วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

โครงการสายไฟลงดิน ถนนพหลโยธินช่วงแรก 53 ล้าน ผ่านสภาฯ 10 ต่อ 7 เสียง

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

โครงการสายไฟลงดิน ถนนพหลโยธินผ่านสภาฯแบบฉิวเฉียด หลัง สท.เสนอแปรญัตติตัดงบทั้งหมด  ในที่ประชุมยกมือ 10 ต่อ 7 ยืนต่างร่างเดิม ด้านกิตติภูมิพ้อกลางสภาฯ ถูกกล่าวหาไร้ประสิทธิภาพ ถามกลับคนพูดทำอะไรบ้าง  เผยหากมีคุณภาพหรือไม่ขอให้ดูที่ผลงานไม่ใช่คำพูด

 เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ส.ค. 62  เทศบาลนครลำปาง เปิดประชุมสภาเทศบาลนครลำปาง สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 ครั้งที่ 2 ประจำปี 2562  เพื่อพิจารณาร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระที่ 2 และวาระที่ 3 หลังจากร่างเทศบัญญัติดังกล่าวฯ ได้ผ่านมติในที่ประชุมขั้นรับหลักการไปแล้วเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2562  ที่ผ่านมา โดยมีมติให้ความเห็นชอบ 15 เสียง นอกจากนั้นงดออกเสียง จากนั้นจึงได้กำหนดเสนอยื่นแปรญัตติวันที่ 14-16 สิงหาคม 2562  ทางคณะกรรมการแปรญัตติกำหนดประชุมกันในวันที่ 18-19 สิงหาคม 2562   ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ได้มีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังประมาณ 30 คน

ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีระเบียบวาระที่สำคัญในการประชุมวาระที่ 2 และวาระที่ 3 คือการเสนอขอลดรายจ่ายที่ตั้งไว้ในแผนงานเคหะและชุมชน งานไฟฟ้าถนนฯ รายการเงินอุดหนุนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งไว้ 53,884,600 บาท เพื่อจ่ายเป็นเงินอุดหนุนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าเคเบิลใต้ดินเฟส 1 ตั้งแต่สี่แยกดอนปาน ถึงถนนดวงรัตน์ ระยะทาง 1,200 เมตร  โดยผู้ยื่นเสนอแปรญัตติคือ นายสมบูรณ์ คุรุภากรณ์ สมาชิกสภาเทศบาลนครลำปาง  โดยให้เหตุผลว่า เป็นโครงการที่ใช้งบประมาณสูง มีการดำเนินงาน 3 เฟส ซึ่งในเขตเทศบาลยังมีงานอื่นที่ยังต้องพัฒนาอีกจำนวนมาก  ประกอบกับความสามารถในการบริหารโครงการลักษณะเช่นนี้ของผู้บริหารยังไม่น่าเชื่อถือเพียงพอที่จะให้การสนับสนุนงบประมาณ ขณะที่นายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรี  ชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเทศบาลตามระเบียบกฎหมาย มีการจัดทำแผน และงบประมาณรายจ่ายเป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องครบถ้วน  ได้คำนึงถึงสถานะการเงินการคลังของเทศบาลนครลำปาง ซึ่งมีความมั่นคง สามารถดำเนินโครงการดังกล่าวได้  และในขั้นประชุมรับหลักการได้มีการอภิปรายในทุกมิติ จาก กฟภ. และส่วนกลาง  ด้านกรรมการแปรญัตติได้พิจารณาแล้ว  เห็นด้วยให้คงร่างเดิมไว้จำนวน 2 เสียง และงดออกเสียง 1 คน

 นายสมบูรณ์ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่สิ้นเปลือง ในระยะที่ 1ใช้เงินกว่า 53 ล้านบาท ยังต้องมีเงินทำผิวทางต่างๆอีก ประมาณการไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท โดยอ้างอิงจากโครงการที่ถนนบุญวาทย์   นอกจากนี้ยังมีโครงการต่อเนื่องระยะที่ 2 และ 3 รวมกันกว่า 180 ล้านบาท  คิดว่าทำมาแล้วก็ยอมรับว่าดูโล่งดี แต่ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ สำหรับถนนพหลโยธินเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ก็ยังไม่เห็นมีความแตกต่างจากเดิม เพราะฉะนั้นยังมีโครงการที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือในชุมชนอีกจำนวนมาก ที่เป็นประโยชน์จำเป็นมากกว่า  ตามมารยาทนักการเมืองที่มีจริยธรรม ในปลายของการบริหารไม่ควรทำโครงการที่มีขนาดใหญ่เกินตัวและต่อเนื่องไปอีกหลายปี จึงมองว่ายังไม่เหมาะที่จะทำโครงการ   การทำโครงการสายไฟลงดินนี้ก็ไม่ได้คัดค้านเสียทีเดียว ถ้าทำในงบประมาณที่พอเหมาะพอควร ในถนนที่เหมาะที่จะทำ โดยมีผลทางด้านเศรษฐกิจตามมา

