วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ตลาดต้องชม ความคิดเชยๆ แบบรัฐราชการไทย

จำนวนผู้เข้าชม

คยสังเกตไหม ความพยายามของตลาดใหม่ ที่สร้างอย่างเริ่ดหรู อลังการ มีการจัดระบบ ระเบียบ เรียบร้อย เพื่อทดแทนตลาดเก่า หรืออย่างน้อยแบ่งส่วนลูกค้าตลาดเก่าดั้งเดิม มาเดินตลาดใหม่ ล้มไม่เป็นท่าเกือบทุกราย

เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะความอยู่ยงยาวนานของตลาดเก่าบางแห่ง มาจากความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีสินค้าประเภทที่อาจซื้อหาจากตลาดอื่นๆไม่ได้ มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ต่อเนื่องกันมา มีเสน่ห์ในตัวเอง ที่ผู้คนผู้ผ่านทางต้องหยุดแวะพัก จับจ่ายซื้อของ หาอาหารการกินที่คุ้นเคย

การทำลายเอกลักษณ์ของตลาด ด้วยความพยายามจัดระเบียบต่างๆนานา การเข้ามาช่วงชิง สวมรอยความสำเร็จของตลาดดั้งเดิม ด้วยวิธีคิดแบบรัฐราชการ จ้างออแกไนซ์มาประโคมภาพ ความเป็นตลาดที่รัฐให้การสนับสนุน ทั้งที่ตลาดเดิมเขาก็ทำดีอยู่แล้ว เรียกว่าเป็นความสูญเปล่า และเป็นการฝืนธรรมชาติของระบบตลาดเสรีอย่างยิ่ง

แนวคิดและนโยบายของ ตลาดต้องชม หรือกลายมาเป็น “กาดต้องชม” เมื่อมาภาคเหนือ ของกระทรวงพาณิชย์ เป็นตัวอย่างความล้มเหลวหนึ่งของรัฐราชการไทย ที่น่าสนใจศึกษา เป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ และเป็นการแทรกแซงกลไกตลาดเสรี ที่อาจมีปลายทางเช่นเดียวกับสินค้ายี่ห้อสินไทย ที่กระทรวงพาณิชย์ริจะทำเอง และถึงบทอวสานไปในเวลาไม่นาน

นางอภิรดี  ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  อธิบายแนวคิด ตลาดต้องชมก่อนหน้านี้ว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้เริ่มดำเนินโครงการตลาดต้องชมมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 เพื่อเป็นกลไกในการขยายช่องทางการตลาดสร้างรายได้ให้กับชุมชน และเชื่อมโยงภาคการค้ากับการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน

เชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้    การบริโภคภายในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและเศรษฐกิจท้องถิ่น(Local Economy) ได้เป็นอย่างดี สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความเข้มเข็งในทุกมิติ และขับเคลื่อนประเทศชาติตามยุทธศาสตร์ ประชารัฐจนถึงเดือนพฤษภาคม 2559  มีจำนวนตลาดต้องชมเปิดดำเนินการแล้ว 44 จังหวัด แผนเปิดตลาดต้องชมเพิ่มเติมอีก 12 แห่งในเดือนมิถุนายน และจะทยอยเปิดจนครบทุกจังหวัดภายในเดือนกันยายน  2560 นี้

ตลาดต้องชมที่เปิดในเดือนมิถุนายน 2559 เป็นแห่งแรก คือ ตลาดโนนหอมไผ่ล้อมพัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ในวันที่ 3 มิถุนายน  ต่อมา  4 มิถุนายน 2559 เปิด ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

จุดเด่นของตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง คือ เป็นตลาดน้ำเพื่อสุขภาพที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ อัตลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นวิถีชีวิตริมน้ำของชาวพระประแดง และกิจกรรม ทั้งในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพใจ โดยพื้นที่สีเขียวโอบล้อมตลาด มีสวนผลไม้ อาทิ สวนมะม่วง และสวนมะพร้าว มีบริการเรือพายให้ชมทัศนียภาพสองฝั่งคลอง กิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพเที่ยวบางกระเจ้า

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งยังเป็นศูนย์รวมสินค้า OTOP จากชุมชน เช่น ดอกไม้เกล็ดปลา บ้านธูปสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากทะเล เช่น  กุ้งแห้ง กะปิ หอยดอง ภาพประดิษฐ์จากกะลามะพร้าว ของตกแต่งบ้านที่ทำจากหญ้าหลากสี รวมถึงผลิตภัณฑ์ผักตบชวา ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งคุณลักษณะพิเศษต่างๆ ของตลาดต้องชมสามารถที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เข้ามาใช้บริการและจับจ่ายสินค้า ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนกลับมายังชุมชนอย่างต่อเนื่อง

แนวทางการพัฒนาไปสู่การเป็น ตลาดต้องชม ก็คือ การยกระดับตลาดชุมชน ด้วยการคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของตลาดชุมชน โดยกระทรวงพาณิชย์จะนำเอกลักษณ์พาณิชย์เข้าไปส่งเสริม เริ่มตั้งแต่ราคาขายที่เป็นธรรมและติดป้ายแสดงราคาชัดเจน น้ำหนักสินค้าเที่ยงตรงความสะอาด ความเป็นระเบียบ ตลอดจนสินค้าคุณภาพดีและมีความหลากหลาย

แนวคิดและนโยบายของตลาดต้องชม ก็ไม่ต่างไปจากสินค้าตราสินไท

คือเอาความเชื่อแบบรัฐราชการไปครอบวิถีทำมาหากินของชาวบ้าน บางคราวยังเอาแนวคิดแบบตลาดต้องชม ไปสวมรอยความสำเร็จที่เขามีอยู่แล้ว เช่น ที่ถนนคนเดินสายวัฒนธรรม บริเวณโบราณสถานกู่เจ้าย่าสุตา หรือกาดทุ่งเกวียน ตลาดเก่าแก่ที่ใครผ่านไป ผ่านมาต้องแวะเวียนอยู่แล้ว

 ปล่อยให้กลไกตลาดเสรีเขาทำหน้าที่กันเอง หน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ เพียงดูแลการซื้อ การขายสินค้าให้เป็นธรรม ไม่ต้องไปจัดระบบ ระเบียบให้สิ้นเปลือง เวลา สิ้นเปลืองงบประมาณ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ถูกต้อง เท่านี้ก็เพียงพอ

 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1134 วันที่ 23 - 29 มิถุนายน 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์