สุนียันไม่ขายทีม
ทุ่มเทมาตลอด
9 ปีไม่คิดทิ้ง เผยเรื่องทั้งหมดเกิดจากความเข้าใจผิด
ระบุต้องมีการเตรียมพร้อมทีมหากขึ้นสู่ไทยลีค1
สนามแข่งขันต้องได้มาตรฐาน
ขณะที่สถาบันพลศึกษาได้งบปรับปรุงสนามจึงขอคืน
จากปัญหาดราม่าในโลกโซเชียลมีเดียร์หลังจากมีหนังสือจากสโมสรฟุตบอลลำปางเอฟซี ขอให้ทางมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ
วิทยาเขตลำปาง ทำหนังสือรับรองการขอคืนสนามกีฬาจังหวัดลำปางให้กับสโมสรฯ ลงนามโดยนายบริพัฒน์ สมมี
ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลลำปางเอฟซี
ผนวกกับบริษัทสงขลา เอฟซี จำกัด ได้ทำหนังสือถึงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
เพื่อขอใช้สนามกีฬาติณสูลานนท์ เป็นสนามประจำสโมสรในฐานเจ้าบ้าน ในฤดูกาล 2020
ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนตุลาคม 2563
เนื่องจากสนามกีฬาติณสูลานนท์
เป็นสนามประจำจังหวัดและผ่านการรับรองมาตรฐานจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย(AFC) ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากการขอคืนสนามของสโมสรฟุตบอลลำปางเอฟซี
และการขอใช้สนามของบริษัท สงขลา เอฟซี จำกัด อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน จึงมีการตีความกันไปต่างๆนานาว่า ทางสโมสรลำเอฟซี
ได้มีการขายสิทธิ์ทีมให้กับสงขลาไปแล้ว และพร้อมจะย้ายบ้านไปในฤดูกาลหน้า
หลังจากนั้นทางกลุ่มกองเชียร์
ซึ่งเป็นทีมแรกๆที่เข้ามาหนุนให้มีการตั้งทีมลำปางเอฟซี ก็ได้มีการโพสต์เฟสบุ๊กความเป็นมาของทีมว่าสร้างขึ้นโดยคนลำปาง
ถ้าจะขายทีมก็ต้องสู้กันสักตั้ง
ไม่ยอมให้ชื่อลำปางเอฟซีหายไปจากโลกนี้
ในขณะเดียวกัน นางสุนี สมมี ประธานกิตติมศักดิ์ ก็ได้มีการโพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัวเช่นกัน
ว่าตนเองเข้ามาทำทีมเพราะอะไร
ยืนยันว่าไม่ทิ้งทีม
และจะเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่มีการนำหนังสือออกไปเผยแพร่
ลานนาโพสต์ได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง
กองเชียร์กรีนแกงค์รายหนึ่ง ได้เปิดเผยว่า ได้ยินข่าวว่าอาจจะมีการขายสิทธิ์มานาน 5-6
เดือนแล้ว แต่ยังไม่มีใครออกมายืนยัน หรือเห็นเอกสารต่างๆชัดเจน
จนกระทั่งมีหนังสือจากสโมสรลำปางเอฟซี แจ้งไปยังมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ
ให้ทำหนังสือขอคืนสนามมาให้กับทางสโมสร ทางกลุ่มแฟนบอลจึงปักใจเชื่อว่า
น่าจะมีการขายทีมไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะยกเลิกการใช้สนามที่ลำปางทำไม ประกอบกับหนังสือจากบริษัทสงขลาเอฟซีจำกัด
ขอใช้สนามติณสูลานนท์มาเป็นช่วงเดียวกันพอดี ทั้งที่ปัจจุบันนี้ทางสงขลาไม่มีทีมฟุตบอล
จึงเหมือนกับว่าเป็นการขอใช้สนามเพื่อรองรับอะไรสักอย่าง
การจะขายทีมนั้น
ทางกลุ่มกองเชียร์ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
แต่อยากให้ทางสโมสรได้มีการพูดคุยกันสักนิด
เพราะกลุ่มกรีนแกงค์ก็เป็นผู้ที่ร่วมทำให้เกิดทีมลำปางเอฟซีมาก่อน
หากทางสโมสรบริหารจัดการไม่ไหวจริงๆ
หรือต้องการจะขาย ขอให้บอกกัน เพราะมีพรรคพวกเดียวกันรู้จักคนที่สนใจจะเข้ามาสนับสนุนทีมอยู่ ในกรณีถ้าไม่สามารถหาคนมาทำได้จริง จะขายสิทธิ์ต่อให้คนอื่นก็ไม่มีปัญหา
เราอยากให้ชื่อลำปางเอฟซียังคงอยู่
ไม่ใช่ล้มหายตายจากไปแล้วเปลี่ยนชื่อทีมเป็นจังหวัดอื่น
