สถานการณ์ปัจจุบันของโรคเนื้องอกในมดลูก
เนื้องอกในมดลูกถือว่าเป็นเนื้องอกที่พบได้เยอะที่สุดในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
มีตัวเลขสถิติ ถ้าหญิงวัยเจริญพันธุ์คือเริ่มมีประจำเดือน หรือถ้าอายุ 25-30
ปีมาตรวจ จะเจอเนื้องอกในมดลูกประมาณ 30-50% ถ้าผู้หญิง
10 คนมาอัลตราซาวนด์ จะเจอ 3 คน 5
คน เป็นเรื่องปกติ ขนาดของเนื้องอกก็มีหลากหลายในแต่ละราย
ตั้งแต่เล็ก ๆ ระดับมิลลิเมตรคือไม่ถึงเซนติเมตร ไปจนถึงเป็นสิบ ๆ เซนติเมตร
เท่ากับลูกมะพร้าว หรือลูกแตงโมก็แล้วแต่สรีระของแต่ละบุคคล ส่วนใหญ่ประมาณ 99%
ไม่ใช่เนื้อมะเร็ง ก็คือเป็นเนื้องอกที่เป็นเนื้อดี
จะไม่ใช่โรคมะเร็ง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนใหญ่เราจะอัลตราซาวนด์ตรวจเจอว่าเป็นเนื้องอกมดลูก
แต่ว่ามันก็มีโอกาสที่จะกลายมาเป็นมะเร็ง แต่ว่าไม่เยอะ ประมาณสัก 1 ใน 10,000 หรือ 1 ใน 100,000
วัยที่พบ
ส่วนใหญ่ที่เจอคืออายุประมาณ
25
ปีขึ้นไป วัยเจริญพันธุ์พอดี คือ 25-30 ปี
และประมาณสัก 30-40 ปี ก็พบเยอะ พอ 40 ปีขึ้นไป
โดยแนวโน้มหลังหมดประจำเดือนหรือว่าวัยทองไปแล้ว ตัวก้อนมักจะเล็กลงเอง
และโดยธรรมชาติอายุเยอะขึ้นก็จะเป็นน้อยลง
สาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกในมดลูก
ปัจจัยส่วนหนึ่งเป็นเรื่องกรรมพันธุ์
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโรคใด ๆ
และเกี่ยวกับเรื่องการทำงานของฮอร์โมนเพศหญิง อย่างที่ทราบกันคือ
ตัวเนื้องอกนี้มักจะเจอในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์คือ มีประจำเดือนไปสัก 3 ปี 5 ปี 10 ปี แล้วเริ่มตรวจเจอว่ามีเนื้องอกมดลูก
จริง ๆ มันก็คือเหมือนเซลล์กล้ามเนื้อมดลูกของเรา
เซลล์มดลูกเราปกติที่มีการตอบสนองต่อฮอร์โมน
แล้วก็เจริญเติบโตผิดปกติกลายเป็นเนื้องอก
อาการ
เนื้องอกมดลูกส่วนใหญ่จะมาด้วย 3 อาการหลัก ๆ
1. อาการแรกที่เจอเยอะที่สุดคือ
คนไข้จะคลำได้ก้อนที่ท้องน้อย ซึ่งถ้าเกิดผู้หญิงเราคลำก้อนที่ท้องน้อยได้
ส่วนมากจะเป็นเนื้องอกมดลูก สังเกตดูจากคนท้อง กว่าจะเห็นว่าตั้งครรภ์ก็ประมาณ 4-5
เดือนไปแล้ว เช่นเดียวกัน
เนื้องอกมดลูกนี้ก็ต้องทำให้มดลูกมีขนาดโตเท่ากับคนท้อง 4-5 เดือนแล้ว
ซึ่งประมาณสัก 15 เซนติเมตรขึ้นไปถึงจะคลำเองได้จากหน้าท้อง
2. อาการที่พบบ่อยที่ทำให้คนไข้ต้องมาพบคุณหมอสูตินรีเวช
คือมีประจำเดือนออกเยอะ เพราะตัวเนื้องอกไปเบียดโพรงมดลูก ทำให้ประจำเดือนออกเยอะ
แล้วบางทีออกเยอะมากเป็นลิ่มเลือดเป็นก้อนเลือด บางคนให้ประวัติว่า เป็นประจำเดือนแล้วเป็นลม
แล้วก็ต้องไปรับเลือดที่โรงพยาบาลทุกครั้งที่เป็นประจำเดือน อันนี้จะมีบ้างประปราย
