วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ศึกชิงดำแหน่งประธานสภา เพื่อไทย ก้าวไกล ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล


หลังจากที่มีประเด็นร้อนแรง และตอบโต้ไปมา ระหว่าง ศิธา ทิวารี แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มเห็นแววตั้งแต่วันลงนาม MOU 8พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ ศิธาตั้งคำถาม และมีการตอบโต้กันไปมา จนเรื่องลามบานปลายมาจนถึง #ประธานสภา ที่ทั้งพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ต่างก็มีเหตุผลที่ต้องการตำแหน่งนั้น จนกลายเป็นประเด็นร้อนฉ่า


จนล่าสุด วันที่ 26 พฤษภาคม 2566 พรรคเพื่อไทยได้โพสต์ข้อความผ่านช่องทางออนไลน์ถึงสถานการณ์ที่กำลังเป็นประเด็น ดังนี้

‘ประธานสภา’ ควรเปิดทางผลักดัน 'ทุกนโยบาย' ของ 'พรรคร่วมรัฐบาล'  ให้สำเร็จ  ไม่ใช่ผลักดันวาระของพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น

สถานการณ์ปัจจุบันที่เป็น 'รัฐบาลผสม' มีภารกิจสำคัญใน MOU ร่วมกัน ไม่ว่าประธานสภาจะเป็นใคร มาจากพรรคใด ก็ต้องทำภารกิจร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย 

และหากจะพิจารณากันอย่างถ่องแท้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 และ 119 ประธานสภาต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง โดยเป็นประธานของ ส.ส.ทั้งสภา ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล  รัฐธรรมนูญมาตรา116 จึงบัญญัติว่าประธานและรองประธานสภาผู้แทนจะเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองในเวลาเดียวกันไม่ได้ 

ประธานสภาจึงต้องผลักดันญัตติใดๆไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือประชาชนเข้าสู่สภา ไม่เลือกปฏิบัติ และหาทางลดอุปสรรคทั้งหลาย ตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา

ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวงการเจรจาพรรคร่วมรัฐบาล พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า การจัดสรรตำแหน่งจะคำนึงถึงความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายเป็นหลัก

หากจะยกกรณีที่เพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ชนะโหวตทั้งนายกฯ และประธานสภามาโดยตลอด  ไม่มีพรรคอันดับสองได้  นั่นเป็นเพราะเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเด็ดขาด  ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร จึงชนะโหวตด้วยเสียงของ ส.ส.และผู้สนับสนุน

ในกรณีนี้ เราชนะมาด้วยกัน ก็ควรทำงานร่วมกันด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หลีกเลี่ยงที่จะใช้มวลชนกดดัน  แต่ควรหาทางทำภารกิจเพื่อประชาชนร่วมกันให้สำเร็จ ประเทศจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด


ส่วนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิแดทนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์เกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าควรถกในวงเจรจา ดังนี้

เรื่อง #ประธานสภา ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เป็นเรื่องความเห็นไม่ตรงกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่เล็กมากถ้าหากเทียบกับภารกิจที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรามา

ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือเกี่ยวแขนกันไว้ให้มั่นคง ทำภารกิจยุติสืบทอดอำนาจรัฐประหาร พาประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยให้สำเร็จจงได้

พวกเราต่างก็รับทราบวิธีคิด หลักการ เหตุผล ของทุกฝ่ายชัดเจนแจ่มแจ้งในประเด็นนี้กันแล้ว

ดังนั้น ผมขอให้เรื่องตำแหน่งประธานสภานี้ ให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับไปพูดคุยกันผ่านตัวแทนแต่ละพรรคในวงเจรจาจะดีที่สุด

ตอนนี้ ขอให้ทุกพรรคเดินหน้าทำงานปรับจูนนโยบายร่วมกัน ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จตามความคาดหวังของประชาชนครับ


Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์