วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2565

กฟผ.ยืดเวลาเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะ แก้วิกฤตพลังงาน ลดต้นทุน 2 หมื่นล้าน

 



เมื่อเข้าสู่ยุคที่โลกประสบกับปัญหาวิกฤตพลังงาน   หลายประเทศได้มีการเตรียมแผนรับมือต่างๆ ควบคู่กับการกำหนดมาตรการประหยัดพลังงานอย่างเข้มข้น  รวมไปถึงประเทศไทย ที่ต้องเตรียมรับมืออย่างหนักหน่วง  โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้เห็นชอบให้จัดหาก๊าซฯ เพิ่มเติมจากทั้งแหล่งก๊าซฯ ในอ่าวไทยและพื้นที่พัฒนาร่วมไทยมาเลเซีย

รวมไปถึง เลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 กำลังผลิต 300 เมกะวัตต์ ออกไปจนถึงสิ้นปี 2565 และให้โรงไฟฟ้าบางปะกงและโรงไฟฟ้าในภาคตะวันตกเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาทดแทนก๊าซฯ ในการผลิตไฟฟ้า 



  

จนกระทั่ง  กฟผ. ได้เริ่มทำการศึกษาเชิงเทคนิค ถึงความเป็นไปได้ในการนำโรงไฟฟ้าแม่เมาะที่หยุดเดินเครื่องไปแล้วกลับมาเดินเครื่องใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2565  เนื่องจากสถานการณ์วิกฤตด้านพลังงาน ที่ค่าเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้ามีราคาสูง และเชื้อเพลิงการผลิตในประเทศไม่เพียงพอ  ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนงานตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อต้นทุนผลิตไฟฟ้า  

จากการศึกษาพบว่า โรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 มีความเหมาะสมมากที่สุด โดยโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 จะถูกเดินเครื่องผลิตในกรณีที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องอื่นๆ ขัดข้องหรือหยุดเดินเครื่อง และควบคุมกำลังการผลิตให้ไม่เกิน 2,455 เมกะวัตต์ (เท่ากำลังการผลิตปัจจุบัน) ตลอดจนมีการทดสอบประสิทธิภาพการควบคุมด้านมลสารที่มั่นใจได้ว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเช่นเดียวกับโรงอื่นๆ ที่เดินเครื่องอยู่ในปัจจุบัน




ที่สำคัญคือ จะช่วยลดผลกระทบด้านต้นทุนค่าไฟฟ้าต่อภาคประชาชนโดยตรง ลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ทั้งช่วยกระจายสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงในระบบไฟฟ้า นอกจากนั้นยังทำให้เกิดการจ้างงานใน อ.แม่เมาะอย่างต่อเนื่อง และรักษาสัดส่วนเงินนำเข้าของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า โรงไฟฟ้าแม่เมาะ  

โดยผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ  ได้ชี้แจงความสำคัญและที่มาการนำโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 กลับมาเดินเครื่อง ให้แก่คณะกรรมการร่วมติดตามตรวจสอบการดำเนินงานและพัฒนาสิ่งแวดล้อม ระดับอำเภอ  ผู้บริหารท้องถิ่น และชาวบ้าน 44 หมู่บ้าน ทั้ง 5 ตำบล อ.แม่เมาะ




แผนงานได้เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น  โดยวันที่ 9 ธ.ค.65  คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)  ไฟเขียวให้  กฟผ. เดินเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 ภายใต้มาตรการ EHIA เสริมกำลังการผลิตช่วงโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องอื่นๆ หยุดซ่อมบำรุง รองรับสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงาน ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน

 เมื่อวันที่  11 ธ.ค. 65  ถือฤกษ์งามยามดีที่ กฟผ.แม่เมาะ นำโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4 ที่ปลดออกจากระบบไฟฟ้ามาปรับปรุงสภาพให้สามารถกลับมาเดินเครื่องใหม่ เสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ลดการนำเข้า LNG ช่วยเหลือภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน





นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า  กฟผ. ได้ทดสอบการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 ทั้งระบบการผลิต และระบบกำจัดมลสาร ให้มีประสิทธิภาพเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดย กฟผ.จะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าภายใต้ EHIA ที่ กกพ. อนุมัติ ซึ่งได้จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบแล้วเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีกำหนดเดินเครื่องระหว่างเดือนธันวาคม 2565 - ธันวาคม 2568 คิดเป็นค่าพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ประมาณ 1,643 ล้าน

ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลวในตลาดจร (Spot LNG) จากต่างประเทศที่มีความผันผวนและมีราคาสูงลงได้ประมาณ 10,800 ล้านบาท เป็นการช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าของประชาชนได้อีกทางหนึ่ง

นอกจากนั้น  กฟผ. ได้ปรับการผลิตไฟฟ้า โดยเลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 8 จากเดือนธันวาคม 2564 ออกไปจนถึงเดือนธันวาคม 2568 ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ถึงเดือนธันวาคม 2565 ช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลงแล้วประมาณ 13,623 ล้านบาท และปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าบางปะกงเป็นน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซล ซึ่งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ถึงเดือนกันยายน 2565 ช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลงแล้วประมาณ 2,378 ล้านบาท รวมถึงปรับแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP)

  เมื่อวิกฤตพลังงานยังไม่คลี่คลายในเวลาอันใกล้  กฟผ.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ตามสโลแกนที่ว่า  “ผลิตไฟฟ้าเพื่อความสุขคนไทย”   จึงต้องลดความเสี่ยงการขาดแคลนพลังงาน ตลอดจนลดการนำเข้าพลังงานราคาสูง เพื่อลดต้นทุนการผลิตและต้นทุนค่าไฟฟ้าของประชาชนให้ได้มากที่สุด    และสิ่งที่ช่วยได้ประสบผลสำเร็จนั้น  คือ ประชาชนต้องช่วยกันประหยัดพลังงาน เพื่อให้ประเทศอยู่รอดในวิกฤตพลังงานไปได้ 

 

 





Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์