
จำนวนผู้เข้าชม
กระแสผักอินทรีย์
ผักปลอดภัย มาแรงแซงทุกโค้งสำหรับผู้บริโภคไม่ว่าจะสายสุขภาพ หรือสายบริโภคทั่วไป เพราะเทรนด์การรักสุขภาพ
ทำให้ทุกเพศทุกวัย หันมาดูแลสุขภาพ ทั้งการออกกำลังกายกันมากขึ้น
รวมถึงใส่ใจอาหารการกิน
การรับรองมาตรฐาน
คุณภาพผลิตภัณฑ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ผศ.ดร.นันทินา ดำรงวัฒนกุล คณบดี คณะเทคโนโลยีการเกษตร
มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง จึงได้เริ่มโครงการ Safe for sure ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปางเพื่อประเมินความปลอดภัยของสารเคมีตกค้างในผัก
รวมถึงตรวจวัดสารปฏิชีวนะในผลิตภัณฑ์ไข่และเนื้อสัตว์อีกด้วย
ในเฟสแรกของโครงการมีเกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก โดยได้มีอาจารย์
และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจประเมิน และสุ่มเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์สารตกค้าง
กลุ่มเกษตรกรผ่านการตรวจประเมินก็จะได้รับตราสัญลักษณ์
เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจได้ยิ่งขึ้น
- กลุ่มเกษตรอินทรีย์ริมวัง
อ.วังเหนือ
ก่อตัวขึ้นจากการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง
รัชกาลที่ 9 ด้วยการปลูกพืชผสมผสาน
และการงดใช้สารเคมีทุกชนิด เป็นการรวบรวมสมาชิกที่มีแนวคิดเดียวกันมาร่วมกันผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด
และยังมีการจัดสรรปันส่วนรายได้จากการทำการตลาดที่ชัดเจนให้ผลประโยชน์กับสมาชิกอีกด้วย
ณัฐวุฒิ
แก้วอ่อน ประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์ริมวัง กล่าวว่า เริ่มจากที่ตนทำสวนริมวังก่อน
มีแนวคิดจะใช้ชีวิตตามรอยในหลวง ร.9 โดยการปลูกพืชผสมผสาน ประกอบกับเห็นวิถีชีวิตเดิมของชาวบ้านในพื้นที่คือการปลูกพืชเชิงเดี่ยว
ส่วนพืชผักจะซื้อกินกันเป็นส่วนใหญ่
ได้เล็งเห็นว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สามารถทำการเกษตรได้
แต่ทำไมชาวบ้านยังซื้อผักบริโภคกันอยู่
เลยคิดหาแนวทางปรับเปลี่ยนความคิดของเกษตรกรให้หันมาปลูกผักกินเอง เลยทำสวนริมวังขึ้นมาเป็นต้นแบบ
โดยการปลูกผักกินเอง ส่วนที่เหลือก็นำไปขาย
ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นการสร้างธรรมชาติที่ดี ลดการใช้สารเคมีที่ต้นน้ำ
เพื่อรักษาประโยชน์ของคนปลายน้ำ
หลังจากทำเกษตรได้ประมาณ
6 ปี ก็มีน้องๆผู้ที่สนใจเข้ามาขอให้ตั้งกลุ่มเกษตรขึ้น
เพื่อต้องการที่จะเข้ามาใช้ชีวิตในพื้นที่โดยการทำการเกษตร กฎเกณฑ์ของกลุ่มต้องมีความสมัครใจและเรียนรู้สม่ำเสมอ ไม่มีเป้าหมายการของบสนับสนุนมาทำเล่น
แต่หากของบสนับสนุนเข้ามาต้องทำอย่างจริงจังและชัดเจนเห็นผล โดยตั้งกลุ่มมาได้ 2 ปีเศษ
มีสมาชิก 17 คน ซึ่งได้ผ่านการตรวจรับรองแปลงแบบมีส่วนร่วม (Participatory
