หลังจากที่ผู้ว่าฯ
ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร เข้ามารับช่วงนั่งประธานกองทุนพัฒนาไฟฟ้า
โรงไฟฟ้าแม่เมาะต่อจากผู้ว่าฯ ทรงพล สวาสดิ์ธรรม ที่เกษียณอายุราชการไปได้เพียง 1 ปี ก็เกิดปัญหาขึ้นอีกครั้ง เมื่อ “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ ลาออก” โดยหลายคนไม่ทราบเหตุผลว่าเพราะเหตุใด
แต่การลาออกของผู้ว่าฯ ทำให้กองทุนพัฒนาไฟฟ้าชะงัก ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณได้
อ่าน ตอนที่ 1 https://www.lannapost.net/2021/05/300.html
อ่าน ตอนที่ 2 https://www.lannapost.net/2021/06/blog-post_7.html
โดยวันที่
14 ก.ย. 63 ได้มีชาวบ้านรวมตัวกันมาเรียกร้องสิทธิ์ โครงการต่างๆของชาวบ้านในพื้นที่ทั้ง
44 หมู่บ้าน ได้เสนอโครงการไปแต่กลับไม่ได้รับการอนุมัติแต่อย่างใด และได้ทำหนังสือ
ไปยัง กกพ.ส่วนกลาง เพื่อขออนุมัติเลื่อนการตัดงบประมาณ กว่า 300 ล้านบาท
ที่จะหมดงบประมาณช่วงสิ้นเดือน กันยายน 2563 นี้ ออกไป 90 วัน ซึ่งงบประมาณในปี 63
ยังดำเนินการต่อไปได้อย่างหวุดหวิด เนื่องจากยังมีคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
(คพรฟ.) ชุดเดิมทำงานอยู่ ซึ่งรองประธานฯ สามาถเซ็นอนุมัติได้ แต่เมื่อ
คพรฟ.หมดวาระลง ประกอบกับมีการตั้งกฎระเบียบใหม่ ให้สรรหากรรมการจากภาคประชาชน 20 คน ตัวแทนภาครัฐ 6 คน ตัวแทนผู้ว่าฯ 2 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 1 คน ทำให้งบประมาณในปี 2564
ต้องเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ และยาวนาน ทำให้โครงการในปี 2564 ไม่ได้รับการอนุมัติแม้แต่โครงการเดียว
จึงเกิดปัญหาครูอัตราจ้างใน
อ.แม่เมาะ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับเงินเดือนจากงบประมาณกองทุนพัฒนาไฟฟ้ามาโดยตลอด
ได้รวมตัวกันออกมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือ
หลังจากที่พวกตนไม่ได้รับเงินเดือนมานานหลายเดือน ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ส.ค.64 ครูได้มารวมตัวกันอีกครั้ง
เนื่องจากใกล้จะหมดปีงบประมาณแล้ว พวกตนไมได้เงินเดือนมา 11
เดือน ซึ่งได้รับความเดือดร้อนกันอย่างมาก ขณะที่ทางรองผู้ว่าฯ
รับเรื่องและรับปากว่าจะช่วยเหลือโดยเร็ว
ลานนาโพสต์มีโอกาสสอบถามถึงปัญหากองทุนพัฒนาไฟฟ้าแม่เมาะกับ
ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ถึงความล่าช้าในการดำเนินการ
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร กล่าวว่า
ติดปัญหาคือ ส่วนกลางไม่ช่วยอะไรเลย และหลายอย่างทำผิดกฎหมาย เช่น กฎหมายบอกให้จ่าย 5 กิโลเมตรจากโรงไฟฟ้า แต่แม่เมาะจ่ายให้ทั้งอำเภอได้อย่างไร แค่นี้ก็ผิดแล้ว
ข้อกฎหมายบอกว่าถ้าจะจ่ายเกิน 5 กิโลเมตร
ต้องมีงานวิจัยว่ามีผลกระทบจริงๆ และต้องทำประชาคม แต่ไม่มีการทำทั้งสองอย่าง ซึ่งเคยทักท้วงไปแล้วว่าผิด ตอนนี้ข้อเท็จจริงคือ
คนแม่เมาะได้รับผลกระทบน้อยกว่า อ.เมืองลำปาง เทียบกันในปี 62 คนในพื้นที่
อ.เมืองป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจ 8 หมื่นกว่าคน ในขณะที่คนใน
อ.แม่เมาะ ป่วยไม่มาก แต่ไม่เคยมีใครพูด อีกทั้งมลภาวะทั้งหมดลมพัดเปลี่ยนทิศทางไปตกที่
อ.แม่ทะ ซึ่งอยู่ห่างไม่ถึง 10 กิโลเมตร และไปทาง
ต.บ้านเสด็จ อ.เมืองลำปางห่างไป 5 กิโลเมตร แต่ ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะห่าง 50 กิโลเมตร กลับได้เงิน 20ปีที่ผ่านมา
เงินลงแม่เมาะไป 2 หมื่นล้าน
เห็นไหมว่ามีประโยชน์อะไรเกิดขึ้นใน อ.แม่เมาะ มีแต่กลุ่มแกนนำบางคนที่รวย
แล้วคนที่ได้รับความเดือดร้อน คือ อ.เมืองลำปาง กับ อ.แม่ทะ ไม่เคยได้ เมื่อถามไปส่วนกลางก็บอกว่า
คพรฟ. เสนอมาแบบนี้ก็เป็นเรื่องของ คพรฟ.
