัดทำแผน และงบประมาณรายจ่ายเป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องครบถ้วน
ได้คำนึงถึงสถานะการเงินการคลังของเทศบาลนครลำปาง ซึ่งมีความมั่นคง
สามารถดำเนินโครงการดังกล่าวได้
และในขั้นประชุมรับหลักการได้มีการอภิปรายในทุกมิติ จาก กฟภ.
และส่วนกลาง
ด้านกรรมการแปรญัตติได้พิจารณาแล้ว
เห็นด้วยให้คงร่างเดิมไว้จำนวน 2 เสียง และงดออกเสียง
1 คน
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า
โครงการนี้เป็นโครงการที่สิ้นเปลือง ในระยะที่ 1ใช้เงินกว่า
53 ล้านบาท ยังต้องมีเงินทำผิวทางต่างๆอีก
ประมาณการไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
โดยอ้างอิงจากโครงการที่ถนนบุญวาทย์
นอกจากนี้ยังมีโครงการต่อเนื่องระยะที่ 2 และ 3 รวมกันกว่า 180 ล้านบาท คิดว่าทำมาแล้วก็ยอมรับว่าดูโล่งดี
แต่ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ สำหรับถนนพหลโยธินเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ก็ยังไม่เห็นมีความแตกต่างจากเดิม
เพราะฉะนั้นยังมีโครงการที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือในชุมชนอีกจำนวนมาก
ที่เป็นประโยชน์จำเป็นมากกว่า
ตามมารยาทนักการเมืองที่มีจริยธรรม
ในปลายของการบริหารไม่ควรทำโครงการที่มีขนาดใหญ่เกินตัวและต่อเนื่องไปอีกหลายปี จึงมองว่ายังไม่เหมาะที่จะทำโครงการ การทำโครงการสายไฟลงดินนี้ก็ไม่ได้คัดค้านเสียทีเดียว
ถ้าทำในงบประมาณที่พอเหมาะพอควร ในถนนที่เหมาะที่จะทำ โดยมีผลทางด้านเศรษฐกิจตามมา
การบริหารงานที่ไม่น่าไว้ใจของฝ่ายบริหาร
ที่ทำให้มีคนเจ็บและตาย
เมื่อเกิดเหตุการณ์มีคนเสียชีวิตแล้วก็ไม่รู้ว่าฝ่ายบริหารจะรับผิดชอบยังไงหากนายกฯไปควบคุมการทำงานผ่านทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
หรือผู้รับจ้าง ให้ดีเรียบร้อย
หรือหากยังไม่เสร็จดีก็ให้มีป้ายหรือสัญญาณจราจรกั้น
ไม่เคยเห็นนายกฯลงไปบัญชาการแก้ปัญหาถนนบุญวาทย์
มีแต่ปลัดเทศบาลที่เข้าไปดูแล
อยากให้ฝ่ายบริหารดูในสื่อโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่มีเหตุคนเจ็บคนตาย
ไม่มีใครไว้วางใจหรือเห็นด้วยกับโครงการที่จะเกิดขึ้นใหม่นี้
และมีการวิพากษ์วิจารณ์ที่เสียหาย
กระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องรับฟังด้วย
อยากให้สมาชิกสภาฯไม่ถูกผู้ใดมาครอบงำ
ให้ตัดสินใจด้วยความรับผิดชอบและสำนึก เมื่อโครงการมีปัญหา ก็ไม่ควรจะก้าวข้าม
เมื่อมีคนมาสังเวยกับโครงการแบบนี้ ไม่คิดว่าจะมีความใจร้ายใจดำ
ควรแยกแยะความเหมาะสมที่จะผ่านโครงการตัวนี้
ด้านนายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรี
การทำโครงการไฟฟ้าลงดิน สืบเนื่องจากถนนบุญวาทย์
เรื่องนี้เป็นนโยบายของผู้บริหารที่ประกาศตั้งแต่ต้นว่าจะเอาสายไฟฟ้าลงใต้ดิน
