นายอินจันทร์
มันวิสัย นายก อบต.วอแก้ว อ.ห้างฉัตร เปิดเผยว่า
ในพื้นที่ ต.วอแก้ว เดิมต้องนำขยะไปทิ้งในป่าเขตดอยอุทยานขุนตาล
จึงประชุมหาวิธีร่วมกันว่าจะจัดการขยะในพื้นที่ ต.วอแก้ว อย่างไรให้เป็นศูนย์ ซึ่งใน ต.วอแก้ว มี 7 หมู่บ้าน 1,600 ครัวเรือน ประชากร 4,200 กว่าคน เมื่อปี 2557 มีขยะ 4
ตันต่อวัน เราได้รณรงค์ทุกรูปแบบ ทั้งคัดแยกขยะจากต้นทาง
ประชุมทุกหมูบ้าน ให้มีการคัดแยกขยะและช่วยกันกำจัด เพราะไม่มีรถขนและไม่มีบ่อทิ้ง เลยปรึกษากันว่าจะแยกขยะขายเพื่อให้ได้เงิน
และเริ่มทำมาได้ประมาณ 1
ปี กลับมาสำรวจอีกครั้งพบว่าขยะในตำบลลดเหลือวันละ 2 ตัน
ซึ่งจะเป็นส่วนของพลาสติก ถุงกาแฟ ถุงขนม
กล่องนมต่างๆ เพราะไม่มีคนรับซื้อ จึงหารือกับกรรมการว่าจะกำจัดขยะที่เหลือได้อย่างไร
ต่อมาได้ประสานไปยังบริษัทกรีนไลท์ที่ จ.พะเยา รับซื้อพลาสติก
จึงทำการคัดแยกและอัดขยะส่งขาย กระทั่งปี 59-60
ได้สำรวจอีกครั้งพบว่าขยะเหลือไม่ถึง 1,000 กิโลกรัมต่อวัน
ซึ่งเป็นส่วนของขยะเปียก
เลยได้หารือขอทางนักวิชาการเข้ามาช่วยเหลือ โดยมีคณะเทคโนโลยีการเกษตร
มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง ช่วยระดมความคิดว่าจะนำขยะเปียกไปทำอะไร จึงสรุปได้ว่านำมาทำเป็นแก๊สชีวภาพเพื่อใช้ในครัวเรือน
เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่งด้วย
นายอินจันทร์ มันวิสัย นายก อบต.วอแก้ว |
ผศ.ดร.นันทินา
ดำรงวัฒนกูล คณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง หัวหน้าโครงการวิจัย “การประยุกต์ใช้และเรียนรู้เทคโนโลยีแบบมีส่วนร่วม
5 พลังประสานเพื่อลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ของชุมชน ใน อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง “ กล่าวว่า การนำขยะมาทำก๊าซชีวภาพในชุมชน ซึ่งทาง
ต.วอแก้ว มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายสามารถนำมาบริหารจัดการได้ โดยเน้นมูลสัตว์และขยะเปียกมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตแก๊สชีวิภาพ นำมูลสัตว์หรือขยะเปียก 3 ส่วน มาผสมกับน้ำ 1 ส่วน ใช้เวลาหมักไว้ประมาณ 15-20 วัน ก็จะเกิดแก๊สมีเทนที่นำไปหุงต้มได้ ทำให้ประหยัดแก๊สในการหุงต้ม ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเอง
จากชุมชนที่เคยมีเศษขยะจำนวนมากก็ทำให้ขยะหายไป
และยังได้รับการผลิตอาหารที่ปลอดภัย ด้านเกษตรอินทรีย์ นอกจากนั้นทางโครงการได้ต่อยอดในการเพิ่มมูลค่า
สนับสนุนการแปรรูปน้ำพริก รวมถึงการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ และส่งเสริมด้านการตลาดออนไลน์ด้วย
ผศ.ดร.นันทินา ดำรงวัฒนกูล คณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร |
นายสายัณห์ ฉัตรแก้ว หัวหน้าสำนักปลัก อบต.วอแก้ว กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านไม่เคยมีความรู้ในการคัดแยกขยะเลย เป็นสิ่งที่ยากมากในการทำความเข้าใจ เมื่อพูดถึงขยะชาวบ้านก็จะไม่รับฟัง เนื่องจากความเคยชินที่เคยทิ้งรวมกันมา จึงได้เริ่มจากการพยายามหาแนวร่วมจากผู้นำหมู่บ้านก่อน ถ้าผู้นำเอาด้วยชาวบ้านก็จะให้ความร่วมมือ เลยเข้าหากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาท้องถิ่น ขอให้ทำเป็นบ้านต้นแบบการคัดแยกให้ชาวบ้านได้เห็นก่อน และให้ความรู้การนำเศษอาหารไปกำจัดด้วยการนำไปเลี้ยงไส้เดือน ได้ปุ๋ยที่มีคุณภาพสูงมาทำการเกษตร ลดการใช้สารเคมี เมื่อชาวบ้านเห็นประโยชน์ก็เกิดความร่วมมือ
นายสุทัศน์
เฟื้องแปง ชาวบ้านวอแก้ว กล่าวว่า หลังได้เข้าร่วมโครงการ
เราได้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องเสียเงินซื้อแก๊สและขยายเวลาการใช้งานไปได้อีก
2 เดือน
ทั้งนี้ นายอินจันทร์ มันวิสัย นายก อบต.วอแก้ว
อ.ห้างฉัตร ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การทำงานต้องใช้เวลา ไม่มีสิ่งไหนสำเร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ผู้นำในพื้นที่ต่างๆควรจะต้องเริ่มและทำต้นแบบไว้
ไม่ว่าจะหมดวาระไปผู้นำสมัยต่อไปก็สามารถเข้ามาสานต่องานได้
เพื่อความสะอาดของบ้านเมือง คิดเสียว่าขยะไม่ได้มาจากที่ไหน
เราเป็นคนสร้างขยะเองก็ต้องกำจัดเอง
พื้นที่ใดอยากได้ความรู้ และนำรูปแบบไปประยุกต์ใช้ สามารถมาดูที่
ต.วอแก้วได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น