วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กินอิ่ม เที่ยวสนุก In ลำปางสุขนคร


ชักชวน เชิญเที่ยวลำปางมาหลายต่อหลายปี มักจะได้คำตอบว่าลำปางไม่มีค่อยมีอะไรเที่ยว เลยมักจะเที่ยวแบบผ่านๆ แวะ แชะภาพ กินข้าว แล้วก็ผ่านไปเชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ ลานนา Bizweek ฉบับนี้เลยอยากจะนำเสนอโปรแกรมเที่ยวแบบที่คนลำปาง “อินลำปาง” แนะนำ

การเดินทางมายังลำปางมีหลายเส้นทางไม่ว่าจะขับรถ โดยสารมาทางรถไฟที่เปิดให้บริการหลังจากปิดปรับปรุงตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เครื่องบินโดยบางกอกแอร์ วันละ 3 เที่ยวบิน หรือจะเป็นรถทัวร์ที่มีหลายบริษัทหลายช่วงเวลาให้เลือกเดินทาง

โปรแกรมเที่ยวลำปางเริ่มต้นแต่เช้า หากมาลำปางโดยรถไฟหรือรถส่วนบุคคล รถตู้ก็พลาดไม่ได้กับ “ป้อก๋วยจั๊บ” ร้านเก่าแก่ดั้งเดิมหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง ทีเด็ดของร้านอยู่ตรงที่เส้นเหนียวไม่เละ น้ำซุปรสกลมกล่อม ไข่ต้มคล้ายพะโล้ หมูสามชั้นต้มกับเครื่องเทศสูตรเฉพาะของร้านจนเปื่อยนุ่มไม่เหนียว ไส้ก็ไม่เหม็น ขายดีจนสายๆก็หมดแล้ว กินคู่กับปาท่องโก๋ตัวจิ๋วที่ทอดขายอยู่ข้างๆยิ่งเพิ่มความอร่อย หรือผู้ที่ชื่นชอบข้าวมันไก่พลาดไม่ได้กับ “ข้าวมันไก่ห้าแยก” แถวหอนาฬิกา ข่วงเมืองลำปาง ที่ไม่ว่าจะพาใครไปต่างก็บอกเป็นคำเดียวว่า...อร่อยมาก ด้วยข้าวมันรสชาดเยี่ยม ไก่ต้มเนื้อนุ่มสับชิ้นโต นอกจากนี้ยังมีไก่ทอด หมูอบเป็นทางเลือกให้อร่อยตามใจชอบ

เมื่อท้องอิ่มจากมื้อเช้า ก็ได้เวลาของการออกเที่ยว ถ้าจะให้ดีช่วงเวลาสายๆ แดดอุ่นๆเริ่มเที่ยวลำปางด้วยการนั่งรถม้ารอบเล็ก 300 บาท รอบใหญ่ 500 บาท เพียงหนึ่งชั่วโมงจะได้สัมผัสบรรยากาศเมืองลำปาง เพราะคนขับรถม้าจะพาไปแวะตามจุดท่องเที่ยวต่างๆไม่ว่าจะเป็น “วัดปงสนุก” วัดเก่าแก่ที่ได้รับรางวัล Award of Merit จากยูเนสโก “บ้านเสานัก” บ้านไม้โบราณที่มีเสารองรับน้ำหนักบ้าน 116 ต้น จากนั้นขึ้นรถม้าไปที่ “วัดพระแก้วดอนแก้วสุชาดาราม” พระอารามหลวงที่มีอายุนับพันปี และที่นี่มีคิวปิดกามเทพน้อยให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย หากยังไม่จุใจก็นั่งรถม้าเลยมาถึงสุสานไตรลักษณ์ กราบไหว้สังขารนักบุญแห่งเมืองลำปาง “หลวงพ่อเกษมเขมโก” ได้ที่นี่ จากนั้นก็ย้อนกลับเข้าเมืองมากหามื้อเที่ยงอร่อยๆเพิ่มพลัง

มาถึงเมืองเหนือทั้งทีมื้อเที่ยงต้องกินข้าวซอย ร้านแนะนำคือ “ข้าวซอยอิสลาม” ยืนยันความอร่อยด้วยการมาเยือนของดารา คนดังมากมาย ในห้องแถวคูหาเดียวที่รองรับลูกค้ามานานกว่า 30 ปี หาไม่ยากแค่ลงสะพานรัษฎาเจอไฟแดงเลี้ยวซ้ายเตรียมหาที่จอดรถได้เลย ร้านนี้ทำเส้นข้าวซอยเองทั้งเหนียวทั้งนุ่มกำลังดี และยังมีไก่สะเต๊ะ เนื้อสะเต๊ะที่มีดีที่น้ำจิ้ม แต่ตกบ่ายของก็หมดแล้วเป็นเครื่องการันตีความอร่อยว่าอยากชิมต้องมาให้ไว

เพิ่มพลังเสร็จแล้วตกบ่ายก็ได้เวลาช้อปปิ้งเซรามิกของดีเมืองลำปางที่ “อินทราเอาท์เลท” สาขาพระบาท ที่นี่มีเซรามิกมากมายหลากหลายราคาให้เลือกซื้อเป็น ของฝาก อีกทั้งยังมีจุดให้ถ่ายรูป อัพเฟสบุ๊คให้เพื่อนอิจฉา ไม่ว่าจะเป็นถ้วยก๋าไก่ใบยักษ์ พีระมิดกาน้ำชา ฯลฯ หรือจะไปแวะเวียนเอาท์เลทของอินทราได้ที่สาขาข่วงเมือง และห้างฉัตร ที่เพิ่งเปิดเพื่อรองรับช่วงไฮซีซั่นนี่เลย พอออกจากอินทราเอาท์เลท ถ้ายังไม่จุใจก็แวะไปที่ “พิพิธภัณฑ์ธนบดีเซรามิก” ที่นี่มีประวัติต้นตำนานเซรามิคให้ชม แถมยังมีถ้วยก๋าไก่ที่เล็กกว่าเมล็ดข้าวรวมถึงเตาเผามังกรแบบโบราณที่ขึ้นทะเบียนวัตถุโบราณไปแล้ว


อิ่มหน่ำสำราญกับการช้อปเซรามิกแห่งเมืองลำปางแล้วก็ไปนั่งจิบชา...กาแฟ พร้อมขนมเค้กอร่อยๆ ได้ที่ร้าน “White” (ติดถนนไฮเวย์ฝั่งเดียวกับเซ็นทรัล) ร้านขนมเค้กสไตล์ฝรั่งเศสร้านแรกในลำปางที่เปิดให้บริการมาได้ปีกว่าแล้ว ที่นี่เจ้าของร้านเน้นวัตถุคุณภาพจึงไม่น่าแปลกในที่ใครมาชิมขนมที่นี่แล้วต้องกลับมาอีกเพราะติดใจในรสชาดที่ติดลิ้น

จากนั้นก็แวะเข้าที่พักซึ่งตอนนี้ลำปางมีทั้งโรงแรมขนาดใหญ่ที่อำนวยความสะดวกสบายอย่างโรงแรมลำปางเวียงทอง หรือจะเป็นที่พักขนาดเล็กชิค ชิล ก็มีเกสเฮาส์ริมน้ำวังให้เลือกหลายแห่ง


โปรแกรมท่องเที่ยวรอบค่ำ มีให้เลือกตามสะดวก หากตรงกับวันศุกร์ ก็มี “ถนนวัฒนธรรม” ให้เดินเล่นชมบรรยากาศถนนคนเดิน เลือกซื้อสินค้าและชมการแสดงพื้นบ้าน แต่หาก ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ ผู้คนจะหลั่งไหลไปช้อปและหาของอร่อยที่ “กาดกองต้า หรือตลาดจีนเก่าซึ่งเป็นย่านถนนคนเดินที่เลื่องชื่อติดลมบนชนิดที่ว่ามาลำปางพลาดที่นี่ไม่ได้เลย เพราะถนนเส้นนี้นอกจากจะมีของกินของช้อปมากมายแล้วอาคาร สถาปัตยกรรมยังให้ความรู้สึกพื้นถิ่น ที่นี่มีร้านไอศครีมโฮมเมดอย่างร้าน พริ้ม ที่ตกแต่งร้านได้อินดี้สุดๆ หรือหากอยากเสพงานศิลป์ก็ต้องที่ “หอศิลป์ลำปาง” ที่นี่จะมีการหมุนเปลี่ยนเวียนงานศิลป์มาแสดง หรือที่ “หม่องโง่ยซิ่น” จะมีอาร์ตแกลอรี่มี MELANN งานทรายแกะสลักอวดโฉมผู้มาเยือนให้หลงใหลในงานฝีมือ และมีกาแฟหอมรอเสิร์ฟแขกผู้มาเยือน


ก่อนออกจากเมืองลำปางไปต่อที่เชียงใหม่หรือขับรถขาล่องที่พลาดไม่ได้คือ วัดพระธาตุลำปางหลวง อีกหนึ่งเก่าแก่เมืองลำปางที่มีประวัติศาสตร์เรื่องราวมากมาย อีกทั้งมหัศจรรย์เงาพระธาตุที่อวดโฉมนักท่องเที่ยวมาแล้วมากมาย และนี่เป็นอีกไอคอนที่พลาดไม่ได้