ผมเองก็เป็นคณะกรรมการ คพรฟ.
เมื่อรู้ว่าทำแบบนี้ผิดแล้วจะให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร
ในยุคที่ผมเป็นผู้ว่าฯ
คุณสั่งของแต่ไม่มีการส่งของ ผมตั้งกรรมการสอบสวน
กรรมการภาคประชาชนกลับบอกว่าผู้ว่าฯไม่มีอำนาจ อำนาจต้องเป็นของบอร์ด บอร์ดพลิกกลับยกเลิกกรรมการสอบสวนที่ผู้ว่าฯแต่งตั้ง
ไปเอานาย ก นาย ข มาเป็นประธานสอบสวน เงินเสียไปเป็นล้านแต่ยังไม่มีผลการสอบสวนออกมา
ปี 63 ขออนุมัติซื้อปั๊มน้ำเป็นพันตัว
ปั๊มน้ำตัวละ 7 พัน ซื้อ 1.5
หมื่น ที่บ้านผมซื้อตู้เย็นเงินสด 7,500 บาท
กองทุนขอซื้อตู้ละ 2 หมื่นบาท ผมก็ไม่เซ็นให้ มวลชนมาด่าผู้ว่าฯ ไล่ผู้ว่าฯออก ที่ผ่านมามีใครเคยสนใจไหมว่าชาวบ้านโกงหลวง คิดกันแต่ว่าราชการกดดันชาวบ้าน ไม่มีใครเคยมาดูตรงนี้
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำไม่ได้ผมบอกไปว่าโครงการต้องอนุมัติตามกฎหมาย ถ้างบเกิน 3 แสนบาทต้องเป็นอำนาจผู้ว่าฯ อนุมัติ ก็เลยไปตัดงบกันหมดเหลือ 2.9 แสน ผู้ว่าฯจะได้ไม่ต้องรู้เรื่อง พองบต่ำกว่า 3 แสนไม่ต้องทำประชาคมชาวบ้านไม่ต้องรู้เรื่องก็ได้ มี 3 คนก็ทำได้ พอทราบเรื่องผมก็บอกว่าไม่ให้ แต่เขาบอกทำไปแล้ว ถ้าเกิด ป.ป.ช.มีการสอบขึ้นมามีความผิด เป็นคุณจะทำอย่างไร “ผมจึงตัดสินใจลาออก ก่อนที่จะดำเนินโครงการ” และส่งเรื่องไปส่วนกลางว่า ให้กรรมการชุดเดิมทำงานต่อได้ และถ้าอยากรู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรก็ให้ส่งคนส่วนกลางมานั่งเป็นกรรมการแทนผม สัก 2 เดือนคุณจะรู้ แล้วจะปล่อยให้ระบบแบบนี้เป็นเหลือบกินอยู่ในแม่เมาะอีกมหาศาลต่อไปขนาดไหน รายงานไปส่วนกลางก็ไม่ช่วยอะไรเลย ตัดคนของผมออกหมด ให้ไปตกลงกันเอง แล้วใครจะไปดูแล
หลังผมลาออกเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 ได้บอกว่าหาให้ใครมานั่งแทนผู้ว่าฯไปก่อน ทั้งที่แก้กติกามาใหม่กลางเดือนกันยายน ถ้าผมทำตามก็มีความผิด และกว่าจะส่งเรื่องมาให้ผู้ว่าฯเดือนพฤศจิกายน 2563 ให้สรรหาภาคประชาชน 20 คน ภาครัฐ 6 คน
ให้ไปตั้งประธานกันเอง กกพ.ส่วนกลางย้ำว่าแจ้งไปจังหวัดแล้วแต่ไม่ทำ
ส่วนทางฝ่ายภาคประชาชนเขาคัดสรรกันไปหมดแล้ว ส่วนการสรรหาภาครัฐไปก็ทำได้ยากข้อกำหนดเยอะ ถามว่าใครจะอยากเป็น แต่เมื่อให้สรรหาผมก็ประกาศสรรหาออกไป
จนได้ตัวแทนภาครัฐมาแล้ว 6 คน และมีตัวแทนผู้ว่าฯ 2 คน ได้ส่งกำนัน อ.เมืองลำปาง และกำนัน อ.แม่ทะไป ส่วนกลางตีความมาอีกว่าท้องถิ่นนอกจาก
อ.แม่เมาะเป็นกรรมการไม่ได้ แต่ตามจริงแล้วเมื่อได้กรรมการเป็นส่วนใหญ่แล้ว
ก็สามารถดำเนินการประชุมกันได้ และเป็นอำนาจของ
กกพ.ที่จะดำเนินการไม่ใช่อำนาจของผู้ว่าฯ นายณรงค์ศักดิ์
กล่าว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น