นับหนึ่งที่ถนนบุญวาทย์ และนับสองที่ถนนพหลโยธิน ซึ่งได้ผ่านการจัดทำแผน
โดยมีกระบวนการต่างๆ จนมาถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ครบทุกกระบวนการถูกต้องตามระเบียบ
และสถานะการเงินการคลังของเทศบาลสามารถทำได้ ก็ต้องรีบดำเนินการเพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ จึงนับสองทำสายไฟลงดิน
ก่อนที่จะมานำสู่การพิจารณาในสภาฯ ในขั้นรับหลักการที่ผ่านมา
ได้เปิดการอภิปรายทุกมิติ โดยโครงการนี้ใช้เวลาอภิปรายมาก โดยเชิญเจ้าหน้าที่
กฟภ.ส่วนภูมิภาคและส่วนกลางก็ได้มาชี้แจงทั้งหมดแล้ว มติรับหลักการก็เป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ
เชื่อว่าโครงการนี้มีความจำเป็น
นายกเทศมนตรี กล่าวอีกว่า การเป็นนายกฯ
อาสาจากประชาชมาทำงาน แก้ปัญหาให้ประชาชน
เมื่อครั้งไปยกมือไหว้ขอคะแนนเพื่ออาสาเข้ามาเป็นนายกฯ
ก็ไม่เคยบอกกับชาวบ้านว่าจะเข้ามาด่าหรือต่อล้อต่อเถียงกับใคร ถึงไม่ตอบโต้ ใครจะพูดจะว่าอย่างไรก็ให้ว่าไป การไร้ประสิทธิภาพของนายกเทศมนตรี
คำนี้ถือว่าเป็นคำที่แรง แต่ไม่เป็นไรตนเองก็รับได้
เพราะรู้ว่าหน้าที่ของตนคืออะไร
ผมมีมารยาทพอว่าอะไรควรหรือไม่ควร อำนาจหน้าที่ควรใช้อย่างไร ใครมีหน้าที่ทำอะไรเพื่อประชาชน ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่มีหลายโครงการที่เกิดขึ้น
ไม่ใช่ทำเพียงโครงการสายไฟลงใต้ดินโครงการเดียว
ซึ่งก็เห็นว่ามีคนเข้ามาต่อว่ามาตลอด ก็ไม่เป็นไร
ท้ายที่สุดโครงการออกมาดีก็ไม่มีใครชม
อีกทั้งรางวัลต่างๆที่ได้รับมา ไม่ใช่ได้มาจากการจับฉลาก
แต่ได้มาจากผลงานของเทศบาล ที่การันตีว่าคือความไร้ประสิทธิภาพหรือมีประสิทธิภาพ
เรื่องนี้สามารถอธิบายได้
การทำงานทุกโครงการมีระเบียบ มีกฎหมาย มีขั้นตอน เมื่อมีสัญญาก็ต้องปฏิบัติตาม
ถ้าไม่ปฏิบัติก็มีหน่วยงานองค์กรที่จะตรวจสอบได้
หลังจากการอภิปรายเสร็จ
ทางประธานสภาฯได้ขอมติจากสมาชิกสภาฯ ว่าเห็นชอบตามร่างเดิม คือ
รายจ่ายที่ตั้งไว้ในแผนงานเคหะและชุมชน งานไฟฟ้าถนนฯ
รายการเงินอุดหนุนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งไว้ 53,884,600 บาท เพื่อจ่ายเป็นเงินอุดหนุนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ในการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าเคเบิลใต้ดินเฟส 1 ตั้งแต่สี่แยกดอนปาน ถึงถนนดวงรัตน์ ระยะทาง 1,200
เมตร หรือไม่ ซึ่งทางสมาชิกสภาฯมีมติเห็นชอบ 10 เสียง และมีสมาชิกสภาฯเห็นตามคำแปรญัตติ ขอลดรายจ่ายงบประมาณดังกล่าว
จำนวน 7 เสียง ส่วนอีก 2 คน
งดออกเสียง
นอกจากนั้นทางประธานสภาฯ
ได้ขอมติเห็นชอบร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563
ในวาระที่ 3 ซึ่งมีสมาชิกสภาฯยกมือเห็นชอบ 12 เสียง ส่วนอีก 7
คน งดออกเสียง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น