โปรแกรมท่องเที่ยวในระยะทางไม่ห่างจากตัวเมือง พักคืนเดียวก็เที่ยวสุดคุ้ม ครบทุกแนว เพื่อนพ้อง ญาติพี่น้องใครจะมาแอ่วลำปางก็นำเส้นทางกินเที่ยวนี้ไปไกด์ และอย่าลืมกดไลท์ อัพรูปในเฟสบุ๊ค บอกใครๆว่า "ลำปางม่วนแต้หนา" 


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  27  ธันวาคม - 2 มกราคม 2556)    
Share:

'ดาชัย' ชิงเพื่อไทย ฝ่าเลือกตั้งเลือด 'บอล ถาคำฟู' ลงชาติพัฒนา


พลังประเทศไทยส่งผู้สมัคร 17 คนชิงปาร์ตี้ลิสเบอร์ 11 เพื่อไทยเบอร์ 15 ส่งตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร อันดับที่ 51  ด้านบอล ถาคำฟูยันลงเขต 1 พรรคชาติพัฒนา ดาชัยเผยพร้อมสนับสนุนเต็มที่ไม่ส่งคนลงตัดคะแนน ขณะที่ผู้สมัครกล่าวเป็นเสียงเดียว หวั่นม๊อบป่วนยุติการเลือกตั้ง

ในขณะที่สถานการณ์การเมืองที่กรุงเทพฯยังคงร้อนระอุ ยังคงมีกลุ่มผู้ชุมนุมของ กปปส.เข้าปิดล้อมสถานที่การรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการชุมนุมที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตไปแล้วจำนวนหนึ่ง จนถึงขณะนี้สถานการณ์ยังคงรุนแรงและไม่มีท่ามีว่าจะสงบ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่  สำหรับการจับหมายเลขพรรคการเมืองที่เข้าสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิส ได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและทราบผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าพรรคพลังประเทศไทยของนายดาชัย อุชุโกศลการ ได้หมายเลข 11  โดยส่งผู้สมัครรวม 17 คน  ด้านพรรคเพื่อไทยที่จับสลากได้หมายเลข 15 ไร้ชื่อของนายไพโรจน์  โล่ห์สุนทร ที่มีกระแสว่าจะลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิส หลังจากปลดล็อกทางการเมืองบ้านเลขที่ 111 แต่มีชื่อของ น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร  อดีต ส.ส.ลงสมัครด้วยในลำดับที่ 51 แทน  ในขณะที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต ในนามของพรรคเพื่อไทย ค่อนข้างชัดเจนว่า เขต 1  คือนายกิตติกร โล่ห์สุนทร  เขต 2 นายวาสิต พยัคฆบุตร เขต 3 นายจรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์ และเขต 4นายอิทธิรัตน์ จันทร์สุรินทร์   ส่วนดาชัย หัวหน้าพรรคพลังประเทศไทย ซึ่งในตอนแรกได้วางตัวนายณฤธร หรือบอล ถาคำฟู ลงสมัคร ส.ส.เขต 1 ประกาศไม่ส่งผู้สมัครตัดคะแนนบอล หลังย้ายไปลงสมัครในนามพรรคชาติพัฒนา ยันไม่มีปัญหาผิดใจกัน

ทั้งนี้ หลังจากทราบผลการรับสมัครแล้ว ลานนาโพสต์ได้สอบถามความคืบหน้าไปยังผู้สมัครหลายคนว่ามีความเป็นห่วงในเรื่องใดบ้างหรือไม่

น.ส.ตวงรัตน์  โล่ห์สุนทร  เปิดเผยว่า เป็นห่วงเรื่องการเลือกตั้ง เพราะผู้ชุมนุมมีการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง  การที่ว่าคนจะเบื่อเลือกตั้งหรือไม่นั้น คิดว่าอยู่ที่พวกเราจะช่วยกันรณรงค์ เพราะเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของประชาชนอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ทำตามกรอบของรัฐธรรมนูญเป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง การที่จะบอยคอตเลือกตั้ง หรือการมาทำให้ไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นถือว่าผิดกฎหมาย ควรจะร่วมกันทำให้อยู่ในกฎกติกา

เมื่อสอบถามถึงกระแสข่าวที่นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร จะลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิส แต่กลับไม่มีรายชื่อผู้สมัคร  น.ส.ตวงรัตน์ กล่าวว่า  ตนได้มีการพูดคุยกับคุณพ่ออยู่ โดยส่วนตัวแล้วอยากให้ท่านลงสมัครเพราะเว้นวรรคจากการเมืองมานาน แต่เนื่องจากท่านอายุมากแล้ว อยากจะอยู่ในพื้นที่ดูแลประชาชนอย่างทุกวันนี้ จึงให้ลูกเข้าไปทำหน้าที่แทนจะดีกว่า  ในส่วนของเขตก็จะเป็นคุณกิตติกรลงสมัครแทน ในเขต 1  เขตอื่นๆ ก็ยังเป็นผู้สมัครเดิมอยู่   สำหรับตนเองหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ผลคะแนนของปาร์ตี้ลิสก็ไม่น่าเป็นห่วง ในครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัคร มีการคาดการณ์ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ลำดับปาร์ตี้ลิสมากขึ้นถึง 80 ที่นั่ง  ในเขตภาคเหนือและภาคอีสาน ได้รณรงค์ช่วยกันเต็มที่อยู่แล้ว อาจจะมีปัญหาบ้างในเขตของภาคใต้และที่กรุงเทพฯ ซึ่งอาจจะมีอุปสรรคบ้าง เกี่ยวกับการขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส.เขต  ซึ่งในวันสมัคร ส.ส.เขตที่ จ.ลำปาง ยังไม่แน่ใจว่าจะได้มาให้กำลังใจผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่ทางผู้สมัครของพรรคก็คงจะร่วมทีมกันไปสมัครพร้อมกัน ที่เป็นห่วงคือจะมีกลุ่มต่อต้านพรรคเพื่อไทยจะเข้าไปแสดงสัญลักษณ์หรือชุมนุมในสถานที่การรับสมัคร ต้องฝากเจ้าหน้าที่ดูแลในส่วนนี้ด้วย

ด้านนายดาชัย  อุชุโกศลการ หัวหน้าพรรคพลังประเทศไทย  เปิดเผยว่า ตอนนี้รับสมัครถูกต้องตามกระบวนการแล้ว ถ้ารัฐบาลรักษาการ หรือ กกต.ยังแก้ปัญหาเรื่องม็อบไม่ได้ไปจนถึงช่วงหลังปีใหม่ คิดว่าคงจะไม่มีการเลือกตั้ง แต่ถ้าแก้ปัญหาเรื่องผู้ชุมนุมได้ เรื่องโนโหวตก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเป็นสิทธิชอบธรรมของประชาชนที่จะเลือกหรือไม่เลือกใครก็ได้ เพียงแต่อย่าให้มีการขัดขวางการเลือกตั้งก็พอ  ในครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ปาร์ตี้ลิส 125 คน พรรคเล็กก็จะมีโอกาสมากขึ้น

เมื่อสอบถามถึงกลยุทธการหาเสียง นายดาชัย กล่าวว่า  การหาเสียงของผมจะพยายามไปขึ้นเวทีทั่วประเทศ จะไปในจังหวัดที่สามารถไปได้ และจะเน้นกิจกรรมที่ จ.ลำปาง เพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรค ซึ่งมีนโยบายใหม่ที่จะใช้หาเสียงในครั้งนี้ด้วยคือ การให้ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันเด็กมีความรู้ความสามารถจำนวนมาก บางคนจบปริญญาโทได้ตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ  อยู่ที่ความพร้อมของตัวบุคคลด้วย ในส่วนของนายกเทศบาล อบต.ผู้สมัครต้องอายุ 30 ปีขึ้นไปจึงจะลงสมัครได้ เพราะฉะนั้นคนที่มีความพร้อมก็จะเสียสิทธิในการลงสมัครตั้งแต่อายุน้อย ทำให้ไม่มีนักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามาบริหาร จึงเห็นแต่ภาพนักการเมืองรุ่นเก่าที่เติบโตมาจากสายกำนันผู้ใหญ่บ้าน  เมื่อให้ประชาชนอายุ 18 ปี มีสิทธิเลือกตั้งได้ ก็น่าจะมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งได้เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีของนายณฤธร ถาคำฟู จะลงสมัคร ส.ส.เขต 1 ของพรรคชาติพัฒนา  หัวหน้าพรรคพลังประเทศไทย  กล่าวว่า ชัดเจนแล้วว่า บอล ถาคำฟู ลงสมัครพรรคชาติพัฒนา เขต 1   พรรคพลังประเทศไทยจึงไม่ส่งผู้สมัคร เขต  1 ซึ่งผมยังให้การสนับสนุนคุณบอลในการลงสมัครครั้งนี้ เพราะเป็นพรรคพันธมิตรกัน   ไม่ใช่ว่าเรามีปัญหากัน แต่เนื่องจากเป็นการยุบสภาที่มีการเลือกตั้งอย่างรวดเร็ว  เวลาลงสมัครก็ต้องมีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนในเรื่องงบประมาณ และดูแลการเลือกตั้งให้  เมื่อมีการเลือกตั้งเร็วกว่าที่คิด ผู้ใหญ่จึงมาขอร้องให้คุณบอลลงพรรคชาติพัฒนาก่อน  สมัยหน้าค่อยมาลงพรรคพลังประเทศไทย ซึ่งการเมืองในพื้นที่ลำปาง ต้องต่อสู้กับพรรคการเมืองกลุ่ม ส.ส.เก่า ผู้ใหญ่ในจังหวัดลำปาง  คุณบอลจึงจำเป็นต้องมีผู้ใหญ่สนับสนุน  เราพูดคุยกันเข้าใจในเรื่องนี้ จึงไม่ส่งคนลงไปตัดคะแนนและพร้อมที่จะสนับสนุนคุณบอลเต็มที่ เพราะอยากให้การเมืองลำปางเปลี่ยนแปลง ให้คนลำปางได้มีโอกาสเลือกมากขึ้น 


