วันที่
16 มกราคม 2566 โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย อ.เมืองลำปาง จัดกิจกรรมเนื่องวันครูแห่งชาติ
ภายใต้หัวข้อ “พลังครู คือหัวใจของการพลิกโฉมคุณภาพการศึกษา” Teacher’s Power is the
Heart of Transforming the Educational Quality โดยมีครูทั้ง 13
อำเภอของจังหวัดลำปาง เข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่เช้า
โดยมีการทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง
พร้อมร่วมแสดงความยินดีแก่ครูที่ได้รับรางวัลสาขาต่างๆท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น
และคึกคัก
ขณะเดียวกันได้มีกลุ่มครู
ประมาณ 20
คน ในนามชมรมครูจังหวัดลำปาง
ได้แต่งชุดดำเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
คัดค้านการนำเข้าร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ....ที่อยู่ระหว่างพิจารณาในสภา
นำโดยนายประกาศิต สิงห์หล้า ประธานชมรมครูอำเภอเมืองลำปาง เลขานุการ
ชมรมครูจังหวัดลำปาง
นายประกาศิต เปิดเผยว่า ตัวแทนคณะครูของ
จ.ลำปาง ขอแสดงออกและเรียกร้องคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.....
ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาในวาระ 2 และวาระ 3
เพราะใกล้จะหมดอายุของรัฐบาลแล้ว การพิจารณาผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ควรจะต้องทำอย่างรอบคอบและควรให้ทางคณะครูซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษาได้มีส่วนร่วมกับร่างนี้
จึงขอให้พิจารณาหลังการเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา
เนื่องจาก
ร่าง พ.ร.บ.ฯฉบับนี้ จะเป็นแผนแม่บทที่กำหนดทิศทางการศึกษาของบุตรหลาน
และวิชาชีพครู ซึ่งมีความจำเป็นต้องปรับแก้ประเด็นสำคัญในหลายมาตรา
ที่อยู่ระหว่างประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยพบว่าไม่มีอะไรชัดเจนและบางมาตรการก็ไม่ส่งผลดี
ทางชมรมครูทั่วประเทศและในจังหวัดลำปาง จึงได้รวมตัวกันแต่งกายชุดดำแสดงจุดยืน ขอให้พิจารณาร่าง
พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฯ กันอย่างรอบคอบ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของเด็กนักเรียน
ผู้ปกครอง ประชาชน ครู และประเทศชาติ
ทั้งนี้
กิจกรรมดังกล่าว ทางคณะครูได้จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10-16 มกราคม 66
โดยมีร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คณะครูประเด็นที่น่ากังวลอยู่ 4 มาตรา ดังนี้
1.มาตรา
3 ว่าการยกเลิกคำสั่งคสช. ที่เกี่ยวกับการศึกษา
ซึ่งคณะกรรมาธิการเสียงส่วนมากให้แก้ไข แต่ในที่สุดกลับลงมติกลับเป็นร่างรัฐบาล
ทำให้มรดกคำสั่งคสช.ทำลายหลักธรรมาภิบาล เช่น คำสั่งคสช.ที่ 7/2558
และคำสั่งคสช.ที่ 17/2560 ยกเลิกพ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
เดิมคุรุสภามีบอร์ดบริหารมีผู้แทนจากวิชาชีพครู
แต่คำสั่งคสช.ที่ 7/2558
ทำให้คุรุสภาไม่มีผู้แทนผู้ประกอบวิชาชีพครูมาเป็นผู้แทน แต่ปรับเปลี่ยนบอร์ดใหม่ประกอบด้วย
รัฐมนตรีศึกษา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารสูงสูดจาก 5
องค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
2.มาตรา
40 วรรค 2 ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนวิทยฐานะ
ทำให้บุคลากรในเขตพื้นที่การศึกษาจะไม่ได้รับเงินวิทยฐานะ
ประกอบด้วยผอ.เขตพื้นที่การศึกษา รองผอ.เขตพื้นที่การศึกษาและศึกษานิเทศน์
ทำให้ค้างคาใจเนื่องจากเป็นสิทธิที่เคยได้รับมาก่อนแต่ในร่างพ.ร.บ.การศึกษา ไม่มีการแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิม
อีกทั้งไม่รับรับฟังเสียงท้วงติงจากครูในเรื่องนี้
3.มาตรา
42 เกี่ยวกับคำสั่ง คสช. เป็นการออกแบบสภาวิชาชีพครูใหม่
เดิมคุรุสภาเป็นสภาวิชาชีพ แต่เปลี่ยนใหม่ให้คุรุสภาเป็นองค์กรของครู เมื่อกฎหมายแม่ออกมาแบบนี้
พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษาก็ตกไป
4.มาตรา
106 ว่าด้วยการให้อำนาจ รัฐมนตรี ปลัดศธ.
เป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการกระทรวงศึกษาฯ หมายความว่า
จะใช้ระบบการสั่งการจากบนลงล่าง หรือ "ซิงเกิลคอมมานต์"
ย้อนแย้งกับโลกความจริงที่เปลี่ยนแปลงไปมากหลังวิกฤตโควิด-19
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น