พิพิธภัณฑ์มีหลายรูปแบบ ทั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ แต่ในโอกาสนี้จะพาไปรู้จักกับ”พิพิธภัณฑ์พื้นที่ที่มีชีวิต” ภายใต้ชื่อ
พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง) อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
แหล่งเรียนรู้ด้านอุตสาหกรรมการเกษตรแปรรูป และแหล่งผลิตสินค้าแบรนด์
"ดอยคำ" ที่คนไทยคุ้นเคย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ใช่เพียงบันทึกเรื่องราวและจัดแสดงวัตถุสิ่งที่มีความหมาย
แต่เต็มไปด้วยแนวพระราชดําริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร ในการพัฒนาประเทศอย่างรอบด้านและยั่งยืน
ตลอดจนวิถีวัฒนธรรมในชุมชนที่ยังมีชีวิต
ภายในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑
(ฝาง) ประกอบไปด้วยโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๑ (ฝาง) และพิพิธภัณฑ์
โดยแวดล้อมไปด้วยชุมชนบ้านยางที่เงียบสงบและสวยงามท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
ชาวบ้านยางยังทำกิจกรรมต่างๆ
ทำมาค้าขาย ทำอาหาร เพาะปลูก สืบทอดวัฒนธรรมให้คงอยู่
ตามบ้านเรือนมีภาพวาดสตรีทอาร์ตถ่ายทอดเอกลักษณ์ชุมชนให้เดินชมอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย
อาคารในพิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง)
มีการออกแบบให้นึกถึงสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์พลังงาน
สถาปัตยกรรมมีรูปแบบที่เรียบง่าย
เน้นใช้วัสดุและสีสันที่กลมกลืนกับธรรมชาติของป่าเขาและชุมชนรอบด้าน
มีคลองแม่งอนอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์
นอกจากจัดแสดงวัตถุสะสม
สิ่งของจากชาวบ้านชุมชนบ้านยางบริจาคให้พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง)
ยังมีนิทรรศการจัดแสดงภาพถ่ายขั้นตอนกระบวนการผลิตของโรงงานหลวง, ภาพถ่ายสมัยที่ในหลวง ร.9 เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคเหนือด้วย
รับรองชมแล้วจะคิดถึงพ่อหลวงของปวงชน
พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่า ย้อนกลับไปวันที่
8 สิงหาคม พ.ศ.2537
วันแรกที่ดอยคำจัดตั้งองค์กรเป็นนิติบุคคลภายใต้ชื่อ "บริษัท
ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด" ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป
ด้วยการเป็นต้นแบบองค์กรธุรกิจที่ดำเนินกิจการตามศาสตร์พระราชา
ควบคู่ไปกับการมุ่งพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนจนปัจจุบัน
ปีนี้ครบรอบ 27 ปีของบริษัท ดอยคำฯ
ทางดอยคำจะเดินหน้าพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร
ในการพัฒนาประเทศอย่างรอบด้านและยั่งยืนในรูปแบบพิพิธภัณฑ์พื้นที่ที่มีชีวิต (Living
SITE MUSEUM) โดยจะพัฒนาโรงงานหลวงฯ
และพื้นที่โดยรอบให้เป็นพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ (A Platform for Learning
Experience) เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาเรียนรู้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงในชุมชน
ซึ่งจะทำให้สังคมชุมชนเกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
อยากเชิญชวนมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์พื้นที่ที่มีชีวิต
นอกจากนี้ พิพัฒพงศ์ กล่าวต่อว่า
ดอยคำดำเนินงานเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนโดยรอบพื้นที่โรงงานหลวงฯ ทั้ง 3 แห่ง
เพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามศาสตร์ของพระราชา และโมเดลของดอยคำกว่า 2,000
ครัวเรือน
ได้ทำนุบำรุงพุทธศาสนาด้วยการพัฒนาวัดให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแก่คนในชุมชน
ผ่านโครงการวัดของเรา วัดของชุมชน
“ดอยคำพัฒนาการศึกษาด้วยการพัฒนาโรงเรียนในบริเวณโดยรอบโรงงานหลวงฯ
มอบความรู้แก่เกษตรกรกับโครงการส่งเสริมความรู้ด้านพืชเกษตร
การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่ยุวมัคคุเทศก์ ยุวเกษตร
และเยาวชนที่ช่วยเหลือสนับสนุนงานโรงงานหลวงฯ ทั้ง 3 แห่ง
ทำให้เด็กเยาวชนได้มีโอกาสทางการศึกษาเพิ่มขึ้น“ นายพิพัฒพงศ์
บอก
นอกจากส่งต่อการเรียนรู้ ในโอกาส 27 ปี ดอยคำ
ได้แบ่งปันความช่วยเหลือช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 19
ส่งมอบผลิตภัณฑ์แทนความห่วงใยแด่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยโควิดให้กับโรงพยาบาลสนามทั้งในกรุงเทพฯ
และพื้นที่โรงงานอาหารสำเร็จรูป ทั้ง 3 แห่ง และหน่วยงานต่างๆ รวมถึงร่วมบริจาคกล่องกระดาษทำเตียงสนาม
ให้ผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19
พร้อมสนับสนุนให้คนไทยฉีดวัคซีน
ในเดือนสิงหาคม 2564 ดอยคำจัดกิจกรรมดอยคำ
ชวนรัก (ษ์) โลก มุ่งสู่สังคมไร้ขยะ 1 กล่อง มีมูลค่า 1 บาท กับกิจกรรม "แกะ
ล้าง เก็บ" เพียงแค่นำกล่องยูเอชทีภายใต้แบรนด์ ‘ดอยคำ’ ทั้งขนาด 200 มล. 500 มล.และ 1,000 มล.
(ผ่านขั้นตอนแกะ ล้าง เก็บ อย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น) ซึ่งทุกขนาดมีมูลค่า 1 บาท
สามารถนำมาแลกซื้อผลิตภัณฑ์ตราดอยคำแทนเงินสดได้โดยไม่มีขั้นต่ำ ได้ที่ร้านดอยคำ
ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2654
ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564
กอบแก้ว
แผนสท้าน...เรื่อง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น