นายณฤธร หรือบอล ถาคำฟู กล่าวว่า เหตุผลที่ลงสมัครในนามพรรคชาติพัฒนา และลงในพื้นที่เขต 1 ที่แข็งที่สุดเพราะ ปัจจุบันจากสถานการณ์บ้านเมืองหลายๆอย่าง ทำให้ประเทศชาติต้องการความสามัคคี ซึ่งจากที่ดูแล้ว พรรคชาติพัฒนาถือว่าเป็นพรรคที่ไม่มีปัญหากับฝ่ายไหน มีจุดยืนเป็นของตนเอง กติกา นโยบายต่างๆของพรรคดี สังคมส่วนใหญ่น่าจะรับได้ จึงตัดสินใจที่จะลงสมัครในนามพรรคนี้ ส่วนเหตุผลที่ตนเองต้องการลงสมัคร ส.ส. ก็เพราะว่า อยากทำอะไรให้คนลำปางบ้าง อีกทั้งที่ผ่านมาบิดาก็เคยเป็น สส.ลำปาง ที่พี่น้องประชาชนยังไม่ลืมบทบาทที่ท่านได้ทำหน้าที่ ทำความดีไว้ จึงอยากเข้ามาสานต่อภารกิจที่บิดาเคยทำไว้ ตนเองเป็นนักธุรกิจเดินทางไปทั่ว พบเห็นสิ่งต่างๆ เมื่อนำกลับมาเทียบกับจังหวัดลำปางบ้านเกิดแล้วพบว่า จังหวัดลำปาง ที่เป็นจังหวัดใหญ่อันดับต้นๆของประเทศ มีทรัพยากรมากมาย แต่ปรากฏว่าความจริงยังขาดอะไรไปเยอะมาก หลายอย่างควรจะพัฒนาไปมากกว่านี้ แม้แต่สิ่งที่เคยมีอยู่หลายอย่างก็ขาดการดูแลช่วยเหลือ เช่น โรงงานเซรามิค ที่เป็นแหล่งสร้างงานสร้างรายได้ของคนลำปางส่วนหนึ่งขาดการดูแลจากส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่อยากเข้ามาอาสารับใช้พ่อแม่พี่น้องที่บ้านเกิด


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  27  ธันวาคม - 2 มกราคม 2556)    
Share:

น้ำพุร้อนเสริมงาม พบใหม่ลวกไข่ 15 นาที



ผู้ว่าฯลำปาง เตรียมพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ บ่อน้ำพุร้อนแห่งที่ 3 ของ จ.ลำปาง ที่บ้านโป่งน้ำร้อน อ.เสริมงาม ให้เป็นที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมต่อสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆหลายแห่งเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ชอบบรรยากาศแบบธรรมชาติ

นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยคณะของ ผู้บริหารของ ททท.ลำปาง และอีกหลายภาคส่วนที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่บริเวณเชิงสะพาน บ้านโป่งน้ำร้อน หมู่ที่ 1 ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง  ซึ่งเป็นแหล่งน้ำพุร้อน ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และพบเป็นแห่งที่ 3 ของ จ.ลำปาง โดยมีหัวหน้าหน่วยจัดการน้ำแม่เสริม ผู้บริหารและผู้นำท้องถิ่น ในตำบลเสริมกลาง และกลุ่มชาวบ้าน บ้านโป่งน้ำร้อน  ได้ให้การต้อนรับ  

นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  เปิดเผยว่า ได้เรียก ททท.ลำปาง หน่วยงานจัดสรรงบประมาณในจังหวัดลำปาง เข้ามาพุดคุยเพื่อเตรียมเสนอเรื่องและงบประมาณมาพัฒนา โป่งน้ำร้อนแห่งนี้เป็น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ  ซึ่งโป่งน้ำร้อน หมู่ที่ 1 ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งน้ำพุร้อนแห่งที่ 3 ที่พบในขณะนี้ ลักษณะของโป่งน้ำร้อนที่พบ จะอยู่เชิงสะพานข้ามลำน้ำแม่เสริมจุดเดียวเท่านั้น โดยจะมีน้ำพุร้อนผุดออกมาตลอดริมตลิ่ง และเมื่อขุดลงไปก็จะพบเรื่อยๆ นอกจากนี้ลำห้วยแม่เสริมซึ่งจะไหลผ่านตลอดทั้งปี กระแสน้ำพุร้อนและน้ำในลำห้วยไหลบรรจบกันก็จะเป็นกระแสน้ำอุ่น ซึ่งเหมาะแก่การแช่น้ำแร่เป็นอย่างดี และจากข้อมูลที่รับทราบเบื้องต้น บ่อน้ำแร่ที่บ้านโป่งร้อนแห่งนี้ ใช้เวลาต้มไข่เพียง 15 นาที ขณะที่บ่อน้ำแร่แจ้ซ้อนใช้เวลา 17 นาที  แต่ติดปัญหาที่มีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว แต่ยังไม่มีสิ่งสาธารณูปโภคที่คอยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวได้  เนื่องจากว่า โป่งน้ำร้อนแห่งนี้ อยู่ในลำห้วยและเมื่อเข้าสู่ฤดูในเกิดน้ำหลากก็จะถูกกระแสน้ำพัด ทำให้บ่อน้ำแร่ที่ปรับปรุงเสียหาย อีกทั้ง โป่งน้ำร้อนแห่งนี้แม้จะมีมานานแล้วแต่ขาดการพัฒนาและประสานงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือในการปรับปรุงในเรื่องต่างๆอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องห้องอาบน้ำแร่ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ 

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ในเรื่องนี้ จะให้หน่วยงานทางด้านธรณีวิทยาเข้ามาศึกษาสายแร่ และความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนและของจังหวัดลำปาง ร่วมกับหน่วยงานกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาจจะขอใช้งบประมาณจากกองทุนโรงไฟฟ้า กฟผ.แม่เมาะ งบจากหน่วยงาน และงบประมาณท้องถิ่นเพื่อปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป ส่วนในขณะนี้หากนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนสามารถเข้าไปแวะเที่ยวชมได้ทุกวัน


สำหรับบ่อน้ำพุร้อน 2 แห่งที่พบที่ จ.ลำปางก่อนหน้านี้คือ  บ่อน้ำพุร้อนที่ใหญ่สุดภายในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง แห่งที่สอง คือที่ โป่งน้ำร้อน ที่บ้านโป่งน้ำร้อน หมู่ที่ 1 ต.ใหม่พัฒนา อ.เกาะคา จ.ลำปาง ซึ่งทั้ง 2 แห่ง เป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และได้พัฒนาปรับปรุง เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดจนถึงทุกวันนี้   


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  27  ธันวาคม - 2 มกราคม 2556)    
Share:

น.ส.ลำปางคึกคัก 40สาวงามแห่สมัคร


สาวงาม 40 ชีวิต แห่สมัครประกวดนางสาวลำปาง ชิงรางวัลและมงกุฎเพชรมูลค่า 1 แสนบาท เผยโฉมครั้งแรกร่วมถ่ายภาพชุดกีฬาที่ลานข่วงนคร ห้าแยกหอนาฬิกา และนั่งรถม้าเชิญชวนร่วมชมการประกวด

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ที่ห้องประชุมราชาวดี ชั้น 3 เทศบาลนครลำปาง นางเพชรรัตน์ เลิศรัตน์ ท้องถิ่น จ.ลำปาง ในฐานะเลขานุการกองการประกวดนางสาวลำปาง ประจำปี 2557 ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ของ จ.ลำปาง และสำนักงานท้องถิ่นจังหวัด เปิดรับสมัคร และรับรายงานตัวผู้เข้าประกวดนางสาวลำปาง ซึ่งต้องเป็นชาว จ.ลำปาง อายุระหว่าง 16 – 25 ปี เข้าร่วมประกวดนางสาวลำปาง ประจำปี 2557 ซึ่งกำหนดจัดประกวดขึ้น รอบแรก ในวันที่ 27 ธันวาคม 2556 และรอบตัดสิน วันที่ 2 มกราคม 2557 ที่เวทีกลางสนามกีฬากลางจังหวัดลำปาง ภายในงานรื่นเริงฤดูหนาว และกาชาดลำปาง ประจำปี 2557  ซึ่งในการเปิดรับสมัครผู้เข้าประกวดมี นายกิตติภูมิ นามวงศ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครลำปาง และ นางนพวรรณ ธนะสุวัตถิ์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครลำปาง ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งในปีนี้ทางสำนักงานท้องถิ่น จ.ลำปาง เป็นเจ้าภาพในการจัดการประกวดนางสาวลำปาง ประจำปี 2557 ชิงมงกุฎประดับเพชร และเงินรางวัลกว่า 100,000 บาท

