จำนวนผู้เข้าชม
กุลธิดา สืบหล้า...เรื่อง
บ้านไม้หลังงามของสดศรี ขัตติยวงศ์ ตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนถนนป่าไม้มาเกือบ 60 ปี หลายคนรู้จักบ้านหลังนี้ในชื่อบ้านท่าเก๊าม่วง หลังจากป้าสดศรีเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการก่อตั้งกลุ่มโฮมสเตย์ท่ามะโอ โดยบ้านหลังนี้เป็น 1 ใน 4 หลังที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้ถวิลหาอดีตและหลงใหลในวิถีสโลว์ไลฟ์
เดิมทีบ้านท่าเก๊าม่วงคือชื่อชุมชนริมแม่น้ำวังฝั่งตำบลเวียงเหนือ เริ่มตั้งแต่บริเวณสะพานหลังจวนผู้ว่าฯ ยาวไปจนถึงสะพานเขลางค์นคร ชื่อนี้คนรุ่นใหม่ไม่รู้จัก แต่คนอายุ 50 ปีขึ้นไปคุ้นเคยดี ป้าสดศรีบอกว่า เมื่อก่อนตรงท่าน้ำมีต้นมะม่วงใหญ่ จึงเรียกกันว่า บ้านท่าเก๊าม่วง แต่ปัจจุบันถูกเรียกรวมเป็นชุมชนท่ามะโอไปแล้ว
หลังเกษียณตัวเองจากชีวิตข้าราชการครู ป้าสดศรีตระเวนเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้พบเห็นวิถีชีวิตหลากหลาย นึกย้อนมาดูชุมชนของตนเองก็พบว่า เรื่องราวความเป็นมาและศิลปวัฒนธรรมก็มีไม่น้อยหน้าชุมชนไหน ประกอบกับการได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติพากันมาเดินท่องเที่ยวในชุมชนท่ามะโออยู่เรื่อย ๆ ป้าสดศรีจึงชักชวนคนอื่น ๆ ให้หันมาทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ในเมื่อร้านอาหารก็มี ที่พักแบบบูติกโฮเต็ลและเกสต์เฮาส์ก็มี วัดวาอาราม บ้านเก่า ๆ ก็สวย เรามาช่วยกันทำโฮมสเตย์ เพื่อเติมเต็มตัวเลือกให้มีหลากหลายมากขึ้นกันเถิด
ว่าแล้วกลุ่มโฮมสเตย์ท่ามะโอก็เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 โดยเป็นหนึ่งในกลุ่มย่อยของการท่องเที่ยวชุมชนท่ามะโอ ซึ่งก็ประกอบไปด้วยกลุ่มย่อยอีกหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มแม่บ้านที่ทำอาหาร กลุ่มศูนย์สาธิตการตลาด ฯลฯ โดยมีประทีป เมืองแก่น เป็นประธานคณะทำงานการท่องเที่ยวชุมชนท่ามะโอ ส่วนป้าสดศรีเป็นคณะกรรมการการท่องเที่ยวชุมชนท่ามะโอ ทั้งนี้ ชุมชนท่ามะโอได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกรมการท่องเที่ยว ทั้งเรื่องการทำประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ และการเชิญไปอบรมดูงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชุมชนในภาคอื่น ๆ ล่าสุดตอนนี้ป้าสดศรีทำเรื่องขอจักรยานไปแล้ว เพื่อให้นักท่องเที่ยวยืมขี่เล่นได้ตามใจ
การเปิดตัวกลุ่มโฮมสเตย์ท่ามะโอไม่ได้เป็นไปแบบโหมกระหน่ำไฟไหม้ฟาง คือไม่ได้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาจนล้น แต่แวะเวียนมาเรื่อย ๆ และเป็นกลุ่มที่สนใจการท่องเที่ยวแนวชุมชน อีกทั้งชอบดื่มด่ำบรรยากาศบ้าน ๆ พร้อมที่จะเรียนรู้และปรับตัวเข้าหาวิถีชาวบ้านอย่างแท้จริง
สำหรับกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัส เริ่มตั้งแต่เช้าด้วยการใส่บาตรที่ตลาดรัษฎาฯ เดินเที่ยวตลาด แล้วเลือกซื้อกับข้าวพื้นถิ่นมาลองชิมที่บ้านพัก สาย ๆ ไปวัดประตูป่อง ป้าสดศรีจะเชิญวิทยากร ซึ่งเป็นคนเก่าแก่ในชุมชน มาบรรยายให้ฟัง
ถัดไปอีกนิดนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เรื่องการทำไม้ในอดีต อย่างที่รู้กัน ลำปางของเราเคยเป็นศูนย์กลางการทำไม้สักของภาคเหนือ วิทยากรจะพาไปชมบ้านร้อยปี ซึ่งปัจจุบันคือสำนักงานป่าไม้เขตลำปาง ต่อด้วยบริษัทแอล ที เลียวโนเวนส์ ซึ่งเป็นอาคารของบริษัททำไม้ในอดีต แม้จะร้างไปแล้ว แต่ก็ยังคงเค้าความงามในอดีต ต่อด้วยการไปชมบ้านเสานัก เรือนไม้สวยสง่าของคหบดีพม่าแห่งย่านท่ามะโอ จากนั้นข้ามถนนไปวัดท่ามะโอ วัดพม่าอีกแห่งหนึ่งของเมืองลำปาง
ได้เวลาอาหารกลางวัน ป้าสดศรีจะให้นักท่องเที่ยวได้เลือกร้านตามใจชอบ เพราะย่านนี้มีร้านอาหารอร่อย ๆ ให้เลือกหลายร้านอยู่แล้ว ช่วงบ่ายจะพามาถนนวังเหนือ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ถนนวัฒนธรรม ชมกู่เจ้าย่าสุตา แวะศูนย์สาธิตการตลาดชุมชนท่ามะโอ ร้านค้าเล็ก ๆ อุดมไปด้วยสินค้าเพื่อสุขภาพ จากนั้นกลับไปยังบ้านท่าเก๊าม่วง พักเหนื่อยใต้ถุนบ้านที่จัดเป็นมุมนั่งเล่น มีบอร์ดจัดแสดงภาพถ่ายในอดีต ทั้งภาพบรรยากาศการทำไม้สมัยลุงและพ่อของป้าสดศรี รวมถึงรูปสมัยน้ำท่วมเมืองลำปางครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2548 ซึ่งพวกเราทุกคนคงจำได้ดี นอกจากนี้ ยังมีมุมสะสมของเก่า เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่ช่วยย้อนความทรงจำ เรียกรอยยิ้มได้อย่างดี
ไม่เพียงเท่านั้น นักท่องเที่ยวยังจะได้เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยสามารถเลือกได้ว่า จะหัดทำสวยกาบ (สวยดอก-กรวยดอกไม้) ดอกผึ้ง (เครื่องสักการบูชาของชาวล้านนา) ดอกไม้ใบเตย หรือจะสานโมบายเป็นรูปปลา ก็มีผู้เฒ่าผู้แก่มาสอนให้ ช่วงเย็นหากเป็นวันศุกร์ ทุกคนก็จะได้เดินไปเที่ยวถนนวัฒนธรรม หรือหากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ กาดกองต้าก็อยู่ไม่ไกล
เรียกได้ว่า เต็มอิ่มกับกลิ่นอายแห่งวันก่อนคืนเก่า เคล้าด้วยเรื่องเล่ามากมาย ที่จะทำให้ใคร ๆ รู้จักเมืองลำปางของเราในแง่มุมลึกซึ้ง ผ่านวิถีเรียบง่าย เปี่ยมไปด้วยความมีมิตรไมตรีของชาวชุมชนท่ามะโอ
......................
กลุ่มโฮมสเตย์ท่ามะโอ โทรศัพท์ 08-1595-6820 (ป้าสดศรี), 08-1950-9098 (ลุงประทีป)
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1080 วันที่ 27 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน 2559)
น่าจะบอกราคาบ้านพักด้วยนะคะ เป็นข้อมูลให้นักท่องเที่ยว
ตอบลบ