กิตติกร ทายาทโล่ห์สุนทรลงสมัคร ส.ส.แน่
หลังถูกปลดล็อกบ้านเลขที่ 109 ด้านประชาธิปัตย์ยังอึมครึมรอเลือกตั้งกรรมการพรรคชุดใหม่
มัธยมเผยหากไม่ปฏิรูปการเมืองจะไม่ลงสมัคร ขณะที่ดาชัยยันลงบัญชีรายชื่ออันดับ 1
หวัง ส.ส. 3 ที่นั่ง
หลังจากนายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 9
ธ.ค.ที่ผ่านมา
และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2
ก.พ.57 โดยมีการเปิดรับสมัคร
ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิส ในวันที่ 23-27 ธ.ค.56 และรับสมัคร ส.ส.แบบเขต
วันที่ 28 ธ.ค.56 - 1 ม.ค.57 บรรยากาศที่ จ.ลำปาง มีเพียงผู้ชุมนุมจากกลุ่มเครือข่ายคนลำปางรักษ์ชาติ
ที่ยังคงออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนของตนเอง ขณะที่พรรคการเมืองใหญ่
อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวในพื้นที่เช่นกัน
มีเพียงพรรคพลังประเทศไทยของนายดาชัย อุชุโกศลการ ที่ขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์พรรคมาได้ประมาณสองเดือนแล้ว หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์
จึงติดตามความคืบหน้าของพรรคการเมืองดังกล่าว ว่ามีการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งอย่างไร
นายกิตติกร โล่ห์สุนทร
อดีต ส.ส.ลำปาง เปิดเผยว่า วันที่
11 ธ.ค.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้มีการประชุมสมาชิกพรรคภาคเหนือ ซึ่งในที่ประชุมพรรคได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน
และบอกว่ายังไงก็ต้องรักษาระบอบประชาธิปไตยให้ถึงที่สุด
ต้องดำเนินการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ตอนนี้ทุกคนเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง กระแสภายนอกไม่ได้กระทบกับเรา
เพราะเรามีหน้าที่รักษาประชาธิปไตย ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
สำหรับการวางตัวผู้สมัคร ที่ประชุมพรรคยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ คงจะมีการประชุมกันอีกครั้ง
แต่เชื่อว่าทุกคนเตรียมพร้อม ซึ่งคาดว่าจะใช้ตัวผู้สมัครเดิม
“ผมจะต้องคุยกับพรรคก่อนว่าจะลงเขตหรือปาร์ตี้ลิส
ซึ่งผมลงแบบไหนก็ได้ ส่วนกับคุณพ่อก็ยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้
หากท่านลงปาร์ตี้ลิส ผมก็ลงเขต น่าจะเหมาะสมกว่า ความพร้อมในการเลือกตั้ง ถือว่าผมพร้อม
ยังลงพื้นที่อยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่มากเท่าสมัยก่อน ถ้ามีเวลาก็จะทำเป็นประจำ
ตอนนี่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องผลักดันให้มีการเลือกตั้งให้ได้” นายกิตติกร กล่าว
เมื่อสอบถามถึงความมั่นใจหากลงรับเลือกตั้งในครั้ง นายกิตติกร กล่าวว่า ที่ จ.ลำปางพรรคเพื่อไทยน่าจะยังครองใจประชาชนได้
เพราะทางภาคเหนือประชาชนยังชื่นชมอดีตนายกทักษิณ
และให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่
ส่วนพรรคเล็กก็ไม่น่าจะมีผลกระทบกับเรา เพราะอย่างไรการต่อสู้ก็ยังเป็นเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ที่ต้องชี้ขาดกันในสนามเลือกตั้ง
แต่คิดว่าพรรคพลังประเทศไทยจะมีโอกาสได้ที่นั่งในเขตกรุงเทพฯ
หรือจังหวัดทางภาคกลางที่มีความขัดแย้งกันชัดเจน เพราะตอนนี้มีประชาชนที่ไม่เอาเพื่อไทย
ประชาธิปัตย์ก็ไม่ชอบ ฉะนั้นพรรคกลางถึงเล็กจะมีโอกาสมากขึ้น
แต่หากไปเปิดในพื้นที่ที่ฐานเสียงเดิมหนาแน่น เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน คงค่อนข้างลำบากและมีโอกาสที่จะได้ที่นั่งน้อยมาก
เรื่องการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.ทางพรรคมีความหนักใจหรือไม่ นายกิตติกร กล่าวว่า
ยังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งขณะนี้สภายุบไปแล้ว
ส.ส.ก็หมดอำนาจหน้าที่
หากชี้มูลมาก็ต้องมีการไต่สวนและยื่นให้วุฒิสภาถอดถอน
ซึ่งกระบวนการต้องใช้เวลาเป็นปี จะรวบรัดให้เสร็จภายในเดือนเดียวคงไม่ได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เหมือนการกลั่นแกล้งกันมากกว่า เพราะทาง ป.ป.ช.ก็มีคดีรออยู่หลายหมื่นคดี
