เมื่อวันที่
2 มิ.ย. 64 เวลา 09.00 น.
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.นันทวิทย์
เทียมบุญธง ผบก.ภ.จว.ลำปาง พ.ต.อ.ศราวุธ วะเท ผกก.สภ.เมืองลำปาง พ.ต.ท.ประสิทธิ์ หล้าสมศรี รอง
ผกก.สส.สภ.เมืองลำปาง ชุดจับกุมนำโดย
พ.ต.ต.ธานี ตันจันทร์กูล
สว.สส.สภ.เมืองลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำปาง ได้ร่วมกันควบคุมตัว นายธนภัทร ชมภูวงค์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/1 ถ.นาก่วม ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง และนายวชิระ ไชยมงคลอายุ 41 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 127 ม.5 ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง 2 ผู้ต้องหา
“ร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ (พระพุทธรูป) หรือรับของโจร” มาทำการสอบสวนอย่างละเอียด
พร้อมกับนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
โดยก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 64 เวลาประมาณ 16.30 น. สภ.เมืองลำปางได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์
(พระพุทธรูป) ภายในวัดศรีรองเมือง ถ.ท่าคราวน้อย ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง
มีพระพุทธรูปหายไปจำนวน 5 องค์ ประกอบด้วย
พระปางไสยาสน์ จำนวน 1 องค์ พระปางรำพึง
จำนวน 1 องค์ พระปางสมาธิ จำนวน 1 องค์
พระปางอุ้มบาตร จำนวน 1 องค์ พระปางนาคปรก จำนวน 1 องค์ จึงแจ้งร้อยเวรสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ
จึงได้ร่วมกันตรวจสอบหาตัวผู้ก่อเหตุ จากการตรวจภาพจากกล้องวงจรปิด
พบว่าผู้ต้องหาเป็นชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาก่อเหตุ
ต่อมา
ตำรวจชุดสืบสวน ได้สืบสวน หาข่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 31 พ.ค.64 เวลาประมาณ 14.00 น. สืบทราบว่ามีรถจักรยานยนต์ลักษณะ
และหมายเลขทะเบียนตรงกันกับที่ใช้ก่อเหตุ จอดไว้บริเวณริมถนนนาก่วม ต.สบตุ๋ย
อ.เมืองลำปาง จึงได้ร่วมกันตรวจยึด และสอบถามผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์ ทราบว่าคือนายธนภัทร
หรือมานะ ชมภูวงค์ จึงได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณบ้านเลขที่
112/1 ถ.นาก่วม ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง พบเห็น
นายธนภัทร เดินอยู่บริเวณหน้าบ้าน จึงแสดงตัวเข้าไปสอบถาม นายธนภัทร ได้ให้การรับสารภาพว่าตนและนายวชิระ
หรือเอ ไชยมงคล เป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์ดังกล่าว ก่อนขยายผลจับกุมตัวนายวชิระ
ซึ่งสามารถจับตัวได้ที่ริมถนนหน้าบ้านเลขที่ 289/6 ถ.บ้านดงพัฒนา ต.บ่อแฮ้ว
อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง ในวันที่ 1 มิ.ย. 64
โดยนายวชิระ
ได้ให้การรับสารภาพตรงกันว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2564 เวลาประมาณ 16.30 น. ได้ร่วมกับ
นายธนภัทร หรือมานะ ชมภูวงค์ เข้าไปขโมยพระพุทธรูปที่วัดศรีรองเมืองจริง โดยได้นำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่ง
ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้ง 2 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
และชี้จุดร้านที่นำไปขายพระเครื่องต่อให้ ในเบื้องต้นเจ้าของร้านปฏิเสธว่าไม่ได้รับซื้อ
และยังไม่พบพระพุทธรูปของกลางแต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนอย่างละเอียดเพื่อสืบหาของกลางต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น