จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศไทย พบการติดเชื้อไวรัสสายพันธ์กลายพันธ์ เช่น สายพันธ์เดลตา เพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก ประเทศไทยจึงได้ทำการศึกษาการฉีดวัคซีนโดยการสลับชนิดวัคซีนพบว่า การฉีดวัคซีน “ซิโนแวค” เป็นเข็มที่ 1 และการฉีดวัคซีน “แอสตราเซเนกา”เป็นเข็มที่ 2 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับที่สูงได้เร็วมากขึ้น โดยสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีใกล้เคียงกับการฉีดวัคซีน แอสตราเซเนกา 2 เข็ม และมีประสิทธิภาพดีในการป้องกันไวรัสสายพันธ์เดลตา จากการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติฯ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 และการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด 19
วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 จึงมีมติเห็นชอบการฉีดวัคซีนสลับชนิด (ซิโนแวค เป็นเข็มที่ 1 และ แอสตราเซเนกาเป็นเข็มที่ 2) และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด 19 ได้แจ้งให้ทุกจังหวัดดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด 19 สลับชนิด (ซิโนแวค เป็นเข็มที่ 1 และ แอสตราเซเนกา เป็นเข็มที่ 2) แก่ประชาชนทุกคน ในกรณีที่ได้รับเข็ม 1 เป็นแอสตราเซเนกา ไปแล้ว เข็ม 2 ฉีด แอสตราเซเนกาเช่นเดิม โดยมีระยะห่างระหว่างเข็ม 12 สัปดาห์
ดังนั้น ผู้ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัว 7 โรค ในจังหวัดลำปาง ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับแอปหมอพร้อมเดิม ขอให้มาฉีดวัคซีนตามนัดหมาย ทั้งนี้จะได้รับการวัคซีนโควิด 19 แบบสลับชนิดคือ เข็ม 1 ฉีด ซิโนแวค และเข็ม 2 ฉีด แอสตราเซเนกา โดยมีระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่
19 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
ถึงแม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 แล้ว ชาวลำปางยังจำเป็นที่ต้องปฏิบัติตนตาม มาตรการความปลอดภัย (DMHT) อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนศูนย์โควิด-19 จ.ลำปาง โทร.093-1408023 ได้ทุกวันระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น