 การบริหารงานที่ไม่น่าไว้ใจของฝ่ายบริหาร ที่ทำให้มีคนเจ็บและตาย เมื่อเกิดเหตุการณ์มีคนเสียชีวิตแล้วก็ไม่รู้ว่าฝ่ายบริหารจะรับผิดชอบยังไงหากนายกฯไปควบคุมการทำงานผ่านทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือผู้รับจ้าง ให้ดีเรียบร้อย หรือหากยังไม่เสร็จดีก็ให้มีป้ายหรือสัญญาณจราจรกั้น  ไม่เคยเห็นนายกฯลงไปบัญชาการแก้ปัญหาถนนบุญวาทย์ มีแต่ปลัดเทศบาลที่เข้าไปดูแล   อยากให้ฝ่ายบริหารดูในสื่อโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่มีเหตุคนเจ็บคนตาย ไม่มีใครไว้วางใจหรือเห็นด้วยกับโครงการที่จะเกิดขึ้นใหม่นี้ และมีการวิพากษ์วิจารณ์ที่เสียหาย  กระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องรับฟังด้วย  อยากให้สมาชิกสภาฯไม่ถูกผู้ใดมาครอบงำ ให้ตัดสินใจด้วยความรับผิดชอบและสำนึก เมื่อโครงการมีปัญหา ก็ไม่ควรจะก้าวข้าม เมื่อมีคนมาสังเวยกับโครงการแบบนี้ ไม่คิดว่าจะมีความใจร้ายใจดำ ควรแยกแยะความเหมาะสมที่จะผ่านโครงการตัวนี้

 ด้านนายกิตติภูมิ นามวงค์  นายกเทศมนตรี  การทำโครงการไฟฟ้าลงดิน สืบเนื่องจากถนนบุญวาทย์ เรื่องนี้เป็นนโยบายของผู้บริหารที่ประกาศตั้งแต่ต้นว่าจะเอาสายไฟฟ้าลงใต้ดิน นับหนึ่งที่ถนนบุญวาทย์ และนับสองที่ถนนพหลโยธิน ซึ่งได้ผ่านการจัดทำแผน โดยมีกระบวนการต่างๆ จนมาถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ครบทุกกระบวนการถูกต้องตามระเบียบ และสถานะการเงินการคลังของเทศบาลสามารถทำได้ ก็ต้องรีบดำเนินการเพื่อไม่ให้เสียประโยชน์  จึงนับสองทำสายไฟลงดิน

ก่อนที่จะมานำสู่การพิจารณาในสภาฯ  ในขั้นรับหลักการที่ผ่านมา ได้เปิดการอภิปรายทุกมิติ โดยโครงการนี้ใช้เวลาอภิปรายมาก โดยเชิญเจ้าหน้าที่ กฟภ.ส่วนภูมิภาคและส่วนกลางก็ได้มาชี้แจงทั้งหมดแล้ว มติรับหลักการก็เป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ เชื่อว่าโครงการนี้มีความจำเป็น 

นายกเทศมนตรี กล่าวอีกว่า การเป็นนายกฯ อาสาจากประชาชมาทำงาน แก้ปัญหาให้ประชาชน เมื่อครั้งไปยกมือไหว้ขอคะแนนเพื่ออาสาเข้ามาเป็นนายกฯ ก็ไม่เคยบอกกับชาวบ้านว่าจะเข้ามาด่าหรือต่อล้อต่อเถียงกับใคร ถึงไม่ตอบโต้ ใครจะพูดจะว่าอย่างไรก็ให้ว่าไป  การไร้ประสิทธิภาพของนายกเทศมนตรี คำนี้ถือว่าเป็นคำที่แรง แต่ไม่เป็นไรตนเองก็รับได้ เพราะรู้ว่าหน้าที่ของตนคืออะไร   ผมมีมารยาทพอว่าอะไรควรหรือไม่ควร อำนาจหน้าที่ควรใช้อย่างไร  ใครมีหน้าที่ทำอะไรเพื่อประชาชน  ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่มีหลายโครงการที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ทำเพียงโครงการสายไฟลงใต้ดินโครงการเดียว  ซึ่งก็เห็นว่ามีคนเข้ามาต่อว่ามาตลอด ก็ไม่เป็นไร ท้ายที่สุดโครงการออกมาดีก็ไม่มีใครชม  อีกทั้งรางวัลต่างๆที่ได้รับมา ไม่ใช่ได้มาจากการจับฉลาก แต่ได้มาจากผลงานของเทศบาล ที่การันตีว่าคือความไร้ประสิทธิภาพหรือมีประสิทธิภาพ เรื่องนี้สามารถอธิบายได้  การทำงานทุกโครงการมีระเบียบ มีกฎหมาย มีขั้นตอน  เมื่อมีสัญญาก็ต้องปฏิบัติตาม ถ้าไม่ปฏิบัติก็มีหน่วยงานองค์กรที่จะตรวจสอบได้ 
 
หลังจากการอภิปรายเสร็จ ทางประธานสภาฯได้ขอมติจากสมาชิกสภาฯ ว่าเห็นชอบตามร่างเดิม คือ รายจ่ายที่ตั้งไว้ในแผนงานเคหะและชุมชน งานไฟฟ้าถนนฯ รายการเงินอุดหนุนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งไว้ 53,884,600 บาท เพื่อจ่ายเป็นเงินอุดหนุนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าเคเบิลใต้ดินเฟส 1 ตั้งแต่สี่แยกดอนปาน ถึงถนนดวงรัตน์ ระยะทาง 1,200 เมตร  หรือไม่  ซึ่งทางสมาชิกสภาฯมีมติเห็นชอบ 10 เสียง และมีสมาชิกสภาฯเห็นตามคำแปรญัตติ ขอลดรายจ่ายงบประมาณดังกล่าว จำนวน 7 เสียง ส่วนอีก 2 คน งดออกเสียง  

นอกจากนั้นทางประธานสภาฯ ได้ขอมติเห็นชอบร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระที่ 3  ซึ่งมีสมาชิกสภาฯยกมือเห็นชอบ 12 เสียง ส่วนอีก 7 คน งดออกเสียง

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์