![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjOdFHPb5zVYSd-wZB0gTwGKQiI1q6h8-XIt53fuYQcHCyUDcB-nHqhL14rAfRLpxWkbpWV-NnPvXQ2jKqaFLlLYLBSjk0UEKp3PaE9ZOqRASfzFTXaxAV5Sq0_E76r_g3XaGBCU_zYEp8/w640-h332/%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2587.jpg)
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่มีความผิดปกติของฮอร์โมนภาวะเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์การติดเชื้อ ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบและมีเลือดออกได้ สาเหตุของการติดเชื้อเช่นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์การสวนล้างช่องคลอดการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ผู้หญิงในวัยที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือนหรือวัยใกล้หมดประจำเดือนมักมีภาวะฮอร์โมนแปรปรวน ก็เป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติมีความเครียดมากเกินไปการออกกำลังกายอย่างหักโหม ความผิดปกติเกี่ยวกับมดลูก ในกรณีนี้จะไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น มีเนื้องอกในมดลูก เยื่อบุในโพรงมดลูกมีความผิดปกติการติดเชื้ออักเสบของปากมดลูก มีแผลฉีกขาดในช่องคลอด หรือเป็นมะเร็งมดลูกและโรคมะเร็งปากมดลูก
นายแพทย์สมเกียรติลลิตวงศาผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี
กล่าวเพิ่มเติมว่าการรักษาภาวะเลือดออกทางช่องคลอดจะขึ้นอยู่กับแต่ละสาเหตุได้แก่การรักษาด้วยยาฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิด การรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น การขูดมดลูก
หรือการผ่าตัด
โดยแพทย์จะเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของบุคคลนั้นๆส่วนวิธีการป้องกันเลือดออกทางช่องคลอดทำได้โดยหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
ต้องระวังโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก
รักษาความสะอาดอวัยวะเพศเพื่อป้องกันการติดเชื้อออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและไม่หักโหมหาเวลาพักผ่อนทำกิจกรรมเพื่อคลายเครียดรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะหากมีเลือดออกผิดปกติควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและไม่ซื้อยารับประทานเอง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น