3. อาการที่สามมักจะเกี่ยวข้องกับการมีบุตรยาก
จะตรวจพบเมื่อคนไข้ไปตรวจกับหมอผู้เชี่ยวชาญด้านมีบุตรยาก พออัลตราซาวนด์ถึงจะเจอ
อันนี้มักจะเป็นลักษณะก้อนเล็ก ๆ ไม่บ่งอาการอะไร บางทีอาจจะมีก้อนแค่ 1-2 เซนติเมตรอยู่ในโพรงมดลูก ไปขวางการฝังตัวของทารกทำให้มีบุตรยาก
อาการที่รุนแรง
บางคนมีเลือกออกเยอะ
ก็มีอาการโลหิตจางได้ หรือบางคนที่ลักษณะก้อนมันยื่นออกไปข้างนอก
หมายถึงไม่ได้ยื่นเข้าไปในโพรงมดลูก ก็จะทำให้ไม่มีประจำเดือนออกเยอะ
แต่มันจะยื่นเข้าไปในอุ้งเชิงกรานหรือว่าในท้องน้อยของเรา
อันนี้ก็จะไปกดเบียดลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ ที่เจอบ่อยก็คือ มันเบียดมาข้างหน้า
ก็จะกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คนไข้ปัสสาวะบ่อย คนไข้อาจจะเข้าห้องน้ำทุกชั่วโมง
นอนหลับไปแล้วก็ต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
นอนไม่เต็มอิ่ม อันนี้ก็จะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตคนไข้
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคเนื้องอกในมดลูก
ถ้าตรวจเจอแต่เนิ่น
ๆ ถ้ามันเล็ก ๆ ก็จะรักษาง่ายกว่า อาจจะรักษาด้วยยาหรือสังเกตอาการ วิธีป้องกัน
ยังไม่มีวิธีที่ชัดเจน แต่มีรายงานว่า คนไข้ที่มีลูกแล้วจะทำให้พบอุบัติการณ์การเกิดเนื้องอกในมดลูกน้อยกว่าผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีลูก
มีรายงานว่าการรับประทานเนื้อแดงสัมพันธ์กับการเกิดเนื้องอกในมดลูก แต่จริง ๆ
ก็ไม่ได้ให้งดขนาดนั้น คือรายงานมาจากการไปสอบถามคนที่เป็น
แล้วเจอว่าคนที่เป็นเนื้องอกมดลูกจะมีการรับประทานเนื้อแดงมากกว่า
แต่ถามว่ามันเป็นสาเหตุหรือเปล่า ก็อาจจะยังไม่ใช่
คำแนะนำ
แนะนำให้หญิงไทยเข้ามาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
ซึ่งการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หมอสูตินรีเวชจะมีการตรวจภายใน ก็คือ
การคลำมดลูกรังไข่ด้วย ถ้ามดลูกโตเท่ากับคนท้องสัก 2 เดือน
ก็จะเจอแล้ว สักประมาณ 4-5 เซนติเมตร เราก็จะคลำได้
เพราะฉะนั้น
แนะนำให้เข้ามาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกร่วมกับการตรวจภายใน ถ้าคุณหมอสงสัยจริง ๆ
ก็จะมีการอัลตราซาวนด์ร่วมด้วย
บทความโดย
อ. พญ.อรวิน วัลลิภากรโรงพยาบาลรามาธิบดี
ด้วยความปรารถนาดีจาก
โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง “ใส่ใจค้นหา บำบัดรักษาโรคมะเร็งให้คุณ”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
054 335262-8 ต่อ 187 ,
160
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น