(2) ความหวังกองทุน จาก “ทรงพล” ถึง “ณรงค์ศักดิ์”
หลังจากที่ ทรงพล สวาสดิ์ธรรม
ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ช่วงเดือนกันยายน 2560 ก็ได้พ่วงตำแหน่งประธานกองทุนพัฒนาไฟฟ้า โรงไฟฟ้าแม่เมาะไปโดยปริยาย ความหวังของการใช้จ่ายเงินมหาศาลของกองทุนฯ
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
ในขณะที่ลานนาโพสต์ยังคงติดตามการดำเนินงานของกองทุนฯ
อย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสให้สัมภาษณ์แนวคิด และนโยบายจากผู้ว่าฯทรงพล
ถึงการเข้ามาบริหารจัดการกองทุนฯที่วุ่นวายนี้
นายทรงพล
สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
ได้ศึกษาข้อมูลในพื้นที่
จ.ลำปางพอสมควรก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่ง และยอมรับว่าการบริหารจัดการกองทุนฯ
ขาดการประสานงานระหว่างคณะกรรมการระดับจังหวัด ระดับตำบล และหมู่บ้าน
โดยมีแนวคิดที่จะนำเรื่องดังกล่าวมาถกปัญหาพูดคุยกันให้เกิดประโยชน์ รวมทั้งให้โครงการสอดรับกับแผนพัฒนาหมู่บ้านและอำเภอ
“จากประสบการณ์ที่เคยดูแลกองทุนรอบโรงไฟฟ้าในหลายจังหวัด
ตั้งข้อสังเกตได้หลายประเด็น เช่น สิ่งที่หลายคนห่วงจากการตั้งโรงไฟฟ้าคือ
สุขภาพอนามัย ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่โครงการที่เกิดขึ้นกลับไมตอบโจทย์หรือป้องกันปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อีกประเด็นคือ
โครงการซ้ำซ้อนกับโครงการของส่วนราชการ
และประเด็นเบี้ยหัวแตก
ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันที่จะสามารถเปรียบเทียบได้ชัดเจนระหว่างการที่มีกองทุนและไม่มีกองทุนฯ”
ผู้ว่าฯ ทรงพล กล่าว
นอกจากนี้
ผู้ว่าฯ ทรงพล ได้มอบนโยบาย
และให้คำแนะนำกับคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง
โดยเน้นย้ำให้เข้มข้นในเรื่องการตรวจสอบโครงการร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้าน ตำบล
เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อน
รวมถึงการตรวจสอบประเมินผลโครงการที่ดำเนินการไปแล้วให้สัมฤทธิ์ผลมากที่สุด
เพื่อให้เห็นเด่นชัดว่า อ.แม่เมาะ
มีความเปลี่ยนแปลงหลังจากเกิดกองทุนพัฒนาไฟฟ้าขึ้น
และชาวบ้านได้ประโยชน์จากงบประมาณกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ที่มีมากถึงปีละ 400
ล้านบาทอย่างแท้จริง
การบริหารจัดการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในยุคนี้
ได้มอบหมายให้ นายศรีโรจน์ นิมมานพัชรินทร์
รองผู้ว่าฯ เข้าไปกำกับดูแลแทน การทำงานได้ขับเคลื่อนโดยการประชุมร่วมกันกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เทศบาล อบต.
โรงเรียน รพสต. เพื่อพูดคุยถึงหลักการทำงานที่จะต้องเข้มงวดมากขึ้น
เพื่อให้การใช้เงินเกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีการประชุมกลั่นกรองโครงการงบประมาณกองทุนพัฒนาไฟฟ้าอย่างเข้มข้น
ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562
มีปรับแผนกองทุนพัฒนาไฟฟ้า
เน้นย้ำตรวจสอบการใช้พื้นที่ป่า
การตรวจประมาณการ เพื่อไม่ให้โครงการสะดุด
อีกทั้งการยื่นขอโครงการต้องเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจจัดซื้อจัดจ้างได้เท่านั้น
เช่น โครงการแต่ละโครงการที่ต้องใช้งบประมาณเกิน 3
แสนบาท ต้องขอในนามของหน่วยงานที่มีอำนาจจัดซื้อจัดจ้าง เช่น
หาก รพสต.แห่งใดต้องการสนับสนุนงบประมาณบำรุงซ่อมแซม
หรือจัดซื้ออุปกรณ์จะต้องได้รับการเห็นชอบจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
ซึ่งต้องเป็นผู้เสนอโครงการเข้ามา
ส่วนโครงการหมู่บ้านตำบลที่ต่ำกว่า
3 แสนบาท
คณะกรรมการหมู่บ้านจะต้องเข้ามามีส่วนร่วม
ให้โครงการไม่ซ้ำซ้อนกับแผนพัฒนาหมู่บ้าน
และ การเข้มงวดเรื่องการตรวจประมาณการ
เคยพบว่าหลายโครงการมีการประมาณการไว้สูงกว่าปกติ ต้องมีการควบคุมให้อยู่ในกรอบตามความเหมาะสมไม่สูงเกินจริงมากเกินไป
โดยเฉพาะโครงการซื้อหมู
ซื้อไก่ ได้ตั้งคณะกรรมการจากคนภายนอกเข้ามาร่วมกลั่นกรองโครงการด้วย
การคัดกรองโครงการมีหลักเกณฑ์ว่า
ต้องเป็นโครงการที่กฎหมายรองรับ และเป็นโครงการที่มีการดูแลทรัพย์สินต่อ เช่น
ครุภัณฑ์ คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงาน รวมไปถึงสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ถนน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จะต้องรับไปดูแล
ไม่ใช่การตั้งงบกองทุนเข้าไปดูแลรักษา
จากการตรวจสอบแผนการเสนอโครงการกองทุนพัฒนาไฟฟ้า
งบประมาณประจำปี 2562 พบว่า
โครงการที่มีงบประมาณไม่เกิน 3 แสนบาท ในพื้นที่ประกาศ
อ.แม่เมาะ เกือบ 500 โครงการ งบประมาณ ร่วม 100 ล้านบาท
และโครงการที่มีงบประมาณเกิน 3 แสนบาท จำนวน 279 โครงการ งบประมาณ 300 กว่าล้านบาท ไม่มีโครงการซื้อหมู ซื้อวัว
ซื้อไก่ เหมือนที่ผ่านมา แต่ด้านสาธารณูปโภคก็ยังเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณสูงสุด
ผลจากการบริหารจัดการกองทุนฯ
พบว่าเป็นไปในทางที่ดีขึ้น
พร้อมกับที่นายศรีโรจน์
นิมมานพัชรินทร์ รองผู้ว่าฯ ผู้กำกับดูแลกองทุนฯได้เกษียณอายุราชการ
ในเดือนกันยายน 2561 และมีนายสุรพล บุรินทราพันธ์ รองผู้ว่าฯคนใหม่เข้ามาสานต่อหน้าที่แทน การเบิกจ่ายงบประมาณกองทุนฯ เป็นไปอย่างราบรื่น
จนกระทั่ง
ผู้ว่าฯทรงพล สวาสดิ์ธรรม เกษียณอายุราชการในปี 2562 และ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ลำปาง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กองทุนก็ดูเหมือนล่องลอยหายไปในสายลมเช่นเคย
รอติดตามตอนที่ 3 .....
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น