Guarantee System : PGS)
แล้ว และกำลังเริ่มรับสมัครสมาชิกเพิ่มเพื่อดำเนินการเป็นเกษตรแปลงใหญ่
โดยจะมีสมาชิกประมาณ 30 คน
อำไพ
พิกุลหอม หรือครูไต่ ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์จิตต์อารี ที่สนใจการเกษตร
โดยเริ่มต้นจากความชื่นชอบในการปลูกต้นไม้
และได้ศึกษาเรียนรู้การทำปุ๋ยมาเรื่อยๆ
จากคนที่ไม่รู้เรื่องการใช้ปุ๋ยมาก่อน
กลับทำให้ประสบความสำเร็จได้ โดยการเปิดฟาร์มไส้เดือน ผลิตน้ำฉี่ไส้เดือนเป็นของตัวเอง และมีรางวัลนวัตกรรมสร้างสรรค์
จากกระทรวงวิทยาศาสตร์การันตี
ครูไต่ เล่าให้ฟังว่า
เป็นคนชอบต้นไม้และรักการปลูกต้นไม้ แต่ไม่เคยมีองค์ความรู้ทางการเกษตร
ไม่รู้เรื่องการใช้ปุ๋ยมาก่อนเลย จึงไปซื้อปุ๋ยที่ตลาดต้นไม้หน้าห้างบิ๊กซีลำปาง และได้ไปเจอเพื่อนสมัยเรียนมัธยมได้แนะนำฉี่ไส้เดือนจากไส้เดือนพันธุ์ขี้ตาแร่
ที่ผลิตโดย ม.แม่โจ้ มาใช้ฉีดต้นโมกบริเวณรอบบ้าน พอฉีดไปแล้วดอกได้ออกจำนวนมาก
เป็นจุดเริ่มต้นที่หันมาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสารจากไส้เดือน ศึกษาพันธุ์ไส้เดือนและวิธีการเลี้ยง ใช้เวลาประมาณ
1 ปี จึงตัดสินใจไปซื้อไส้เดือนจาก ม.แม่โจ้ มาเลี้ยง แต่พอผ่านไปได้ 6
เดือนปรากฏว่าไส้เดือนตายหมด พอดี ม.แม่โจ้ ได้เปิดการอบรมการเลี้ยงไส้เดือน
จึงเข้าร่วมอบรม และซื้อไส้เดือนมาเลี้ยงใหม่ ตั้งแต่ปี 53 จนถึงปัจจุบัน
กระทั่งสามารถผลิตน้ำฉี่ไส้เดือนออกมาได้ กว่าจะได้น้ำที่เข้มข้นต้องใช้เวลา
3 ปีขึ้นไป ซึ่งฉี่ไส้เดือนจะมีคุณสมบัติจะมีธาตุอาหารครบ
มีเอ็นไซม์ไคติเนสไปสลายไขมันรอบตัวแมลง ทำให้แมลงตาย
ขับไล่แมลงได้ทุกชนิดไร้ปัญหาเรื่องแมลงและหนอนกัดกินต้นไม้
ปัจจุบัน
ผลิตภัณฑ์ของครูไต่ ได้รับการพัฒนาต่อยอดและไปออกพื้นที่ในหลายจังหวัด เช่น
อ.พบพระ จ.ตาก อ.เชียงของ จ.เชียงราย อ.ปง จ.พะเยา
ได้รับผลตอบรับได้ชัดจากเกษตรกรผู้ปลูก
เช่น ยาสูบ ไม่มีแมลง และกลิ่นใบยาหอม และพริกขี้หนู อ.แม่สอด โตเร็ว ครูไต่ กล่าวทิ้งท้ายว่า
รู้สึกภูมิใจมากที่อย่างน้อยก็ช่วยเกษตรกรได้ส่วนหนึ่งทำให้มีต้นทุนทางผลผลิตลดลง
ได้ผลผลิตมากขึ้น และที่สำคัญคือความปลอดภัย
ทั้ง กลุ่มเกษตรอินทรีย์ริมวัง
อ.วังเหนือ และฟาร์มไส้เดือนครูไต่ อ.เมือง ได้เข้าร่วมโครงการ Safe for sure ในเฟสแรก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นโครงการที่ดี
ทำให้เกษตรกรได้เข้าถึงข้อมูลและมีหน่วยงานในจังหวัดที่ให้ความรู้และมีมาตรฐานในการตีตราการันตีคุณภาพผักได้โดยไม่ต้องรอหน่วยงานจากส่วนกลาง
ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจและเกษตรกรผู้ผลิตเองก็จะได้รักษามาตรฐานการผลิตให้มีคุณภาพ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1243 วันที่ 23 - 29 สิงหาคม 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น