นายสุทธิพงษ์
เฉลิมเกียรติ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2
เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนำโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 กลับมาเดินเครื่อง
ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
ได้รับหนังสือจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เห็นชอบให้ กฟผ.
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงาน EHIA โครงการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังความร้อนทดแทนเครื่องที่
4-7 (ซึ่งปัจจุบัน กฟผ.
ขอเปลี่ยนแปลงชื่อเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนแม่เมาะเครื่องที่ 14)
และเห็นชอบการต่ออายุใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า โดยมีอายุใบอนุญาต 25 ปี นับตั้งแต่ใบอนุญาตฉบับเดิมสิ้นอายุ
และเปลี่ยนแปลงรายการเครื่องจักรในใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. (โรงไฟฟ้าแม่เมาะ)
โดยนำโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 กลับมาผลิตไฟฟ้าในช่วงปี 2565-2568
เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงาน ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)
และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
โดยถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่กระทบต่อการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในรายงาน EHIA
ที่ได้รับความเห็นชอบไว้แล้ว โดยกำชับให้ กฟผ.
ต้องปฏิบัติตามมาตรการ EHIA ตามที่กำหนดไว้
โดยไม่ให้มีขนาดกำลังการผลิตและค่าควบคุมด้านสิ่งแวดล้อมเกินกว่าที่กำหนดในรายงานดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
นายสุทธิพงษ์
เฉลิมเกียรติ ยังได้กล่าวถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่
4 ว่า กฟผ.
ได้ทดสอบการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 ทั้งระบบการผลิต
และระบบกำจัดมลสาร ให้มีประสิทธิภาพเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
และต้องไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบจริงในวันที่ 10
ธันวาคม 2565 เพื่อเสริมกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังความร้อนแม่เมาะเครื่องที่ 14
ที่อยู่ระหว่างหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงตามวาระ ซึ่งยังควบคุมกำลังการผลิตให้ไม่เกิน
2,455 เมกะวัตต์ (เท่ากำลังการผลิตปัจจุบัน) ทั้งนี้ การนำ MM-T4 กลับมาเดินเครื่อง จะช่วยลดผลกระทบค่าไฟฟ้าต่อภาคประชาชนโดยตรง
ลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ
ทั้งช่วยกระจายสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงในระบบไฟฟ้า นอกจากนั้นยังทำให้เกิดการจ้างงานใน
อ.แม่เมาะ อย่างต่อเนื่อง
และรักษาสัดส่วนเงินนำเข้าของกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น