หลังจากเปิดรับสมัครได้เพียง 1 ชั่วโมง ปรากฏว่ามีสาวงามทั่วทุกสารทิศใน จ.ลำปาง จาก 13 อำเภอของจังหวัด เดินทางมายื่นรูปถ่าย ประวัติการศึกษา  เอกสารสำคัญสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้าน ยืนยันเป็นชาวลำปาง เพื่อสมัคร และรายงานตัว ในการเข้าร่วมประกวดนางสาวลำปาง ประจำปี 2557 จำนวน 40 คน ซึ่งสาวงามชาว จ.ลำปาง ที่เข้าร่วมประกวดในปีนี้ ส่วนใหญ่ ยังคงศึกษาเล่าเรียนอยู่ใน จ.ลำปาง เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาลำปาง โรงเรียนลำปางกัลยาณี องเมือง จ.ลำปาง โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ อ.งาว จ.ลำปาง รวมถึงสาวงามชาว จ.ลำปาง ที่เดินทางไปเรียนต่างจังหวัด เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือสาวงาม ที่จบการศึกษาแล้ว และทำงานอยู่ในพื้นที่ จ.ลำปาง เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ที่เดินทางเข้าร่วมประกวดในครั้งนี้เช่นกัน


ทั้งนี้ หลังจากที่เปิดรับสมัคร และรายงานตัวของสาวงามแล้ว ทางกองประกวดนางสาวลำปาง ประจำปี 2557 โดยสำนักงานท้องถิ่น จ.ลำปาง ได้จัดอบรมบุคลิกภาพ และให้ความรู้ ในการประกวดแก่สาวงาม พร้อมฝึกสอนการแต่งหน้าให้สวยงาม และเหมาะแก่ใบหน้าของตนเอง โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ มาให้ความรู้ จากนั้นในช่วงเช้าของวันที่ 27 ธันวาคม 2556 ที่ข่วงนคร ห้าแยกหอนาฬิกา เทศบาลนครลำปาง สาวงามทั้งหมด 40 คน ได้แต่งชุดกีฬา มาบันทึกภาพถ่ายที่ข่วงนคร ซึ่งตั้งอยู่กลางใจเมืองลำปาง ก่อนที่จะนั่งรถม้าไปทั่วเมือง เพื่อประชาสัมพันธ์การประกวดนางสาวลำปาง ประจำปีนี้แก่ประชาชน จากนั้นในช่วงค่ำจะมีการประกวดรอบแรก เปิดตัวสาวงาม ในชุดกีฬา ขึ้น ณ เวทีกลางสนามกีฬากลางจังหวัดลำปาง ภายในงานรื่นเริงฤดูหนาว และกาชาดลำปาง ประจำปี 2557 ส่วนวันที่ 2 มกราคม 2557 จะเป็นรอบตัดสิน ในชุดไทยล้านนา นุ่งผ้าถุงยาว และเกาะอก ประชันความสวยงามของ 40 สาวงาม ท้าลมหนาว ในช่วงที่สภาพอากาศในพื้นที่ จ.ลำปาง เกิดหนาวเย็นอย่างมากขณะนี้


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  27  ธันวาคม - 2 มกราคม 2556)    
Share:

ข่าวสั้น รอบลำปาง




เมืองลำปาง-ยึดเงิน2แสน วันที่ 25 ธ.ค.56  จนท.ตร. ชปส.สภ.เมืองลำปาง ตรวจค้นจับกุม นายสวิง ไชยวังเย็น อายุ 36 ปี 199 หมู่ 2 ต.กล้วยแพะฯ พร้อมของกลางยาบ้า 21 เม็ด และเป็นผง จำนวน 1 ถุง น้ำหนักรวม 2.94 กรัม พรบ.มาตรการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ ตรวจยึดเงินสด จำนวน 214,000 บาท นำส่ง พงส.สภ.เมืองลำปางดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วังเหนือ-จับรายย่อย วันที่ 24 ธ.ค.56 จนท.ตร.สภ.วังเหนือ จว.ลำปาง จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด ดังนี้ 1.นายยงค์  คิดมี อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 45 หมู่ 8 ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จว.ลำปาง ข้อหาครอบครอง ขับและเสพยาบ้า ของกลาง ยาบ้า 10 เม็ด จากการจับกุมได้ขยายผลแล้วจับกุม2. นายทรัพย์ ดูสวย  อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 118  หมู่ 1 ต.วังเหนือ อ.วังเหนือ จว.ลำปาง พร้อมของกลางยาบ้า 59 เม็ด ข้อหาเสพและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย นำส่ง พงส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เมืองลำปาง-รวบ 2 ราย  วันที่ 24 ธ.ค.56  พ.ต.ท.ปริญญา  ชัยเววา สวป.สภ.เมืองลำปาง  พร้อม จนท.ชุด ปส สภ.เมืองลำปาง จับกุม ผู้ต้องหายาเสพติด 2 ราย คือ นายชิษณุพงศ์ หรือ ตูน จักรกฤษณ์ พร้อมของกลางยาบ้า 20 เม็ด ขยายผลจับกุม นายวิโรจน์ หรือ แอ๊ด สันติวงค์ พร้อมของกลางยาบ้า 16 เม็ด เหตุเกิดที่ บ้านเลขที่ 576 ม.10 ต.ชมพู อ.เมือง จว.ลำปาง ต่อเนื่องกับ ถนนในหมู่บ้านวังแคว้ง ม.2 ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จว.ลำปาง นำส่ง พงส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

งาว- ยาเสพติด  วันที่ 22 ธ.ค 56 เวลา12.30 น. จนท.ตร.สภ.งาว จว.ลำปาง ได้จับกุมนาย สงวน  ดวงคำ อายุ 43 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 38 เม็ด ข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย เหตุเกิด ถนนในหมู่บ้าน ม.8 ต.บ้านร้อง อ.งาว จว.ลำปาง และจับกุมนาย ส่วน  ก๋องแก้ว อายุ 48 ปี  ข้อหาครอบครองยาเสพติดพร้อมของกลาง ยาบ้า 3 เม็ด  ,มูลฝิ่น 3.78 กรัม เหตุเกิด ถนนในหมู่ 8 ต.บ้านร้อง อ.งาว จว.ลำปาง

เมืองลำปาง-รายย่อย วันที่ 20ธ.ค.56  จนท.ตร.ชปส.1 กก.สส.ภ.จว.ลำปาง จับกุมผู้ต้องหา พรบ.ยาเสพติด(ยาบ้า)ชื่อ นายรัฐกร มะโนสาร อยู่บ้านเลขที่ 221 ม.7 ต.บ้านแหง อ.งาว จ.ลำปาง ข้อหาจำหน่ายยาบ้า  5 เม็ด ตรวจค้นเจอ 15 เม็ด รวม 20 เม็ด เหตุเกิดที่บ้านกาดเมฆ ต.ชมพู อ.เมือง จว.ลำปาง

เมืองลำปาง-ยาบ้า  วันที่ 20 ธ.ค.56  พ.ต.ท.ปริญญา  ชัยเววา สวป.สภ.เมืองลำปาง พร้อมชุด ปปส.สภ.เมืองลำปาง  จับกุมผู้ต้องหา นายสมพร อินต๊ะชุ่ม อายุ 47 ปี  นายชาญชัย อินต๊ะชุ่ม อายุ 22 ปี พ.ร.บ.ยาเสพติด  ข้อหาครอบครองยาบ้าฯ  2 ราย  เหตุเกิดบ้านเลขที่ 86  ม.2  ต.ชมพู  อ.เมือง จว.ลำปาง และจับกุมเยาวชนหญิง อายุ 17 ปี 1 ราย พร้อมยาบ้า 40 เม็ด ซุกซ่อนในอวัยวะเพศ ข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ นำส่งพงส.สภ.เมืองลำปาง

แจ้ห่ม-พกอาวุธ 20 ธ.ค.56 จนท.ตร.สภ.แจ้ห่ม จว.ลำปาง  จับกุมนายดำรงค์ พันธุ์สุริยะวงค์ บ้านเลขที่58 ม.5 ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จว.ลำปาง ข้อหามีอาวุธปืนไว้ครอบครองโดยไม่ได้อนุญาตและเสพสารเสพติด

แม่เมาะ-จับปืน,ยาบ้า 20 ธ.ค.56  จนท.ตร.สภ.แม่เมาะ จว.ลำปาง นำหมายค้นตรวจค้นรังโจรจับกุมผู้ต้องหา 3 คน คือ นายนิกร เกี๋ยงแก้ว ของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด.22จำนวน 1 กระบอกและลูกกระสุนปืนขนาด.22จำนวน5นัด  แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติด ให้โทษโดยผิกฎหมาย , น.ส.ญานิกา เจียมรุ่งแสง อายุ19ปี แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ โดยผิดกฎหมาย เหตุเกิด51ม.1ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง  และนายสมบูรณ์ แซ่จ๋าว อายุ 28 ปี แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษโดยผิดกฎหมาย



(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  27  ธันวาคม - 2 มกราคม 2556)    
Share:

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

มนตร์เสน่ห์แห่งบ้านพื้นถิ่น บ้านเสานัก ลำปาง - โฮงเจ้าฟองคำ น่าน




หากมีโอกาสได้ไปเยี่ยมบ้านใครสักคนในวันที่เจ้าของบ้านไม่อยู่เสียแล้ว เราจะรู้สึกเคอะเขินหรือไม่ ยามที่เดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ในบ้านที่แสนเงียบ

