มนุษย์ได้ชื่อว่าเป็น “สัตว์สังคม”
ครั้นจะให้อยู่แต่เหย้าเฝ้าแต่เรือน ไม่ขยับเปลี่ยนตัวเองออกไปไหนๆ บ้าง
มันก็กลายเป็นความจำเจ พาให้ชีวิตไร้สีสัน เหี่ยวเฉา
การเดินทางท่องเที่ยวก็เช่นเดียวกัน
หากจะแนะนำให้พี่น้องชาวลำปางเที่ยวอยู่ในเฉพาะพื้นที่ก็คงน่าเบื่ออยู่ไม่น้อย
และเพื่อให้เกิดการไหลเวียนในระหว่างพื้นที่ใกล้เคียง
สัปดาห์นี้ขออนุญาตพาไปเที่ยว “กว๊านพะเยา” สักวัน
พะเยา ขึ้นชื่อเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์วิถีวัฒนธรรมอันงดงามและอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ถ้าใครได้มาเยี่ยมเยือนจะต้องหลงไหลในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ โดยเฉพาะภาพความสวยงามตรึงตาในยามเช้าและยามเย็นของกว๊านพะเยา แหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ และใหญ่เป็นอันดับที่สามของประเทศ รองจากหนองหานและบึงบอระเพ็ด ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักเดินทางให้มาสัมผัสความงามด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต ส่วนในเมืองพะเยาก็เป็นที่ตั้งของวัดวาอารามสำคัญที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ชวนให้เรียนรู้อย่างเพลิดเพลิน
ทริปนี้เราได้นั่งเรือ ชมทะเลสาบ
ไหว้พระกลางน้ำ โดยชาวบ้านใช้เวลาพายเรือจากท่าน้ำไปถึงวัดกลางน้ำประมาณ 15 นาที ระหว่างล่องเรือในทะเลสาปใหญ่
ได้สัมผัสวิถีชาวบ้านที่ผูกพันกับกว๊านพะเยา
เป็นวิถีประมงพื้นบ้านที่สืบทอดจากอดีตมาจนถึงทุกวันนี้
เพราะกว๊านพะเยาเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่มีสัตว์น้ำและปลาหลากชนิดพันธุ์อาศัยอยู่
ส่วนวิวทิวทัศน์ยามเย็นแสนโรแมนติก เราเห็นวิวภูเขาทอดยาวสลับซับซ้อนเบื้องหน้า
ถ้าหันหลังกลับไปจะเป็นวิวเมืองพะเยา
ความงดงามที่ปรากฎเบื้องหน้าทำให้ทุกคนต้องหยิบมือถือขึ้นมาบันทึกภาพกันทุกคนเลย
ชาวบ้านยังบอกเล่าว่า กว๊านพะเยา
เป็นแอ่งน้ำใหญ่ “กว๊าน” เป็นคำที่ใช้เฉพาะที่จังหวัดพะเยาแห่งเดียวเท่านั้น
ซึ่งบึงน้ำขนาดใหญ่นี้เกิดจากการรวมตัวของลำห้วยต่างๆ ถึง 18 สายด้วยกัน ผู้เฒ่าผู้แก่เล่ากันว่า
หลังจากที่มีการสร้างประตูกั้นแม่น้ำอิง เรือกสวนไร่นา วัดวาอารามร้างกว่า 20 วัด
จมอยู่ใต้น้ำกว๊านพะเยา หนึ่งในนั้นคือ วัดติโลกอาราม
เมื่อถึงเกาะวัดกลางน้ำ
ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดติโลกอาราม โบราณสถานอายุ 527 ปี
เราถอดเสื้อชูชีพ เพื่อขึ้นเกาะ จากนั้นเดินไปกราบสักการะหลวงพ่อศิลาทราย
สิ่งศักดิ์สิทธิคู่บ้านคู่เมือง ย้อนไป 40 ปีก่อน
หลวงพ่อศิลาองค์นี้จมอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านได้พบพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยองค์ใหญ่นี้
ตัวองค์คว่ำหน้า ยกฐานขึ้นมา ยังมีสภาพสมบูรณ์
จากนั้นนิมนต์พระลงไปทำพิธี
ก่อนที่ชาวบ้านจะนำพระพุทธรูปหินทรายองค์นี้ล่องน้ำ โดยใช้เรือ 2 ลำผูกติดเป็นแพติดกัน เพื่อไปทำพิธีสมโภชน์ 7 วัน 7
คืน มีผู้คนแห่แหนมาสักการะต่อเนื่อง ก่อนจะมีขบวนแห่อัญเชิญพระพุทธรูปหินทรายหลวงพ่อศิลากว๊านพะเยาผ่าน 7
ประตูเมืองสำคัญในอดีต และประดิษฐาน ณ วัดศรีอุโมงค์คำ เมืองพะเยา
เป็นเวลากว่า 24 ปี
จนกระทั่งปี 2550 จังหวัดและเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำสมัยนั้น ลงสำรวจและพัฒนาวัดร้างแห่งนี้
ซึ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ศิลาจารึก
