
จำนวนผู้เข้าชม
ไม่ใช่ดราม่า
แต่เป็นเรื่องจริง ที่”ผีน้อย”ถูกนำไป “กักตัว” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในสภาพอนาถา
คล้ายอยู่ในค่ายกักกัน ต่างกันลิบลับกับผู้ที่เดินทางกลับจากอู่ฮั่น ก่อนหน้านี้ และห่างชั้นอย่างยิ่งกับ
กสทช.นายหนึ่ง ซึ่งเดินทางกลับจากประเทศกลุ่มยุโรป และไม่ยอมกักตัวเอง
“ผีน้อย” มาจากเกาหลีใต้ เกาหลีใต้เป็น 1 ใน 4 ประเทศ คือเกาหลี จีนรวมทั้งเขตบริหารพิเศษมาเก๊า
และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง อิตาลี อิหร่าน
ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศเป็นท้องที่นอกราชอาณาจักรเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย
โควิด 19 ซึ่งต้องกักตัว 14 วัน
เมื่อเดินทางกลับประเทศไทย
สภาพค่ายกักกัน
ที่จังหวัดบุรีรัมย์ คือเต็นท์นับร้อยเรียงรายกันใต้อาคารข้างสนามแข่งรถ สนามช้าง
อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว มีแผงเหล็กที่เก็บมาตามถนน
วางกั้นระหว่างเต็นท์ มีหมอน 1 ใบ ผ้าห่ม 1 ผืน ห้องน้ำรวม
คนไทยถูกคัดแยกออกมา
ส่งไปค่ายกักกัน คนต่างชาติไม่ถูกกักตัว
ชาวบ้านถูกบังคับให้ต้องกักตัว
เคร่งครัด แต่มีอภิสิทธิ์ชนบางคนที่ไม่ยอมวัดไข้ ไม่ยอมคัดกรอง และไม่กักตัวเอง
ยังเรียกประชุม และกระจายความเสี่ยงไปยังคนอื่นๆ เช่น กรณี กสทช.นายหนึ่ง ที่เดินทางไปประเทศในกลุ่มยุโรป
ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศเสี่ยง ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ และกลับมาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม
กสทช.เคยมีประกาศ .เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2563 ให้พนักงานกสทช.ที่เดินทางไปต่างประเทศระหว่างวันที่
11 ก.พ.-19 เม.ย.2563 เมื่อกลับมาต้องตรวจคัดกรองและเฝ้าระวัง COVID-19 และให้รอผลโดยใช้สิทธิลากิจ
หรือลกพักผ่อน หรือลาป่วย และประกาศฉบับที่ 2 ลงวันที่ 25
ก.พ.เพิ่มเติมให้ผู้มาปฏิบัติงานและผู้มาติดต่อที่กสทช. ต้องให้ความร่วมมือในการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าอาคารกสทช.ด้วย
อย่างน้อย โควิด 19 ก็ทำให้เห็นจิตสำนึกความรับผิดชอบของคนบางคน ที่น่าจะมีวุฒิภาวะมากพอที่จะเข้าใจในสถานะความเป็น
“ตัวอันตราย”ของตัวเอง ที่จะแพร่กระจายโรคร้ายให้คนอื่น กับสะท้อนให้เห็นภาพการบริหารจัดการของรัฐบาลที่สับสนอลหม่าน
และไร้ประสิทธิภาพอย่างยิ่ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น