
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 63 ที่อุทยานแห่งชาติแม่วะ
อ.เถิน จ.ลำปาง นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
เป็นประธานแถลงข่าวสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันจังหวัดลำปาง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น
ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ ตัวแทนจากสำนักงานงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง สำนักงาน ปภ.ลำปาง สำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง
ฯลฯ
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า เดือนมกราคมอากาศจะเริ่มแล้ง
และเป็นการเริ่มมาตรการควบคุมไฟป่า ใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วย พะเยา แพร่
น่าน ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ครอบคลุมทั้งประเทศ
ซึ่งต้องเข้าใจธรรมชาติของสภาพภูมิประเทศของภาคเหนือ โดย
จ.ลำปางมักจะประสบปัญหาหมอกควันก่อนจังหวัดอื่น
เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ
ตั้งแต่เดือนมกราคม เป็นต้นมา รวม 9 วัน จ.ลำปางมีรายงานการเกิดไฟไหม้ในป่า
5 ครั้ง ซึ่งได้รับการแจ้งจากประขาชนทั้งหมด
เมื่อตรวจสอบพิกัดแล้วได้ส่งทีมเข้าไปทันที
และมีการดับไฟได้ทั้งหมดแล้ว ในปีนี้ทั้งจังหวัดได้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง
ท้องถิ่น ทหาร ตำรวจ ป่าไม้
ผู้นำชุมชน จิตอาสา ประมาณ 5,000 คน กระจายไปทั่วในพื้นที่ 13 อำเภอ
หวังว่าปีนี้จะทำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา
เป้าหมายได้มีการวางไว้ชัดเจน
ดัชนีชี้วัดที่จังหวัดลำปางใช้ในปีนี้ค่อนข้างหนักมาก ซึ่งชี้วัดจาก 3 ตัว คือ
ข้อแรก กำหนด 60 วันห้ามเผา ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 63 ถึงวันที่ 30 เมษายน
63 ปีที่แล้วมีจุดฮอตสปอตเกิดขึ้นเกือบ
1,000 จุด แต่เรามีเป้าหมายลดจุดฮอตสปอตลงครึ่งหนึ่ง ให้เหลือ 500 จุด ข้อสองคือเรื่องสุขภาพ ปีที่แล้วค่าเกินเกณฑ์ของ
จ.ลำปาง เป็นสีแดงอันตรายต่อสุขภาพ 71 วัน เป้าหมายปีนี้จะไม่ให้ถึงสีแดง
จะลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งให้เหลือ 35 วัน
และข้อสาม จากบันทึกข้อมูลเจ็บป่วยภูมิแพ้เข้ารักษาในโรงพยาบาลเกือบ 5,000
คน จะตั้งเป้าลดผู้ป่วยลง 70 เปอร์เซ็นต์ หรือเหลือ 1,500 คน
โดยต้องการให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น
เราตั้งใจเต็มที่ แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนต้องพิสูจน์กันในอีก 5
เดือนข้างหน้า
ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวต่อไปว่า
จังหวัดลำปาง ได้มีการเตรียมแผนงานตั้งแต่เดือนตุลาคม 61
ให้นายอำเภอเป็นหัวหน้าทีมงานในระดับอำเภอ
และมีคำสั่งการแบ่งงานรับผิดชอบที่ชัดเจน
รวมทั้งได้มีการเปิดจุดให้ประชาชนได้แจ้งเหตุ 3 วิธี
คือทางสายตรงเข้าศูนย์บัญชาการหมอกควัน
ทางแอพพลิเคชั่นไลน์
และทางวิทยุสมัครเล่น อาสาสมัครในพื้นที่
และติดประกาศประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ
ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้เตรียมหน้ากากอนามัยให้เพียงพอต่อประชาชนใน
จ.ลำปาง ถ้าค่าฝุ่นละอองเกิน 5
วันติดต่อกัน
จะนำทีมแพทย์ลงตรวจสุขภาพให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาหมอกควัน
และแจกหน้ากากอนามัยในส่วนที่จำเป็น
หากค่าฝุ่นสูงติดต่อกันนาน 7-10 วัน
อาจจะมีการพิจารณาย้ายออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย
ซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมสถานที่ไว้หลายแห่ง
ในส่วนของโรงพยาบาลก็จะเตรียมพร้อมแพทย์เฉพาะทางที่จะดูแลการป่วยทางด้านทางเดินหายใจด้วย
ด้านฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.32
ได้เตรียมกำลังไว้ 2 ส่วน
แบ่งเป็นชุดรณรงค์ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจและความร่วมมือไม่ให้เผาป่า
และชุดช่วยเหลือลงพื้นที่ในการดับไฟป่า
ส่วนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้ดำเนินการในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอนุรักษ์ ที่มีอยู่ 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด ได้จัดตั้งสถานีดับไฟป่า 20 หน่วยดับไฟ
อัตรากำลังประมาณ 700 นายกระจายอยู่ทั้ง 13 อำเภอ
แนวทางเน้นพื้นที่ชุมชน ประชาสัมพันธ์ไม่ให้จุดไฟเผาป่าเป็นอันดับแรก
แต่หากเกิดไฟป่าก็จะมีการบูรณาการกำลัง มีศูนย์บัญชาการสั่งการ ระดับจังหวัด อำเภอ
ตำบล พร้อมทั้งมีการใช้เครือข่ายป่าชุมชน
และเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เข้ามามีส่วนร่วมในทุกพื้นที่
ฝ่ายตำรวจ
ได้สั่งการรวบรวมรายชื่อผู้เก็บหาของป่ามาไว้ในบัญชีของสถานีตำรวจ
และประชาสัมพันธ์การบุกรุกแผ้วถาง เผาป่า
หากพบว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายก็พร้อมที่จะดำเนินการทันที โดยมีการเก็บรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
มีกล้องวงจรปิดเอาไว้ตรวจสอบหาผู้กระทำผิด
สำหรับเกษตรและสหกรณ์
ได้มีการบูรณาการประสานงานจัดทำแผนแก้ไขปัญหาหมอกควัน
โดยการเตรียมการภาครัฐในกระทรวงเกษตร 24 หน่วย รณรงค์ให้งดการเผา
มีการติดตามประเมินผลทุกเดือน ซึ่งในพื้นที่เกษตร จ.ลำปาง 1.5 ล้านไร่ มีการปลูกข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ส่งเสริมให้ไถกลบตอซังและนำเศษวัชพืชมาทำปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น