ในปี พ.ศ. 2438 พ่อเลี้ยงหม่องจันโองผู้มั่งคั่งจากการทำไม้ ได้สร้างบ้านไม้สักโบราณขึ้นในย่านท่ามะโอ เรือนพื้นถิ่นล้านนา สกุลช่างลำปางหลังนี้ มีเสาไม้สักถึง 116 ต้น แบบระเบียงบ้านได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแบบพม่า ในขณะที่หลังคาและโครงสร้างโดยทั่วไปเป็นแบบล้านนา เนื้อที่ราว 3 ไร่ของบ้านประกอบไปด้วยเรือนใหญ่ ซึ่งเป็นเรือนหมู่ โรงรถ และถุข้าวเสาหลายที่มีเสาถึง 24 ต้น มีความเก่าแก่ร่วมสมัยกับตัวบ้าน โดยย้ายมาจากบ้านกล้วยในปี พ.ศ. 2530 นอกจากนี้ บริเวณบ้านยังมีบ่อน้ำหน้าบ้าน 2 บ่อ หลังบ้าน 1 บ่อ มีต้นสารภีอายุมากกว่าตัวบ้านแผ่กิ่งก้านร่มเงาเป็นจุดเด่น

ครั้นถึงปี พ.ศ. 2507 โครงสร้างบ้านเริ่มเสื่อมลงตามกาลเวลา คุณหญิงวลัย ลีลานุช หลานตาของหม่องจันโอง จึงได้ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านครั้งใหญ่ โดยใช้เวลากว่า 10 ปี พื้นดินถูกยกขึ้นจากเดิมเพื่อป้องกันน้ำท่วม เสาบางต้นมีการโบกปูนทับแล้วใช้ไม้อัดประกบ พื้นไม้ของชานบ้านเปลี่ยนเป็นปูกระเบื้องแทน และมีการปิดร่องไม้สักด้วยสังกะสี ทั้งนี้ทั้งนั้น บ้านก็ยังคงสภาพเดิมไว้มากที่สุด

ส่วนที่มาของชื่อบ้านมาจากการที่ ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ผู้มีความคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้มาตั้งแต่รุ่นหนุ่ม ได้นำเรื่องราวของบ้านออกเผยแพร่ทั้งทางโทรทัศน์และวิทยุ โดยคุณชายนั่นเองที่เป็นผู้ริเริ่มเรียกชื่อบ้านว่า บ้านเสานัก จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และในปี พ.ศ. 2548 บ้านเสานักก็ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทเคหะสถานบ้านเรือนเอกชน จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์

หลังจากคุณหญิงวลัยถึงแก่อนิจกรรม บ้านเสานักกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของเมืองลำปาง โดยนักท่องเที่ยวต้องเสียค่าเข้าชม 30 บาท และจะได้รับโบรชัวร์ น้ำมะขามเย็นชื่นใจ พร้อมกับขนมให้นั่งกินเล่นใกล้กับต้นสารภีใหญ่ สำหรับการเดินชมภายในบ้านเสานัก นักท่องเที่ยวต้องเดินชมด้วยตัวเอง ไม่มีไกด์นำชม 

ข้ามไปยังฝั่งล้านนาตะวันออก ที่เมืองน่าน อารมณ์คล้าย ๆ กัน แต่ต่างกันอยู่บ้างในรายละเอียด

โฮงเจ้าฟองคำ ยังคงรูปแบบดั้งเดิมเหมือนเมื่อร้อยกว่าปีก่อน คำว่า “โฮง” ภัทราภรณ์ ปราบริปู ลูกสาวของเจ้าฟองคำ อธิบายว่า ชาวเมืองน่านเรียกบ้านหลังใหญ่ว่าโฮง ไม่เรียก “คุ้ม” เหมือนชาวเชียงใหม่ ขณะเดียวกันก็ไม่เรียก “เฮือน” ด้วยเช่นกัน

โฮงเจ้าฟองคำสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2468 เดิมอยู่ติดกับคุ้มแก้ว ซึ่งเป็นที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครน่านในเวียงเหนือ โฮงหลังนี้เป็นบ้านพักของเจ้าศรีตุมมากับเจ้ามะโน เจ้าศรีตุมมาเป็นหลานของเจ้ามหาวงศ์ เจ้าู้ครองนครน่านองค์ที่ 11 ส่วนเจ้ามะโนเป็นน้องของพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ต่อมาเมื่อต้องยกที่ดินให้กับทางการไทยเพื่อสร้างค่ายทหาร เจ้าบุญยืน ซึ่งเป็นธิดาของเจ้าศรีตุมมากับเจ้ามะโน จึงได้รื้อตัวโฮงมาสร้างใหม่ในที่ปัจจุบัน กระทั่งตกทอดมาถึงเจ้าฟองคำ ธิดาของเจ้าบุญยืนกับเจ้าอินต๊ะ

เจ้าฟองคำเกิดและใช้ชีวิตบั้นปลาย ณ เรือนไม้หลังนี้ ป้าภัทราภรณ์เล่าว่า เจ้าฟองคำในวัยสาวถูกส่งไปอยู่ที่คุ้มราชบุตร ในรัชสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เพื่อเป็นช่างทอ ด้วยพรสวรรค์และความเก่งกาจ เจ้าฟองคำจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าช่างทอ ดูแลงานปัก งานถัก และงานทอทุกชนิดในราชสำนัก เจ้าฟองคำเป็นหญิงสาวที่ไม่เหมือนหญิงคนใดในเมืองน่าน กล่าวคือ ท่านแต่งงานกับข้าราชการครูเมื่ออายุล่วงเลยไปถึง 29 ปี ขณะที่ในสมัยนั้น หญิงสาวจะแต่งงานตั้งแต่อายุ 14 ปี

เมื่อออกเรือนแล้ว เจ้าฟองคำต้องออกจากราชสำนักและกลับมาอยู่ ณ โฮงเจ้าฟองคำ ใช้ชีวิตเรียบง่ายและเป็นสุขกับครอบครัว โฮงเจ้าฟองคำจึงใช่เพียงที่อยู่อาศัยคุ้มแดดฝน แต่อบอวลไปด้วยเรื่องราวความผูกพันแต่เก่าก่อน เจ้าฟองคำย้ำนักกับลูกหลานว่า ไม่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบโฮงไปเป็นอย่างอื่น
โฮงเจ้าฟองคำได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทบ้านพักอาศัย (คุ้มเจ้า) ประจำปี 2555 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ (ปี 2555-2557) นอกจากแบบบ้านล้านนาโบราณ ที่สะท้อนภูมิปัญญาเชิงช่างในการแทรกซ่อนประโยชน์ใช้สอยไว้ในความงามได้อย่างแยบยล ภายในยังมีของประดับตกแต่งที่มีคุณค่า มากไปด้วยเรื่องราว

ทุกวันนี้โฮงเจ้าฟองคำเปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวว่าต้องการจะช่วยค่าดูแลรักษาบ้านหรือไม่ และยังคงมีการสาธิตการทอผ้าให้ผู้ที่สนใจได้นั่งลงดูและไถ่ถาม ยามถึงหน้าลำไย ก็ยังมีลำไยจากต้นเก่าแก่ในบ้านให้ได้ชิมกัน ที่สำคัญ หากมีเวลา ป้าภัทราภรณ์ก็จะมาทำหน้าที่เป็นไกด์นำชมบ้าน เล่าเรื่องราวความหลังให้ฟังกันจนเพลิน และนี่คือเสน่ห์ที่ทำให้โฮงเจ้าฟองคำเป็นบ้านที่มีชีวิตชีวา น่าเรียนรู้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  20 - 26 ธันวาคม 2556)

Share:

ถอยหลังเลือกตั้ง เดินหน้า(หายนะ)ประเทศไทย !




แม้ว่าเสียงส่วนใหญ่ จากปีกที่เรียกว่า “มวลมหาประชาชน” จะย้ำจุดยืน ให้มีปฎิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่อีกปีกของ น.ป.ช.และมวลชนรากหญ้าในภาคเหนือและอีสานก็ยืนยันว่า ต้องมีการเลือกตั้งตามกำหนด และหากจะปฎิรูป ก็ให้มีการปฎิรูปหลังเลือกตั้ง

และหากมีเลือกตั้ง คนลำปางก็อาจมีโอกาสได้เลือกเพียงพรรคเดียว หรือคนกลุ่มเดียว แต่แยกออกเป็นแม่น้ำสองสาย เพราะแนวโน้มที่ประชาธิปัตย์จะไม่ลงเลือกตั้งทั้งพรรคเป็นไปได้สูงยิ่ง

ทำไมถึงเลือกตั้งก่อนไม่ได้  ประสา “ม้าสีหมอก” คนข่าวการเมือง ที่อยู่ในวงการนี้มายาวนานกว่า 30 ปี ความเลวร้ายของการเมืองไทยคือ การทุจริตเลือกตั้ง ถึงแม้ว่าการจัดการเลือกตั้งจะเปลี่ยนมาอยู่ในมือของ คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ทุกคนก็รู้อยู่เต็มอกว่า กกต.ไม่มีศักยภาพเพียงพอ ที่จะขุดราก ถอนโคน เมล็ดพันธุ์อันชั่วร้ายนี้ได้  บทเรียน ของกกต.ชุดสามหนา พล.ต.อ.วาสนา  เพิ่มลาภ  ที่จัดการเลือกตั้งเมื่อปี 2549  จนกระทั่งนำไปสู่การเพิกถอน และสั่งการเลือกตั้งเป็นโมฆะโดยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นบทเรียนหนึ่งที่บอกว่า เราไม่อาจคาดหวัง กกต.ได้