ส่วนเรื่องยุบพรรคคงไม่มีปัญหา เพราะศาลรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่าไม่มีความผิดต่อการยุบพรรค
ถ้าจะหาเรื่องยุบพรรคก็คงเป็นการใช้อำนาจนอกเหนือกฎหมายมากกว่า
ด้านนายมัธยม นิภาเกษม อดีตผู้สมัคร
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคและเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันที่
16-17 ธ.ค.นี้ เนื่องจากทางพรรคอยู่ระหว่างการปฏิรูปพรรค
จากกระแสข่าวที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ส่งผู้สมัครทั้งประเทศนั้น
นายมัธยม กล่าวว่า ตอนนี้เพิ่งยุบสภาก็มีข่าวลือพูดกันออกไปต่างๆนานา เพียงแต่ตอนนี้ต้องรอความชัดเจนจากกรรมการบริหารพรรคที่จะมาเป็นผู้ตัดสินใจ
แต่โดยส่วนตัวแล้วมองว่าหากยังไม่มีการปฏิรูปการเมือง
ทั้งที่เห็นชัดแล้วว่ามีประชาชนจำนวนมากออกมาเรียกร้องขนาดนี้ เพราะมีการโกงกินมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ผมคงไม่สมัครรับเลือกตั้งถึงแม้ว่าพรรคจะส่งให้ลงสมัครก็ตาม เพราะเลือกตั้งไปก็ยังเป็นแบบเดิมๆ
ประชาชนก็จะมีการออกมาประท้วงกันอีก ผมไม่อยากเข้าไปร่วมสังฆกรรมกับการเมืองแบบนี้
สู้ออกมาทำงานภาคประชาสังคมยังดีเสียกว่า
ขณะที่นายดาชัย อุชุโกศลการ หัวหน้าพรรคพลังประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าของพรรคว่า ตั้งแต่จดทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
ก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งมาตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเลือกตั้งเร็วขนาดนี้ วันที่ 23
ธ.ค.นี้ก็จะเดินทางไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ แน่นอนว่าผมลงบัญชีรายชื่ออันดับ
1 อยู่แล้วในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่า 1.3 แสนคะแนนจะได้
ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน เป็นการรวมคะแนนจากทั่วประเทศ ซึ่งพรรคเองจะส่งผู้สมัครบัญชีรายชื่อประมาณ 30
คน ในส่วนของผู้สมัครแบ่งเขตทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง
พรรคพลังประเทศไทยลงสมัครครบทุกเขตแน่นอน ที่มีความชัดเจนแล้วคือ เขต 1 นายณฤธร
ถาคำฟู ลงสมัครแน่นอน ส่วนเขตอื่นๆยังคงต้องรอมติที่ประชุมพรรคอีกครั้ง นอกจากนั้นในต่างจังหวัดจะได้ส่งผู้สมัครที่
จ.พะเยา 2 เขต เชียงราย 3 เขต กรุงเทพฯ 2
เขต อุดรธานี 4 เขต และตาก 2 เขต
การเลือกตั้งครั้งนี้วางเป้าหมายไว้อย่างไร นายดาชัย
กล่าวว่า ตั้งเป้าไว้ว่าให้ได้ ส.ส.3
ที่นั่งทั้งประเทศ และคาดหวังว่าหากชนะที่ จ.ลำปาง 1 ที่นั่งก็มีความสุขแล้ว ผมเป็นนักการเมืองบ้านนอก
มาลงนายก อบจ.ลำปาง ถือว่าสู้เต็มที่แล้ว
วันนี้มีพรรคการเมืองเป็นของตัวเองก็ถือว่ามาไกลเกินฝัน
และกำลังจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ชนะหรือแพ้ไม่ขาดทุนมีแต่กำไร นโยบายที่เสนอก็เป็นพรรคของคนลำปาง ถ้าคนลำปางอยากจะเปลี่ยนแปลงเราก็มีโอกาสมี
ส.ส.คนลำปางเข้าไปนั่งในสภาได้เพิ่มขึ้น ผมไม่ได้ตั้งพรรคมาแข่งกับใคร แต่อาจเป็นการกระตุ้นให้คนเก่าทำงานมากขึ้น เราเป็นพรรคเล็กเราไม่ได้เปรียบอยู่แล้ว
แต่จุดขายของเราคือพรรคของคนลำปาง
อย่างไรก็ตาม
ขณะนี้ได้มีกระแสข่าวว่า นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร จะส่งลูกชายคนโต นายกิตติกร โล่ห์สุนทร
ที่ได้รับการปลดล็อคบ้านเลขที่ 109
ไปหมาดๆ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนเจ้าตัวจะลงสมัคร ส.ส.เขต 1 ในขณะที่เขต 2 นายวาสิต พยัคฆบุตร
เตรียมส่งลูกชายลงสมัคร ส.ส.เขตแทน โดยตัวเองจะหันไปลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนเขต 3 และเขต 4 นั้น
ยังคงเป็นของนายจรัสฤทธิ์ และนายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ ที่ยังคงรักษาพื้นที่เดิมอยู่
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 956 13 - 19 ธันวาคม 2556)