เขียนด้วยอักษีฝักขาม แปลความว่า วัดติโลกอาราม
เป็นวัดที่พระเจ้าติโลกราชแห่งราชอาณาจักรล้านนาเมืองเชียงใหม่โปรดให้เจ้าหัวแสน
เจ้าเมืองพะเยาก่อสร้าง ระหว่าง พ.ศ.2019-2029 และในพิธีผูกพัทธสีมาวัดแห่งนี้
มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่เมืองพะเยา 7 วัด ร่วมพิธีด้วย
สะท้อนว่าเป็นวัดสำคัญและเก่าแก่
ส่วนวันพิธีอัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับมาประดิษฐานที่วัดติโลกอารามกลางกว๊านพะเยา
เกิดขึ้นวันที่ 18 ส.ค. 2550 วันนั้นชาวบ้านร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์
นั่งเรือตามขบวนแห่ทางน้ำ สวดมนต์ดังกังวาลทั่วทะเลสาป
ชาวบ้านไปโปรยข้าวตอก ดอกไม้ และน้ำส้มป่อยสักการะหลวงพ่อตามวิถีล้านนา
แค่นึกภาพตามก็รับรู้ได้ถึงพลังศรัทธาในพุทธศาสนา ที่น่าชื่นชมยังมีการสืบสานวัฒนธรรมดีงามนั่งเรือเวียนเทียนรอบวัดติโลกอารามกลางกว๊าน
การล่องเรือไหว้พระ ถือเป็นประสบการณ์ที่แสนพิเศษ
ล่องเรือแล้ว มาเดินเล่นต่อบริเวณริมกว๊าน
มีร้านอาหาร สวนสาธารณะประดับดอกไม้สวยงามสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ
ทั้งคนพะเยาและนักท่องเที่ยวต่างพากันมากินลมชมวิว ปั่นจักรยาน
วิ่งออกกำลังกาย แน่นอนว่า
มุมไฮไลท์สุดฮิต คือ
ประติมากรรมพญานาคสีขาวสองตนกลางน้ำหันหน้าเข้าหากัน ในยามค่ำคืนจัดแสงสีเพิ่มความโดดเด่นเป็นสง่า
ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพคู่กับกว๊านพะเยาได้ดีเลย
ตรงข้ามกับพญานาคกว๊านพะเยา เป็นที่ตั้ง อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง
บูรพกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต
และเป็นบุคคลสำคัญที่ชาวพะเยาไม่เคยลืมเลือน พระองค์เป็นพระสหายร่วมน้ำสาบานกับพ่อขุนเม็งรายแห่งเมืองเชียงราย และพ่อขุนรามคำแหงแห่งกรุงสุโขทัย สามพระองค์ได้กระทำสัตย์ต่อกัน ณ
แม่น้ำอิง บริเวณสถานีประมงน้ำจืดพะเยาในปัจจุบัน นอกจากนี้
ยังเชื่อกันว่าพ่อขุนงำเมืองเป็นผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ กล่าวกันว่าเมื่อพระองค์เสด็จไปทางไหน
“แดดก็บ่อฮ้อน ฝนก็บ่อฮำ จักให้แดดก็แดด จักให้บดก็บด”
จึงได้พระนามว่า “งำเมือง” วันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี
จังหวัดและประชาชนร่วมจัดพิธีสักการะบวงสรวงพ่อขุนงำเมืองยิ่งใหญ่
ชมความงามกว๊านพะเยาแล้ว
วันรุ่งขึ้นเราไปชมวัดสวยๆ ในเมือง เริ่มที่ วัดศรีโคมคำ
หรือที่คนพะเยาเรียกขานกันว่า “วัดพระเจ้าตนหลวง”
เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าตนหลวง
พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนองค์ใหญ่ที่สุดในดินแดนล้านนา มีขนาดหน้าตักกว้าง 14
เมตร สูง 16 เมตร ใช้เวลาสร้างถึง 33 ปี รวม 3 แผ่นดิน คือ
แผ่นดินพระยาเมืองยี่ พญาหัวเคียน และพระเมืองตู้ อายุมากกว่า
500 ปี
เราเข้าไปกราบพระเจ้าตนหลวง
พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพะเยา และพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอาณาจักรล้านนาไทย
วันวิสาขบูชาทุกปี จะจัดงานประเพณีนมัสการพระเจ้าตนหลวงเดือนแปดเป็ง วัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของพระธาตุจอมทอง สร้างขึ้นมาในอาณาจักรโยนก
ภายในบรรจุพระบรมธาตุส่วนหน้าผากของพระพุทธเจ้า ซึ่งปรากฎในตำนานต่างๆ เข่น
ตำนานเมืองเชียงแสน ตำนานเมืองโยนกนคร ตำนานวัดพระธาตุจอมกิตติ
