สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ประเทศไทย พุ่งขึ้นเกือบแตะวันละ 2 หมื่นคนแล้ว
ขณะที่ผู้เสียชีวิตก็มากขึ้นหลักร้อยคนต่อวัน
การล็อคดาวน์จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
ทำให้หลายกิจการต้องปิดตัวลง คนเกิดการว่างงาน
ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้การเดินทางกลับบ้านเกิดเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการมากที่สุด
เพราะถึงอย่างไรกลับบ้านเราก็สบายใจกว่า ทำให้มีการเดินทางกระจายไปในต่างจังหวัดเกือบทุกพื้นที่
เช่นเดียวกับ จ.ลำปาง
ซึ่งมีการเดินทางกลับภูมิลำเนากันอย่างต่อเนื่อง
ทั้งผู้ป่วยที่ติดต่อศูนย์ประสานงานรับคนลำปางกลับบ้าน
และผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยงสูง โดยบุคคลเหล่านี้จะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี Antigen Test Kit ที่ด่านตรวจ
สภ.แม่พริก และเข้าสถานที่กักตัวตามที่หมู่บ้านและชุมชนในแต่ละอำเภอได้จัดเตรียมไว้ให้เป็น
เวลา 14 วัน แม้ว่าจะต้องกักตัวแต่หลายคนก็ยอมที่จะเดินทางมา
ซึ่งมีหลายเคสที่ตั้งใจเดินทางมาด้วยตนเอง
แม้จะไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อหรือไม่ บางคนมีความรับผิดชอบต่อสังคมก็เข้ากักตัวทันที
แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังคงเดินทางไปหลายสถานที่ใน จ.ลำปาง
ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อบุคคลอื่นไม่น้อย
ยกตัวอย่าง ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 413 ชายอายุ 38 ปี
ชาว อ.แจ้ห่ม ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ตรวจโควิดรอบแรกไม่พบเชื้อ
แต่เพื่อนในโรงงานติดเชื้อ 5 คน จากนั้นเริ่มมีอาการไข้
จึงตัดสินใจขึ้นรถทัวร์กลับมา จ.ลำปาง
และเหมารถสองแถวกลับบ้านที่ อ.แจ้ห่ม เดินทางเข้าตรวจหาเชื้อโควิดที่
รพ.แจ้ห่ม
และผลพบว่าติดเชื้อจึงเข้ารักษาตัว
ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 664
665 666
ครอบครัว พ่อ อายุ 56 ปี แม่อายุ
38 ปี และลูกวัย 7 เดือน
อาชีพทำงานก่อสร้างอยู่ที่ จ.นนทบุรี จากนั้นพ่อเริ่มมีอาการปวดเมื่อยเป็นไข้
จึงไปตรวจหาเชื้อโควิด และพบว่าติดเชื้อ
จึงได้ตัดสินใจพาลูกเมียขับรถยนต์กลับมาที่ จ.ลำปาง ทั้ง 3 คน เข้าทำการตรวจหาเชื้อ
ที่โรงพยาบาลลำปาง ระหว่างรอกักตัวอยู่โรงเรียนแพะดอนตัน กระทั่งได้รับแจ้งติดเชื้อทั้ง 3 คน
ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 698 หญิงอายุ 40 ปี และ รายที่ 711 ลูกสาวอายุ 5 ปี อยู่บ้านที่
จ.ปทุมธานี ก่อนจะมีอาการไข้ จึงขับรถยนต์ส่วนตัวมา
จ.ลำปาง พร้อมกับสามี และลูกสาว ถึงด่านตรวจแม่พริก ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด
ผลไม่พบเชื้อ แต่เนื่องจากมาจากพื้นที่เสี่ยงจึงได้ส่งผลตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลลำปาง เดินทางถึงบ้านที่ อ.งาว
เข้าสถานที่กักตัวที่โรงเรียนบ้านโป่ง ก่อนที่โรงพยาบาลจะแจ้งผลว่าติดเชื้อทั้ง 3
คน
ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 704
หญิงอายุ 32 ปี และรายที่ 705 ลูกสาว อายุ 1 ปี
ทำงานอยู่ จ.ชลบุรี ก่อนจะเดินทางกลับมา จ.ลำปาง พร้อมกับสามีและลูกสาว อายุ 1
ปี โดยรถยนต์ส่วนตัว
ถึงบ้านพักที่ ต.บ่อแฮ้ว อ.เมืองลำปาง อสม.ได้เข้าพบและให้กักตัว 14 วัน จนกระทั่งลูกสาวมีอาการถ่ายเหลว
ได้เข้าตรวจที่โรงพยาบาลลำปาง พบติดเชื้อโควิด ทั้งแม่และลูก
ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 427 หญิงอายุ 26 ปี ทำงานอยู่
กรุงเทพฯ และเริ่มมีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น
ลิ้นไม่รับรส ไปตรวจที่โรงพยาบาลแพทย์วินิจฉัยว่าเยื่อจมูกอักเสบ จากนั้นเดินทางไปฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่ 1 ผ่านไปหลายวันอาการไม่ดีขึ้น เริ่มเหนื่อยหายใจได้ไม่เต็มอิ่ม
จึงตัดสินใจกลับ จ.ลำปาง โดยรถยนต์ส่วนตัวพร้อมเพื่อนชาย
ระหว่างเดินทางประสานโรงพยาบาลเถิน ถึงแล้วเข้าตรวจหาเชื้อโควิด และผลพบติดเชื้อ
ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 634 หญิง อายุ 19 ปี อยู่ จ.สุพรรณบุรี
กับปู่และย่า ก่อนเดินทางมา จ.ลำปาง ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิดเพื่อประกอบการเดินทาง
ผลไม่พบเชื้อ เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวมากับญาติ เข้าพักที่โรงแรมใน จ.ลำปาง เดินทางไปห้างสรรพสินค้า และตลาดอีกหลายแห่ง
กระทั่งจมูกเริ่มไม่ได้กลิ่น และมีอาการไอ
จึงไปตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงพยาบาลเขลางค์นคร-ราม ผลพบติดเชื้อ
ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 334 ชายอายุ 52 ปี ทำงานอยู่ จ.สมุทรปราการ อาชีพขับรถส่งเม็ดพลาสติกในหลายจังหวัด มีอาการไข้ อ่อนเพลียและเจ็บคอ หลายวัน จึงตัดสินใจเช่ารถรับจ้างเดินทางกลับบ้านเกิดที่ อ.งาว จ.ลำปาง โดยนั่งหลังรถมาคนเดียว และเข้าตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงพยาบาลงาว ระหว่างกักตัวอยู่บ้าน โรงพยาบาลแจ้งผลติดเชื้อ
ทั้งนี้ ยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ซึ่งอยู่ในกลุ่มของผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดและตรวจพบติดเชื้อใน
จ.ลำปาง มากกว่า 200 คน
ที่ตั้งใจเดินทางกลับมายังบ้านเกิด เพื่อที่จะได้รับการรักษาที่ดีจากโรงพยาบาลทั้ง
13 อำเภอของ จ.ลำปาง
เพราะในเวลานี้การอยู่กรุงเทพฯ และจังหวัดพื้นที่เสี่ยงสูงอื่นๆ
ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอีกต่อไป
การตัดสินใจกลับมาบ้านเกิดเมืองนอกจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น