
ไม่น่าแปลกใจ
พลันที่พบผู้ติดเชื้อในจังหวัดลำปาง ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังคงให้กำลังใจนายณรงค์ศักดิ์
โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่เหน็ดเหนื่อยทุ่มเททำงาน ป้องกันโควิด –
19 จนปราการด่านสุดท้ายถูกพังทลาย ด้วยความไม่รับผิดชอบ ไม่ตระหนักรู้ของคนบางคนว่าคือผู้นำเชื้อโรคร้ายกลับมาบ้านเกิด
“..แทบจะร้องไห้
เราทำงานกันเหนื่อยมาก แต่อีกใจก็รู้สึกดีใจที่เคสแรกที่ติดเชื้อ ไม่ได้เกิดกับกลุ่มข้าราชการและคนใน
เราระวังในเรื่องนี้มาก แต่กรณีนี้เกิดจากคนที่มาจากนอกพื้นที่
เป็นจุดบอดในกระบวนการ ไม่ใช่จากการทำงานของเจ้าหน้าที่
ตลอดเวลาที่เราสู้กันมา 40 กว่าวัน ไม่ได้สูญเปล่า”
ถ้อยคำที่สะท้อนออกมาจากใจของผู้ว่าฯลำปาง
คือภาพในใจของคนลำปาง ที่เห็นพ่อเมืองของเขาทำงาน และทุกคนเข้าใจดีว่า #นี่คือสถานการณ์ที่นอกเหนือการควบคุม
ถึงกระนั้น #การพบผู้ติดเชื้อคนแรกในจังหวัดก็ฉายให้เห็นภาพการทำงานของสื่อมวลชน
ที่ไม่สำเหนียกถึงการรายงานข่าวในสถานการณ์ไม่ปกติ และเกือบจะเป็นปรากฏการณ์ร่วมของสื่อมวลชนทั้งระบบ
มิใช่เพียงสื่อลำปาง นั่นคือการช่วงชิง การเสนอข่าว ที่ในทางวิชาชีพยังถือว่า
เป็นเพียง ฮินท์(Hint)ข่าว คือเป็นเพียงเบาะแส
ของข่าว ที่จำเป็นจะต้องได้ข้อมูลที่ครบถ้วน รอบด้าน และถูกต้องเสียก่อน จึงควรเสนอข่าวได้
และโดยเฉพาะการเสนอข่าวในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้
#สื่อมวลชนมิใช่เป็นเพียงสื่อที่ขายข่าวทำมาหากินที่จำเป็นต้องช่วงชิงความเร็วเท่านั้น
หากสื่อยังเป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมนี้เช่นเดียวกับคนไทยคนอื่นๆ
ในยามที่เราต่างเผชิญมหันตภัยโควิดด้วยกันด้วย
แปลว่า เราไม่ควรลิงโลด #เมื่อได้ฮินท์ข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อแล้วนำเสนอออกไปคาดเดากันไปต่างๆนานาจนก่อให้เกิดpanicในสังคม ไม่รู้ว่าผู้ติดเชื้อเป็นใคร อยู่ที่ไหน #จนผู้คนตกตื่นกันไปทั้งเมือง
#เฉพาะกรณีลำปาง
สื่อมวลชนทุกคนต่างรับรู้ไม่ต่างกันว่า มีผู้ติดเชื้อในจังหวัดแล้ว แต่ด้วยความเคารพ
และความรับผิดชอบที่มีต่อแหล่งข่าว นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯที่ขอไว้
และขอให้รอคำแถลงอย่างเป็นทางการ เพื่อความชัดเจน
สื่อลำปางส่วนใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ จึงงดเว้นไม่นำเสนอข่าวนี้
เพื่อให้คนลำปางได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร ที่ถูกต้องและครบถ้วน
นี่ก็คือสถานการณ์หนึ่งที่อย่างน้อย
ได้สอนมารยาทการทำข่าว ความรับผิดชอบต่อแหล่งข่าวของคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อมวลชน
“ฉันเก่ง ฉันรู้ก่อนใคร”
จึงไม่นับว่าเป็นความเก่ง ของคนทำข่าว และยิ่งเป็นข่าวที่คล้ายคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อแหล่งข่าว
แต่กลับละเมิด เพียงเพื่อต้องการขายข่าว พวกเขาก็ไม่ควรเรียกตัวเองว่าสื่อมวลชนอีก
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น