หลังจากที่มีประเด็นร้อนแรง และตอบโต้ไปมา ระหว่าง ศิธา ทิวารี แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มเห็นแววตั้งแต่วันลงนาม MOU 8พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ ศิธาตั้งคำถาม และมีการตอบโต้กันไปมา จนเรื่องลามบานปลายมาจนถึง #ประธานสภา ที่ทั้งพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ต่างก็มีเหตุผลที่ต้องการตำแหน่งนั้น จนกลายเป็นประเด็นร้อนฉ่า
จนล่าสุด
วันที่ 26 พฤษภาคม 2566 พรรคเพื่อไทยได้โพสต์ข้อความผ่านช่องทางออนไลน์ถึงสถานการณ์ที่กำลังเป็นประเด็น
ดังนี้
‘ประธานสภา’
ควรเปิดทางผลักดัน 'ทุกนโยบาย' ของ 'พรรคร่วมรัฐบาล' ให้สำเร็จ
ไม่ใช่ผลักดันวาระของพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น
สถานการณ์ปัจจุบันที่เป็น
'รัฐบาลผสม' มีภารกิจสำคัญใน MOU
ร่วมกัน ไม่ว่าประธานสภาจะเป็นใคร มาจากพรรคใด
ก็ต้องทำภารกิจร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย
และหากจะพิจารณากันอย่างถ่องแท้
ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 และ 119 ประธานสภาต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง
โดยเป็นประธานของ ส.ส.ทั้งสภา ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล รัฐธรรมนูญมาตรา116
จึงบัญญัติว่าประธานและรองประธานสภาผู้แทนจะเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองในเวลาเดียวกันไม่ได้
ประธานสภาจึงต้องผลักดันญัตติใดๆไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาล
ฝ่ายค้าน หรือประชาชนเข้าสู่สภา ไม่เลือกปฏิบัติ และหาทางลดอุปสรรคทั้งหลาย
ตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวงการเจรจาพรรคร่วมรัฐบาล
พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า
การจัดสรรตำแหน่งจะคำนึงถึงความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายเป็นหลัก
หากจะยกกรณีที่เพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง
ชนะโหวตทั้งนายกฯ และประธานสภามาโดยตลอด
ไม่มีพรรคอันดับสองได้
นั่นเป็นเพราะเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเด็ดขาด
ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร จึงชนะโหวตด้วยเสียงของ
ส.ส.และผู้สนับสนุน
ในกรณีนี้
เราชนะมาด้วยกัน ก็ควรทำงานร่วมกันด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
หลีกเลี่ยงที่จะใช้มวลชนกดดัน
แต่ควรหาทางทำภารกิจเพื่อประชาชนร่วมกันให้สำเร็จ
ประเทศจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด
ส่วนพิธา
ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิแดทนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์เกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าควรถกในวงเจรจา
ดังนี้
เรื่อง #ประธานสภา
ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เป็นเรื่องความเห็นไม่ตรงกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่เล็กมากถ้าหากเทียบกับภารกิจที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรามา
ดังนั้น
พรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือเกี่ยวแขนกันไว้ให้มั่นคง
ทำภารกิจยุติสืบทอดอำนาจรัฐประหาร พาประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยให้สำเร็จจงได้
พวกเราต่างก็รับทราบวิธีคิด หลักการ
เหตุผล ของทุกฝ่ายชัดเจนแจ่มแจ้งในประเด็นนี้กันแล้ว
ดังนั้น
ผมขอให้เรื่องตำแหน่งประธานสภานี้
ให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับไปพูดคุยกันผ่านตัวแทนแต่ละพรรคในวงเจรจาจะดีที่สุด
ตอนนี้
ขอให้ทุกพรรคเดินหน้าทำงานปรับจูนนโยบายร่วมกัน ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จตามความคาดหวังของประชาชนครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น