ภาพนักการเมืองคนหนึ่ง แบกกระสอบใส่เงินเตรียมแจกชาวบ้าน เดินตามอดีตหัวหน้าพรรค คนโตตัวเล็ก แห่งเมืองสุพรรณ ในคราวเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม ยังคงติดตาผม เช่นเดียวกับ โรคร้ายร้อยเอ็ด ที่เป็นตำนานการซื้อเสียงฉบับคลาสิค เมื่อพล.อ.เกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ อดีตหัวหน้าคณะปฎิวัติ ไปลงเลือกตั้งที่จังหวัดร้อยเอ็ด ด้วยความใสชื่อของคนอีสานที่ใครมีบุญคุณกับเขา เขาย่อมต้องตอบแทน เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อินทรีแห่งทุ่งบางเขน ที่แทบไม่มีอะไรผูกพันกับคนร้อยเอ็ดเลย ได้รับการเลือกตั้งคราวนั้น และก็กลายเป็นต้นแบบของทักษิณ ชินวัตร เมื่อเขาสร้างพรรคไทยรักไทย ขึ้นมาเพื่อยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคอีสาน และเหนือที่อาจซื้อได้ด้วยเงิน

และด้วยเงินอีกจำนวนหนึ่งไม่กี่ร้อยล้านบาท ในการซื้อ ส.ส.เกือบทั้งหมดของสภา ซึ่งนั่นก็คือ การซื้อประเทศนี้

ด้วยเหตุที่คนเหล่านี้ ไม่ใช่นักการเมือง แต่พวกเขาเป็นเพียงนักเลือกตั้งเท่านั้น

นักเลือกตั้ง หมายถึง ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ไม่ได้มีอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่จุดยืนทางการเมืองที่แน่นอน ไม่มีจริยธรรมและคุณธรรมทางการเมือง และพยายามสร้างสำนึกจอมปลอมว่าตนเองมีฐานะเป็นตัวแทนของประชาชน บุคคลเหล่านี้จะลงสมัครเลือกตั้งทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง โดยไม่สนใจวิธีการได้มาของชัยชนะมุ่งหวังเพียงอย่างเดียวได้รับการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะทุจริตการเลือกตั้งก็ตาม ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองและพวกได้เป็นตัวแทนของประชาชนโดยผ่านพิธีกรรมการทางการเลือกตั้ง 

นักเลือกตั้งจะมีเครือข่ายอำนาจอิทธิพลกว้างขวางในเขตเลือกตั้ง เป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของท้องถิ่น เป็นที่พึ่งพาอาศัยของประชาชนในเรื่องต่างๆ ทั้งนี้นักเลือกตั้งจะมีการจัดระบบเครือข่ายหัวคะแนนที่มีประสิทธิภาพ "ฐานเสียง" ฐานเสียงที่หนาแน่นในท้องถิ่น เป็นการเกื้อกูลโอกาสได้รับชัยชนะสูงในสนามการเลือกตั้ง ทำให้นักเลือกตั้งเหล่านี้มีต้นทุนทางการเมืองสูงและมีโอกาสได้รับชัยชนะทุกครั้งในการเลือกตั้ง จุดยืนหรืออุดมการณ์ทางการเมืองของนักเลือกตั้งจึงไม่ใช่สาระสำคัญที่ประชานจะพิจารณามากกว่าระบบอุปถัมภ์และอำนาจเงิน 

นักเลือกตั้งเหล่านี้มักไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน มักจะมีเปลี่ยนพรรคการเมืองอยู่เสมอขึ้นอยู่กับการเสนอเงินเพื่อซื้อตัวของพรรคการเมือง หรือแกนนำกลุ่มการเมืองหลักด้วยเงินจำนวนมากจนเป็นที่พอใจ รวมถึงการต่อรองตำแหน่งทางการเมือง นักเลือกตั้งมักจะอาศัยคะแนนนิยมของพรรคการเมืองเพื่อที่ตนเองและกลุ่มจะได้เกาะกระแสในสนามการเลือกตั้ง การคำนวณแนวโน้มพรรคการเมืองที่จะได้จัดตั้งรัฐบาล เป็นข้อพิจารณาหลักของนักเลือกตั้งมากกว่าจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง 
นักเลือกตั้งจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองผ่านทางสื่อต่าง ๆ โดยอาศัยหลักการตลาดและการประชาสัมพันธ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพูดโน้มน้าวใจคนและระดมมวลชนโดยอาศัยหลักจิตวิทยามวลชน 

เป้าหมายสำคัญของนักเลือกตั้งหลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งแล้วก็อาศัยช่องทางทางการเมืองเพื่อเข้าไปการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยมีการรวมกันของนักเลือกตั้งเป็นกลุ่มการเมืองไปต่อรองและจัดสรรผลประโยชน์ เช่น ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ตำแหน่งประธานกรรมาธิการ เป็นต้น นักเลือกตั้งจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดสรรผลประโยชน์ให้แก่สมาชิกภายในกลุ่มภายใต้ระบบธุรกิจการเมือง 

และนี่คือ กลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า ส.ส.ภายใต้ทักษิณ ชินวัตร หากแต่เป็นเพียง นักเลือกตั้งเท่านั้น
จะมีวันเลือกตั้งหรือไม่ อาจจะเป็นคำถามอยู่ในวันนี้ แต่จะเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม เกมนี้ยังไม่จบง่ายๆ

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  20 - 26 ธันวาคม 2556)
Share:

อุบัติเหตุรถชนต้นไม้ วันเดียวสองศพ จนท.ป่าไม้-พ่อเฒ่าวัย 88




จนท.ป่าไม้ลำปางขับปิกอัพเสียหลักชนต้นไม้ดับ 1 สาหัส 1 คาดหมอกลงทัศนวิสัยไม่ดี  อีกราย ลูกเขยขับรถพาพ่อตาวัย 88 ปีไปหาหมอ เกิดหลับในขับรถพุ่งลงข้างทางพ่อเสียชีวิตคาที่ ส่วนเจ้าตัวเจ็บสาหัส

เมื่อเวลาประมาณ 06.45 น.  วันที่ 17 ธ.ค. 56  ร.ต.อ.ประภากร ทะชมภู พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนบริเวณถนนลำปาง-งาวขาขึ้น หน้าปั๊มปตท.บ้านปงวัง ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง  มีผู้ติดอยู่ภายในรถ 2 ราย  จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลลำปาง และสมาคมกู้ภัยนครลำปาง 

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ แค๊ป สีบรอนด์ ด้านข้างประตูรถติดสติกเกอร์ของสำนักงานป่าไม้ หมายเลขทะเบียน ฒท 2381 กรุงเทพมหานคร ชนอัดกับต้นไม้ใหญ่ในร่องกลางถนน สภาพพังยับไปครึ่งคัน ภายในรถยนต์มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายธีรภัทร์ เกิดทองสุข อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 3 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก  เป็นคนขับรถสภาพศีรษะแตก คอหัก ส่วนอีกคนคือ นายชัยรัตน์ คู่เทียม ผู้ช่วยหัวหน้างานสำนักงานป่าไม้ สวนป่าแม่มาย ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ลำปาง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่รู้สึกตัว เจ้าหน้าที่กู้ชีพรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลลำปางทันที

ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า คนขับน่าจะขับรถมาด้วยความเร็วสูง ประกอบกับช่วงเช้าที่ผ่านมาสภาพอากาศในจังหวัดลำปางลดต่ำลงถึง 10 องศา มีหมอกหนาปกคลุม คนขับอาจมองไม่เห็นทางในระยะไกลซึ่งอาจจะมีสุนัขหรือรถคันอื่นวิ่งตัดหน้า ทำให้ต้องหักพวงมาลัยรถหลบกะทันหัน จนรถเสียหลักลงข้างทางชนเข้ากับต้นไม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ต่อมาเวลาประมาณ 14.20 น. เกิดอุบัติเหตุรถชนอีกรายหนึ่ง  พ.ต.ท.บรรจง  เรือนสุข พนักงานสอบสวนเวร สภ.บ้านเสด็จ ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถพุ่งลงข้างทาง บริเวณถนนทางเข้าเขื่อนกิ่วลม ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ลำปาง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จึงเดินทางไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย อบต.บ้านเสด็จ 
ที่เกิดเหตุจากถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ลำปาง-งาว เข้าไปประมาณ 300 เมตร พบรถยนต์ปิกอัพยี่ห้อนิสสัน แค๊ป สีบรอนด์ หมายเลขทะเบียน บธ  2807 ลำปาง พุ่งตกลงข้างทางชนกับต้นสัก ด้านหน้ารถพังยับ กระจกแตก เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เร่งให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งเป็นคนขับรถ ทราบชื่อคือ นายแปลก หรือนวล หมื่นธิ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 7 บ้านปู่จ้อย ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ลำปาง  และภายในรถพบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย บริเวณที่นั่งข้างคนขับ สภาพศีรษะยุบจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรง ทราบชื่อภายหลังคือ นายหมื่น เปี้ยนันต๊ะ อายุ 88 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 7 ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ลำปาง  

จากสอบถามญาติผู้เสียชีวิตทราบว่า  นายแปลกเป็นลูกเขยของนายหมื่น ซึ่งได้พากันขับออกจากบ้านเพื่อไปส่งนายหมื่นหาหมอที่โรงพยาบาล แต่เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมาในหมู่บ้านได้มีงานศพของญาติพี่น้อง นายแปลกจึงต้องไปช่วยงานศพอยู่จนดึกดื่นจนไม่ได้พักผ่อน และจากการตรวจสอบเส้นทางที่ขับรถมาจากหมู่บ้านนั้นเป็นทางตรงและไม่มีร่องรอยของการเบรกของรถแต่อย่างใด  จึงคาดว่าเมื่อนายแปลกขับรถมาออกมาสักระยะหนึ่งจึงเกิดหลับใน จนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนหาสาเหตุต่อไป