ด้านนางสุนี
สมมี ประธานกิตติมศักดิ์สโมสรฟุตบอลลำปางเอฟซี
กล่าวยืนยันว่า
ไม่ได้มีการขายสิทธิ์ทีมแต่อย่างใด การขายไม่ใช่จะสามารถทำได้ง่ายๆ
ต้องมีเงื่อนไขและข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งทีมที่ขายและทีมที่ซื้อ
ตนเองได้เข้ามาบริหารจัดการทีมลำปางเอฟซีมาแล้วถึง 9 ปี
ยอมรับว่าในการบริหารจัดการทีมมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ในปีหนึ่งต้องใช้เงินถึง
8 หลัก เพราะฉะนั้นจะไม่ทิ้งอย่างแน่นอน
กรณีการทำหนังสือไปถึงรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ
ที่มีการนำไปปล่อยกระจายข่าวในโซเชียลมีเดียนั้น
เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ได้รับงบประมาณปี 2563
เข้ามาทำการปรับปรุงซ่อมแซมสนาม จึงได้มีการพูดคุยทางวาจากันว่าจะต้องคืนสนามให้ทางมหาวิทยาลัย ทางสโมสรจึงได้ทำหนังสือไปยังมหาวิทยาลัย
ว่าขอให้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมาอย่างเป็นทางการ
เพื่อจะได้แจ้งให้ทางสมาชิกต่างๆทราบได้
แต่ที่เกิดปัญหาเพราะคนร่างหนังสือไม่เก่ง เรียบเรียบข้อความยังไม่รัดกุมรอบคอบ
และตนเองก็ไม่ได้ตรวจสอบก่อน
รวมทั้งมีผู้ไม่หวังดีถ่ายภาพหนังสือนี้ออกมาส่งต่อกันในโซเชียลมีเดีย
จนทำให้ตีความกันแบบผิดๆ
สื่อออนไลน์ทั้งหลายก็จับประเด็นไปลงเป็นข่าวโดยที่ไม่มีใครโทรศัพท์มาสอบถามตนสักคำ
ทั้งที่ก็เป็นสื่อที่รู้จักกันดี นางสุนี
กล่าว
เรื่องการย้ายสนามไปจังหวัดอื่น
ๆ นางสุนี กล่าวว่า ได้มีการติดต่อไว้จริง
เนื่องจากเราต้องมีการเตรียมความพร้อมของทีมหากได้ขึ้นสู่ไทยลีก1 ขณะนี้ทีมลำปางอยู่อันดับที่ 7 ของตารางก็จริง แต่คะแนนเรานำห่างจากอันดับที่ 3 เพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้น
ซึ่งเหลือการแข่งขันอีกหลายนัด มีความเป็นไปได้ว่าเราอาจจะติด 1 ใน 3 ของตาราง
เพราะฉะนั้นหากติดอันดับก็ต้องหาสนามแข่งขันที่มีมาตรฐานตามกฎของไทยลีก
จะใช้สนามกีฬาจังหวัดลำปางแบบเดิมก็ไม่ได้แล้ว
เพราะสนามยังไม่มีมาตรฐานเพียงพอ
ซึ่งได้มองสนามไว้ 2 จังหวัด คือ พิจิตร และสงขลา
แต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะขอใช้ได้หรือไม่
ส่วนกรณีถ้าทีมของเราไม่ได้ขึ้นสู่ไทยลีก ก็ยังต้องหาสนามกีฬารองรับอยู่ดี
เพราะทางมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ ก็ต้องทำการปรับปรุงสนาม
ในช่วงแรกอาจจะมีการพูดคุยกันได้ว่าขอใช้สนามถึงช่วงเดือนไหน แต่อย่างไรก็ต้องส่งคืน
นางสุนี
กล่าวอีกว่า
รู้สึกเสียดายสนามกีฬาด้านหลัง อบจ.ลำปาง ที่ยังติดปัญหาสร้างไม่เสร็จ
ซึ่งเดิมที่ตรงนั้นเป็นของ อบจ.ลำปาง และได้มอบให้ทาง กกท.เข้ามาดำเนินการ ความจริงทาง อบจ.สามารถขอคืนพื้นที่
และนำสนามกีฬามาก่อสร้างเองได้
แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า
ไม่มีใครให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ส่วนสนามกีฬาที่เทศบาล 7
ก็ถือว่าเป็นสนามที่มีมาตรฐาน
หากมีการพูดคุยกับผู้บริหารได้ และยอมที่จะปรับปรุงก่อสร้างอัฒจันทร์ให้เป็นสนามกีฬาที่ครบวงจร
เราก็ไม่ต้องไปขอใช้สนามของจังหวัดอื่น เรื่องนี้คงจะมีการพูดคุยกันต่อไปในอนาคต
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1244 วันที่ 6 - 19 กันยายน 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น