วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2563

ขัวสี่โก้ง แลนด์มาร์กลำปาง




จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

สะพานรัษฎาภิเศก ตั้งอยู่ในเขตตำบลหัวเวียง อำเภอเมืองลำปาง เจ้าผู้ครองนครเป็นผู้ที่ตั้งชื่อจากพิธีเฉลิมฉลองรัษฎาภิเษก ส่วนชื่อขัวสี่โค้งมาจากเส้นโค้งทรงคันธนูรวม 4 โค้งทอดข้ามผ่านแม่น้ำวังนั่นเอง บ้างก็เรียกว่าสะพานขาว เพราะเป็นสะพานที่ทาด้วยสีขาวสะอาดตา ปัจจุบันสะพานแห่งนี้มีอายุเข้าสู่ปีที่ 103 แล้ว

สมัยรัชกาลที่ 5 สะพานรัษฎาเป็นสะพานร่วมสมัยกับยุคอารยธรรมรถไฟ มีอายุผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 มาแล้ว และรอดพ้นจากการโจมตีทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรมาได้ด้วยการทาสีพรางตา
สะพานรัษฎาภิเษกที่เราเห็นกันในปัจจุบันเป็นสะพานรุ่นที่ 3 โดยรุ่นที่ 1 เป็นสะพานที่สร้างด้วยไม้ พังลงเมื่อ พ.. 2544


สะพานรุ่นที่ 2 สร้างด้วยไม้เสริมเหล็กพังลงเมื่อ พ.. 2458


จนปี พ.. 2459 จึงได้มีการสร้างสะพานรุ่นที่ 3 เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขึ้น โดยสร้างสำเร็จเมื่อ พ..2460 :ซึ่งสะพานรุ่นที่ 3 นี่เองที่เป็นสะพานคู่ขวัญที่อยู่คู่กับจังหวัดลำปางมาจนถึงปัจจุบัน


สะพานแห่งนี้นอกจากจะนับว่าเป็นแลนด์มาร์กของลำปางแล้ว หากลองสังเกตบนตัวของสะพานดีๆ จะพบกับสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งแต่ละสัญลักษณ์ไม่ใช่สร้างขึ้นเพื่อความสวยงาม แต่ล้วนแฝงไว้ด้วยความหมายต่างๆ ดังนี้

เสาสี่ต้น ที่ตั้งอยู่หัวสะพานฝั่งละสองต้น หมายถึงความมั่นคงแข็งแรง


ครุฑสีแดงด้านหน้าของเสาทุกต้น เป็นตราสัญลักษณ์ของแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ 6    
                  
พวงมาลัยยอดเสาทั้งสี่ด้านของเสา หมายถึง เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


ไก่หลวง หรือ ไก่ขาว ตรงกลางเสา เป็นสัญลักษณ์ประจำนครลำปาง


*เกร็ความรู้เกี่ยวกับสัญลักษณ์ประจำจังหวัดลำปาง
ไก่ขาวถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดลำปาง เนื่องจากเดิมลำปางมีชื่อว่ากุกกุฏนคร ที่แปลว่าเมืองไก่ขัน มีตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งพุทธกาลสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาประทับ ณ เมืองลำปางพระอินทร์ทราบข่าวจึงแปลงเป็นไก่ขาวเพื่อขันปลุกพระพุทธองค์ให้ตื่นขึ้นมาปฏิบัติภารกิจ ทั้งยังเป็นห่วงว่าชาวเมืองลำปางจะตื่นขึ้นมาใส่บาตรพระพุทธองค์ไม่ทันจึงขันปลุกชาวบ้านให้ตื่นมาหุงหาอาหารเตรียมใส่บาตร

เกษณี ตั๋นตุ้ย นักศึกษาฝึกงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏลำาปาง

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์