เจ้าหน้าที่เอาจริงเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุเผาช่วงประกาศห้ามเผา มาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด มีโทษหนัก
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 4 แสนถึง 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายพีระเมศร์
ตื้อตันสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท จังหวัดลำปาง
พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ได้นำ พนักงานสอบสวนเวร สถานีตำรวจภูธรงาว
จังหวัดลำปาง เข้าตรวจสอบ จุดที่เกิดไฟไหม้ป่า
แล้วลุกลามทำพื้นที่ป่าเสียหายมากถึง 33 ไร่ เศษ สาเหตุมาจากการแผ้วถางป่ารุกป่า
จุดไฟเผาป่าแล้วลุกลาม เหตุเกิดที่ บริเวณป่าห้วยเด่นแก ท้องที่บ้านใหม่ธานี หมู่
6 ตำบลบ้านหวด อำเภองาว จังหวัดลำปาง เพื่อตรวจสอบพื้นที่
ตรวจเก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆอย่างละเอียด เพื่อที่จะดำเนินการสืบสวน เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
โดยโทษในการเผาป่าค่อนข้างหนัก
โดยหากใครทำให้เกิดไฟป่าหรือปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ สี่ปี ถึงยี่สิบปี หรือ ปรับตั้งแต่สี่แสนถึงสองล้านบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
เนื่องจากว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่
ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่รณรงค์ทำความเข้าใจ และร่วมกันปกป้องแก้ไขปัญหาไฟป่า
มาอย่างต่อเนื่องแต่ก็มีคนที่ฝ่าผืนคำสั่งและกฎหมายเผาป่าจนเกิดการลุกลามขนาดใหญ่
เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท รวมไปถึงผู้ใหญ่บ้านบ้านใหม่ธานี
และฝ่ายปกครอง จึงยอมไม่ได้
เร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่แน่นหนาล่าตัวคนเผาป่ามาดำเนินคดีให้ได้
นายพีระเมศร์
ตื้อตันสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท กล่าวว่าทราบตัวคนที่
ก่อเหตุแล้วเบื้องต้นมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 2 คน
ซึ่งทั้งสองยังให้การซัดทอดกันไปมา แต่เนื่องจากไม่มีพยานบุคคลและไม่เห็นพฤติกรรมขณะเผาป่า
จึงยังไม่สามารถที่จะควบคุมตัวมาดำเนินคดีได้
ดังนั้นจึงลงพื้นที่ที่เกิดเหตุเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆส่งไปตรวจยืนยันทางทางนิติวิทยาศาสตร์
เพื่อให้มั่นใจในหลักฐานที่แน่นหนามัดตัวผู้ก่อเหตุต่อไป
โดยจุดเกิดเหตุอยู่ในเขตเตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท
และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่งาวฝั่งขวา เสียหายอีกว่า 33 ไร่เศษ
เช่นเดียวกัน หลังจากที่มีประกาศจังหวัดลำปางห้ามเผา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564
ถึง 30 เมษายน 2564 ปรากฏว่า
ยังมีคนที่ลักลอบเผาป่าอยู่สร้างความเสียหายและผลกระทบอื่นๆตามมาโดยเหตุไฟไหม้ป่าเหตุนี้เกิดขึ้นที่
ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เมาะ บ้านเมาะหลวงหมู่ 8 ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ
จังหวัดลำปาง เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มีนาคม 2564
โดยไฟได้ลุกไหม้เชิงเขาและลุกลามจะเข้าบ้านเรือนชาวบ้านทำให้
ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ต้องมาทำแนวกันไฟด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้ไฟลุกลามเข้ามาพื้นที่บ้านเรือนของตนเอง
หลังเกิดเหตุ
นายสมศักดิ์ สกุลวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง)
ได้สั่งการให้ หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.13(แม่เมาะ) ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.แม่เมาะ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดไฟไหม้ บริเวณป่าหลังบ้านเมาะหลวง แห่งนี้ทันที
เบื้องต้นไม่พบผู้ก่อเหตุ พบเพียงร่องรอยความเสียหาย จึงแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ
การกระทำผิดต่อ พ.ร.บ ป่าไม้ 2484 มาตรา
54,55 และ พ.ร.บ ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507
และที่อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง
นอกจากนั้น
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2564 นายธนารัฐ สายเทพ นายอำเภอเกาะคา พร้อมด้วย
ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายวุฒิกร พิจอมบุตร ปลัดเทศบาลตำบลเกาะคา
พร้อมส่วนที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบภายหลังเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้บ่อขยะของ
เทศบาลตำบลเกาะคา ตั้งอยู่ที่ บ้านศาลาไชย หมู่ 2 ตำบลศาลา อำเภอเกาะคา
จังหวัดลำปาง โดยได้ควบคุมไฟได้สงบลงแล้ว
โดยเยื้องต้นพบว่าไฟได้ลุกลามจากป่าด้านนอกบ่อขยะลามเข้ามาจึงทำให้เกิดไฟไหม้บ่อขยะ
ทั้งนี้ นายอำเภอเกาะคา ได้มอบหมายให้เทศบาลตำบลเกาะคา ดำเนินการแจ้งความ
ลงบันทึกประจำวัน ที่สถานีตำรวจภูธรเกาะคา เพื่อดำเนินการสืบสวน สอบสวน
หาผู้กระทำผิดลักลอบจุดไฟเผาขยะต่อไป
ซึ่งจะเห็นได้ว่าขณะนี้หากพื้นที่ไหนมีเหตุไฟไม้เกิดขึ้น
จะมีเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายลงพื้นที่ตรวจสอบทันที
เพื่อเป็นอีกมาตรการแก้ไขป้องกันไฟป่าที่เกิดขึ้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น