และพงศาวดารโยนก
ภายในวัดศรีโคมคำยังมีสถูปอัฐิครูบาเจ้าศรีวิชัย
รูปปั้นครูบาศรีวิชัย หลังมรณภาพที่วัดบ้านปาง
อ.ลี้ จ.ลำพูน อัฐิของท่านแบ่งออกเป็น 7 ส่วน ไปบรรจุตามวัดต่างๆ นอกจากวัดศรีโคมคำแล้ว ไปวัดจามเทวี ลำพูน
วัดสวนดอก เชียงใหม่ วัดพระแก้วดอนเต้า ลำปาง วัดพระธาตุช่อแฮ แพร่ วัดน้ำออกรู
แม่ฮ่องสอน และวัดบ้านปาง ลำพูน ส่วนคนที่ชื่นชอบเสพงานศิลป์แนะนำไปพระอุโบสถที่ตั้งอยู่ริมกว๊านพะเยามีงานจิตรกรรมฝาผนังวิจิตรงดงามรังสรรค์ด้วยฝีมืออาจารย์อังคาร
กัลยาณพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ แม้จะจากโลกไปแล้ว
แต่ฝากศิลปะไว้บนแผ่นดิน
นอกจากพระเจ้าตนหลวงแล้ว พะเยายังมีพระพุทธรูปงดงามประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีอุโมงค์คำ
ที่อยู่ไม่ไกลจากวัดศรีโคมคำมากนัก ถือเป็นวัดที่มีสิ่งน่าสนใจให้ชมมากมาย
โดยเฉพาะพระเจ้าล้านตื้อ พระประธานของวัดแห่งนี้
วัดศรีอุโมงคำสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยอยุธยา ราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 เพราะพบหลักฐานเป็นพระพุทธรูปหินทราย
และงานแกะสลักหินทรายอื่นๆ อาทิ เทวรูป รูปสัตว์ต่างๆ
ในยุคหินทรายเมืองพะเยาอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านมักเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดสูง
ตามลักษณะพื้นที่ตั้งวัดที่เป็นเนินสูง
มาถึงวัดจะเห็นองค์พระธาตุเจดีย์บนเนินที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหลังของโบสถ์
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยเชียงแสน เป็นเจดีย์แบบล้านนาย่อไม้มุมสิบสอง
ฐานสี่เหลี่ยมซ้อนกัน 3 ชั้น เรือนธาตุรูปแปดเหลี่ยมย่อมุม
มีซุ้มจระนำทั้งสี่ทิศ มีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ประดิษฐานภายในซุ้ม
จากนั้นไปไหว้พระพุทธรูปในห้องลานธรรมตรงข้ามเจดีย์ ทางขึ้นเป็นประติมากรรมตัวมอมกินกัน
ที่นี่เคยเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อศิลาที่ขุดพบในกว๊านพะเยา
ทางวัดศรีอุโมงค์คำสร้างองค์พระเจ้ากว๊านจำลองขึ้นมา
เพื่อบันทึกว่าครั้งหนึ่งท่านเคยมาประดิษฐานอยู่ที่แห่งนี้
จากนั้นเข้าวิหารพระเจ้าทันใจที่สร้างขึ้นใหม่บริเวณหน้าวัด
สักการะพระเจ้าทันใจ ว่ากันว่า ศักดิ์สิทธิ์ คนมาตั้งจิตอิษฐานขอพรมักสมปรารถนา
ภายในวิหารยังได้ชมจิตรกรรมฝาผนังตามความเชื่อเรื่องการไหว้พระธาตุประจำปีเกิดของล้านนา
แล้วมาไหว้พระต่อกันที่โบสถ์ พระเจ้าล้านตื้อเป็นพระประธาน
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำจากทองสำริด หน้าตักกว้าง 184
เซนติเมตร สูง 270 เซนติเมตร
องค์พระพุทธรูปเป็นสีทองเปล่งปลั่ง พระพักตร์ดูอมยิ้ม ให้ความรู้สึกสุขใจ
ซึ่งคำว่า “ตื้อ” เป็นจำนวนนับที่เยอะมากของล้านนา ล้านตื้อสื่อพระพุทธรูปองค์นี้มีน้ำหนักมาก
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 ชื่อเรียก คือ พระเจ้าแสนแส้
และหลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์ เพื่อเชิดชูความงามของพระพุทธรูปองค์นี้
ทริปวันเดียวแอ่วพะเยา
เราได้สัมผัสแต่ละสุดยอดทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
ถือว่ามาถึงพะเยาแล้ว ที่สำคัญเมืองพะเยาต้อนรับนักท่องเที่ยวดี
จนอยากกลับไปเที่ยวอีกครั้ง
กอบแก้ว
แผนสท้าน...เรื่อง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น