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  20 - 26 ธันวาคม 2556)
Share:

รวบแก๊งลักรถ ก่อเหตุกว่า 20 คัน แยกส่วนขายชายแดน



ตร.ลำปางรวบแก๊งค์ลักมอเตอร์ไซค์ก่อเหตุหลายสิบคันในลำปาง พร้อมโชว์วิธีการใช้เวลาคันละไม่ถึง 5 นาที

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ธ.ค. 56 ที่สภ.เมืองลำปาง พล.ต.ต.พรชัย พักตร์ผ่องศรี ผบก.ภ.จว.ลำปาง พ.ต.อ.ฐนกร คุ้มวงศ์ ผกก.สภ.เมืองลำปาง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำปาง ได้นำตัวนายเสกสรร รักบุญ อายุ 23 ปี ราษฎร ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง และนายอดิเรก สุวรรณ อายุ 23  ปี ราษฎร ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์จำนวน  2 คัน ยี่ห้อฮอนด้า สกูปี้ไอ สีน้ำตาล-ดำ  หมายเลขทะเบียน ขมท 626 ลำปาง และยี่ห้อ ฮอนด้าดรีม สีดำ ยังไม่ทราบหมายเลขทะเบียน  พร้อมป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์นับ 10 แผ่น และชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์อีกหลายรายการ มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

สืบเนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในพื้นที่อำเภอเมือง รวมไปถึงอำเภออื่นๆในจังหวัดลำปาง ได้เกิดเหตุรถจักรยานยนต์หายจำนวนหลายคัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายเสกสรรค์ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการลักรถจักรยานยนต์ จึงได้นำหมายศาลเลขที่ 1343/2556 วันที่  17 ธ.ค. 56 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 25 หมู่ 10  ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งนายเสกสรรพักอาศัยอยู่  ผลการตรวจค้นพบรถจักรยานยนต์ไม่มีที่มา 2 คัน และคู่มือรถจักรยานยนต์หลายเล่ม รวมไปถึงแผ่นป้ายทะเบียนรถอีกหลายสิบแผ่นอยู่ภายในบ้าน ซึ่งจากการเช็คคู่มือและแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าว พบว่าเป็นของรถจักรยานยนต์ที่แจ้งหายไว้หลายคดี หลายพื้นที่ จึงได้นำตัวมาสอบสวนขยายผล

จากการสอบสวน นายเสกสรรค์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมมือกับ นายอดิเรก ออกตระเวนลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่จังหวัดลำปางมากกว่า 20 คันแล้ว โดยการก่อเหตุจะใช้วิธีถีบคอรถเพื่อปลดล็อค แล้วนำเส้นลวดมาต่อไฟตรงเพื่อสตาร์ทรถ จากนั้นจึงขี่รถนำไปขายที่เขตติดต่อชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยจะได้เงินคันละ 10,000 - 40,000 บาท ทั้งนี้ขณะแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายเสกสรรค์สาธิตวิธีการลักรถให้ดูด้วย ซึ่งใช้เวลาคันละไม่ถึง 5 นาที ก็ขโมยรถไปได้แล้ว  จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา  ร่วมกันลักทรัพย์หรือลักของโจร และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  20 - 26 ธันวาคม 2556)
Share:

เปิดพัดลมทิ้งไว้ ไฟไหม้ห้องพัก เพื่อนบ้านช่วยดับทัน




สาวพนักงานศูนย์เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ออกจากห้องเช่าไปทำธุระแต่ไม่ได้ปิดพัดลม ไฟไหม้คลุกกรุ่นลามติดเพดาน คนข้างบ้านเห็นช่วยกันงัดประตูเข้าไปดับไฟ ก่อนจะลุกลามใหญ่โต 

เมื่อเวลา 15.40น. วันที่ 14 ธ.ค.2556  พ.ต.ท.สืบสกุล ขุนเพิ่ม สารวัตรเวร สภ.เมืองลำปาง ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ที่บ้านเลขที่ 97/1 ซอยวัดน้ำล้อม ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง จึงออกไปทำการสอบสวนพบที่เกิดเหตุอยู่ด้านหลังอาคารห้องแถวครึ่งตึกครึ่งไม้ เมื่อเดินเข้าไปด้านในพบว่าเจ้าของบ้านได้ปรับแต่งห้องว่างจำนวน 2 ห้องไว้เปิดให้คนเช่าพักอาศัย โดยจุดเกิดเหตุอยู่ในห้องแรก ภายในห้องมีร่องรอยไฟไหม้ที่บริเวณปลั๊กเสียพัดลมโคจรที่ตั้งอยู่กับผนังห้อง และไฟได้ลุกลามไปติดพัดลมและฝ้าเพดานจนเสียหาย ส่วนข้าวของในห้องที่ได้รับความเสียหายมีกีตาร์ไฟฟ้า 1 ตัว ตู้เย็น 1 เครื่อง รวมทั้งฝ้าเพดานที่ไฟไหม้เสียหายไปเล็กน้อย 

จากกาสอบถาม น.ส.อนุศรา แก้วที่สุด อายุ 26 ปี พนักงานศูนย์เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง บ้านเดิมอยู่เลขที่ 57/1 หมู่ 2 ต.นายาง อ.สบปราบ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นเจ้าของห้องที่เกิดเหตุได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังออกไปทำธุระข้างนอก จึงปิดประตูล๊อกกุญแจเอาไว้ แต่ไม่ได้ปิดพัดลมโคจรเอาไว้ด้วย เนื่องจากเห็นว่าตนเองจะไปไม่นาน จากนั้นมีนางจันทร์เพ็ญ เจริญมิตร อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของห้องเช่าโทรศัพท์มาบอกว่า ที่ห้อเกิดไฟไหม้ให้รีบกลับมาดู ตนจึงรีบกลับมา และนับยังเป็นความโชคดีของตนเองรวมทั้งเจ้าของห้องแถวในบริเวณนั้นเป็นอย่างมากที่มีคนงานที่มาทำงานต่อเติมบ้านอยู่ติดๆกับห้องเช่าของตนเห็นควันไฟลอยลอดออกมาจากฝ้าเพดานเสียก่อน จึงรีบมาช่วยกันงัดประตูเข้าไปดับไฟได้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นก็อาจไฟจะลุกลามใหญ่โตไปกันใหญ่ เพราะอาคารตึกแถวทั้งหมดด้านบนสร้างด้วยไม้สักทั้งหมดและมีความเก่าแก่มานาน หลังทำการสอบสวนในเบื้องต้นแล้วพนักงานสอบสวนจึงได้เชิญ น.ส.อนุศรา เจ้าของห้องไปยัง สภ.เมือง เพื่อทำการสอบสวนปากคำโดยระเอียดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป 

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  20 - 26 ธันวาคม 2556)    

Share:

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

มหาลัย มหาหลอก จากอีสานสู่เหนือ


แม้ชะตากรรมจากการบริหารมหาวิทยาลัยด้วยความฉ้อฉล จนกระทั่งอดีตมหาวิทยาลัยอีสาน ถูกเพิกถอนใบอนุญาต อธิการบดีถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่ภายใต้ กฎ สกอ.เข้ม ยังคงมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่ย่ามใจ มีพฤติกรรมไม่แตกต่างกัน จากอีสานสู่เหนือ จากเหนือสู่ใต้ และในหลายพื้นที่ที่มีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาเอกชน ที่ทำการศึกษาเป็นธุรกิจ

พฤติกรรมในแบบอดีตมหาวิทยาลัยอีสาน  คือรับบุคคลที่ไม่ได้จบการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือเทียบเท่า เข้าเรียน หรือจบแต่ไม่ได้เรียนในระบบ เป็นการซื้อขายใบปริญญา ในกรณีของอดีตมหาวิทยาลัยอีสาน คือการซื้อขายประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ไม่ทำทะเบียนคณาจารย์ ทะเบียนนักศึกษาที่ถูกต้อง ไม่แจ้งการพ้นจากตำแหน่งของคณาจารย์ ซึ่งจะต้องระบุวิชาที่สอน ระยะเวลาในการสอน และการลาออก เหล่านี้เป็นความผิดที่ส่อไปในทางทุจริต มหาวิทยาลัยบางแห่งมีอัตรา Turn over ของผู้สอนสูงมาก จนเก็บสถิติไม่ทัน อาจารย์ต้องไปขอถอนชื่อจาก สกอ.ด้วยตัวเอง

เมล็ดพันธุ์อันชั่วร้ายนี้ ยังคงแพร่กระจายอยู่ทั่วไป

มหาวิทยาลัยชื่อยาวเหยียดในกรุง ซื้อขายปริญญาบัตรกันเป็นล่ำเป็นสัน มีคนดังในหลายวงการจำนวนมาก จบการศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอกที่นี่ เจ้าของเป็นอดีตนักการเมืองในภาคอีสาน นอกจากขายปริญญาแล้ว ยังมีข้อมูลว่า มีการว่าจ้างอาจารย์พิเศษซึ่งมีชื่อเสียงคนหนึ่งสอนเพียงหนึ่งศูนย์การศึกษา แต่แจ้งข้อมูล คณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) ว่า เป็นอาจารย์ที่สอนในศูนย์การศึกษาอีกหลายศูนย์ ทั้งที่ไม่ได้มีการสอนจริง

