
ชายชาว จ.น่าน มาเฝ้าไข้เมีย ก่อเหตุระทึก
แทงผู้ป่วยอื่นได้รับบาดเจ็บถึง 4 รายในหอผู้ป่วยโรงพยาบาลลำปาง ด้าน สสจ.ตั้งโต๊ะแถลง
เบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุมีอาการทางประสาท ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมเข้ม
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 62 เวลา 10.00 น.
ที่ห้องประชุม ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง นายแพทย์ประเสริฐ
กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยนายแพทย์ธวัชชัย ปานทอง
รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลลำปาง พ.ต.ท.สมควร
เกตุเทศ รอง ผกก.(สอบสวน) หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง พ.ต.ท.วิเชียร ใจสันกลาง
สว.(สอบสวน)สภ.เมืองลำปาง
ร่วมกันชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ไล่ทางผู้ป่วยและญาติ ในตึกผู้ป่วยของโรงพยาบาลลำปาง
โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 26 ส.ค.62 ที่ผ่านมา
ซึ่งหลังเกิดเหตุได้มีการเสนอข่าวที่บิดเบือนความจริง
นายแพทย์ประเสริฐ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่มีชายอายุ 62 ปี ชาว จ.น่าน
มาเฝ้าไข้ภรรยาที่ผ่าตัดเส้นเลือดแดงในช่องอกโป่งพองและไตวาย ตั้งแต่วันที่ 21
ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดอาการคลุ้มคลั่งใช้กรรไกรไล่แทงผู้ป่วยอื่นที่นอนเตียงติดกันและญาติผู้ป่วยที่อยู่ข้างเตียง
ในหอผู้ป่วยสามัญ ศัลยกรรมทรวงอกหัวใจและหลอดเลือด ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย คือ รายแรกเป็น ผู้ป่วยหญิง อายุ 62
ปีนอนเตียงข้างกัน ได้รับบาดเจ็บบริเวณสะโพกซ้าย รายที่สอง ผู้ป่วยชายอายุ 60 ปี มีบาดแผลบริเวณหน้าแข้งซ้าย ยาวประมาณ 6
ซ.ม. รายที่สาม ญาติผู้ป่วยเป็นหญิงอายุ
57 ปี ได้รับบาดเจ็บจากของมีคนบริเวณไหปลาร้าซ้าย มีเลือดออกมาก
ต้องทำการผ่าตัดเพราะบาดแผลลึก โดนเส้นเลือดภายใน อาการปลอดภัยแล้ว และรายที่สี่ ญาติผู้ป่วยเป็นชายอายุ 48 ปี
ถูกของมีคมบริเวณหน้าอก ยาวประมาณ 2 ซ.ม. ได้ทำการเย็บปิดแผล อาการปลอดภัยดี ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุได้มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล
และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ และควบคุมตัวชายผู้ก่อเหตุไว้ได้
โดยเบื้องต้นพบว่าให้การวกวน พูดไม่รู้เรื่อง เข้าข่ายผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตประสาท
จึงนำตัวไปรักษา ให้ยาระงับประสาท โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด
นายแพทย์สาธารณสุข กล่าวต่อไป
สำหรับอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ
เป็นกรรไกรที่ผู้ก่อเหตุนำมาใช้ในการตัดอุปกรณ์ต่างๆของภรรยา
ซึ่งคงไม่มีใครคิดว่าจะมีการนำมาเป็นอาวุธ กรณีนี้ค่อนข้างจะคาดเดายาก
เพราะผู้ป่วยที่เป็นจิตประสาท
บุคลิกภาพต่างๆก็จะใกล้เคียงกับคนปกติมากหากอาการไม่กำเริบขึ้น
เหตุที่ทำให้เกิดภาวะคลุ้มคลั่งอาจจะมาจากการอดนอน เครียด และอื่นๆ ทางโรงพยาบาลคงไม่ได้มีการตรวจสอบอาวุธ
เนื่องจากโดยปกติวิสัยคงไม่มีใครพกพาอาวุธเข้ามาภายในโรงพยาบาลอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลทุกแห่งได้มีมาตรการป้องกันเหตุในกรณีการก่อเหตุทะเลาะวิวาทเป็นกลุ่มใหญ่อยู่
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ
“ตนเองรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ไม่คิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ ไม่คาดคิดว่าญาติผู้ป่วยที่มีอาการทางประสาทจะเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาเฉียบพลัน
และก่อเหตุให้เกิดผลกระทบต่อผู้ป่วยรายอื่น ทางโรงพยาบาลได้ขอโทษและทำความเข้าใจกับผู้ป่วยที่ประสบเหตุแล้ว พร้อมกับได้ดูแลอย่างใกล้ชิด” นายแพทย์ประเสริฐ กล่าว
ด้าน
พ.ต.ท.สมควร เกตุเทศ รอง ผกก.สอบสวน กล่าวถึงการดำเนินคดีว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถสอบปากคำผู้ก่อเหตุได้
เนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษาตัวอยู่
เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส
และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งได้กระทำการตามหน้าที่ หากผู้ก่อเหตุอาการดีขึ้นแล้ว
ก็จะเรียกตัวมาทำการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น