มหาวิทยาลัยเอกชนมีชื่ออีกแห่งหนึ่ง เจ้าของผันเงินไปใช้ในกิจการอื่น จนใกล้ล้มละลาย และอีกบางแห่งให้สัญญามากมายกับนักศึกษาก่อนเข้าเรียน แต่เมื่อเข้าเรียนแล้วไม่มีการปฏิบัติตามสัญญา และไม่มีแผนปฎิบัติ นอกจากนั้นยังมีการซ่อนเงื่อนในเรื่องเอกสารของมหาวิทยาลัย ที่ไม่ได้แสดงต่อ สกอ. และไม่กล้าแสดงเนื่องจากเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่มีโทษทางอาญา ผู้บริหารมหาวิทยาลัยแห่งนี้และผู้ร่วมสมคบคิด มีความเสี่ยงสูงมากที่จะถูก สกอ.แจ้งความดำเนินคดี ไม่ต่างไปจากอดีตมหาวิทยาลัยอีสาน

ความไม่ใส่ใจจริงจังที่จะทำมหาวิทยาลัย โดยมุ่งต่อการสร้างคนที่มีคุณภาพ มีคุณธรรม และมีความรู้ความเชี่ยวชาญในศาสตร์นั้นๆ นัยหนึ่งคือการไม่เข้าใจถึงปรัชญาการศึกษา ที่มุ่งสร้างความรู้ มากกว่าสร้างกำไร ทำให้มหาวิทยาลัยหลายแห่งต้องจบชีวิตไป เป็นตราบาปให้กับนักศึกษาที่ต้องดิ้นรน ขวนขวายหาที่เรียนใหม่ และจดจำชื่อมหาวิทยาลัยนั้นๆที่โฆษณาชวนเชื่อเสียสวยหรูชวนเชื่อก่อนเข้าเรียนไปจนวันตาย

มหาวิทยาลัยบางแห่งพยายามแสดงราคา อาจารย์ผู้สอนที่มีความรู้ ความสามารถพิเศษ แต่เอาเข้าจริงไม่มีความรู้แม้แต่จะนิยามศํพท์ทางวิชาการง่ายๆ อีกทั้งวุฒิการศึกษา ผลงานและตำแหน่งวิชาการ ก็ยังห่างชั้นมากกับมหาวิทยาลัยลูกชาวบ้านในพื้นที่

แต่หากจะนึกถึงมหาหลอก มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก คงเป็นอันดับแรกๆที่หลายคนจะนึกถึง เพราะช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ดีเอสไอรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษในข้อหากับอธิการบดีและบุคคลอื่นรวม 7 คน ในข้อหา ร่วมตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนผิดกฎหมาย ฉ้อโกงประชาชน และ กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการลงข้อความโฆษณาให้ประชาชนหลงเชื่อว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลก มีศักดิ์และสิทธิเทียบเท่ามหาวิทยาลัยเอกชน รวมถึงมีการเก็บเงินในการมอบปริญญาฯ และการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการมอบใบประกาศวุฒิการศึกษา (ป.เอก) ให้ผู้มีชื่อเสียง หลังพบหลักฐานเส้นทางการโอนเงินของผู้เสียหายที่โอนให้กับกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อแลกกับใบปริญญาเอก รายละ  30,000 - 150,000 บาท จังหวัดลำปางเองก็มีผู้ที่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ประมาณ 20 คน

เมื่อเริ่มต้นด้วยการหลอก ไม่คิดจะสอนสั่ง ทุ่มเทให้ผู้เรียนอย่างจริงจัง เงาปีศาจของอดีตมหาวิทยาลัยอีสานจึงทอดทะมึนอยู่ใกล้ๆนั้นเอง


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  20 - 26 ธันวาคม 2556)     
Share:

ข่าวสั้น รอบลำปาง



เมืองลำปาง-ยาบ้า วันที่ 16 ธ.ค. พ.ต.ท.ปริญญา  ชัยเววา สวป.สภ.เมืองลำปาง  พร้อม ชุด ปส.สภ.เมืองลำปาง จับกุมนายสุริยา  สายถิ่น  อายุ 20 ปี   บ้านเลขที่ 199/2 ม.7 ต.ปงแสนทอง  อ.ลำปาง  ของกลาง ยาบ้า 60 เม็ด อาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน 5 นัดเหตุเกิด บ้านเลขที่206/2ม.7  ต. ปงแสนทอง จว.ลำปาง ข้อหามียาเสพติดเพื่อจำหน่ายฯ,มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนฯ  นำส่งพงส.สภ.เมืองลำปาง

เสริมงาม – ยิงหัวเข่า  วันที่ 18 ธ.ค. เวลา 23.00 น.เกิดเหตุยิงกัน นาย ฤชากร เดือนข่ายอายุ  22 ปี บ้านเลขที่ 47/1ม.7 ต.เสริมกลางฯถูกชาย 2 คน ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นขนาดเบอร์ 12 ยิงถูกบริเวณเข่าได้รับบาดเจ็บและหลบหนีไป โดยรถ จยย.เหตุเกิดบนถนน หน้าร้านอาหารชายทุ่ง ม.7ต.เสริมซ้าย อ.เสริมงาม สาเหตุโกรธแค้นกันเรื่องส่วนตัว สืบสวนสอบสวน ทราบว่าผู้กระทำผิดคือ นายคมสันต์ (บู) จันตา อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 175 หมู่ 9 ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามจับกุม

แม่เมาะ-รวบค้ายารายย่อย วันที่ 18 ธ.ค. จนท.สืบสวน สภ.แม่เมาะ จว.ลำปาง ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายณัฐพล อินเตชะ อายุ26ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน560เม็ด, อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1กระบอก,ลูกกระสุนปืนจำนวน12นัด ,ตรวจยึดจยย. 3คัน ,เงินสด 21,040 บาท และแหวนทองคำ 1 วง โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษ ประเภท1ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย   และนายนฤทธิ์ อุตเตกูล ของกลางยาบ้า 3 เม็ด กล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท1ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย  เหตุเกิด151 ม.6 ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง  นายอำเภอแม่เมาะร่วมสอบถามข้อมูลจากผู้ต้องหา

เมืองลำปาง-ยึดรถไม้เถื่อน เจ้าหน้าที่สวนป่าแม่ทรายคำ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.8(แม่ทรายคำ) เจ้าหน้าที่ทหารพราน กกล.ทพ.3 กรม ทพ.ที่ 31 ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ทรายคำ และเขตสวนป่าแม่ทรายคำ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ แอล 200 สีดำ 1 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และด้านหลังบรรทุกไม้สักท่อนคันละ 24 ท่อน ซึ่งไม้สักดังกล่าวไม่มีรูปรอยดวงตราของทางราชการตีประทับไว้  จึงตรวจยึดพร้อมทั้งได้นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรทุ่งฝาย ดำเนินคดีตามกฎหมาย


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  20 - 26 ธันวาคม 2556)      
Share:

หนาวแล้วลำปาง ทัวร์ลุยแจ้ซ้อน โรงแรมใหญ่ซบ - กลางคึกคักยอดจองเต็ม


อากาศหนาวคนแห่เที่ยวธรรมชาติ แจ้ซ้อนคึกคักยอดจองบ้านพักเต็มยาวหลังปีใหม่  โรงแรมขนาดกลางยอดจองเต็ม เนื่องจากราคาถูก และสถานที่ใหม่กว่า  ขณะที่โรงแรมใหญ่ครวญมีจองแค่ 60 % จากที่ปีก่อนเต็มตั้งแต่ต้นเดือน  

ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา อากาศหนาวเริ่มมาเยือนจังหวัดลำปาง พบว่าเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 8.6 องศาเซลเซียส ซึ่งบรรยากาศเช่นนี้ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางขึ้นเหนือเพื่อชมธรรมชาติ โดยที่ จ.ลำปาง มีอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน  ที่นักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาพักผ่อนกันเป็นครอบครัว หมู่คณะ เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ  อาบน้ำแร่แช่น้ำอุ่น เพื่อบรรเทาความหนาวเย็น โดยช่วงเดือน ธ.ค.ของปี 2555  มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมกว่า 25,000 คน และในเดือน ธ.ค. 2556 ได้มียอดจองบ้านพักเต็มยาวไปถึงวันที่ 4 ม.ค.57 แล้ว คาดว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาไม่ต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก

นายกมล  สมบุญญา  รองหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงวันหยุดวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่อุทยานฯจำนวนมาก โดยเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ มีเข้ามาไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 คน  และเนื่องจากปีนี้ จ.ลำปางมีอากาศหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้มีนักท่องเที่ยวจองบ้านพัก และเต๊นท์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าพักผ่อน อาบน้ำแร่  ต้มไข่น้ำแร่ เดินชมลานน้ำพุร้อน  ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักของเรา  สำหรับบ้านพักของอุทยานฯมีทั้งหมดจำนวน 8 หลัง ได้มียอดจองเต็มแล้วตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.56 ไปจนถึงวันที่ 4 ม.ค.57  และยังมียอดจองเต็นท์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีบริการเต็นท์ใหญ่ 10 หลัง พักได้ 6 คน และเต็นท์เล็ก 50 หลัง พักได้  3-4 คน  นอกจากนั้นหากนักท่องเที่ยวนำเต็นท์เข้ามาเอง ทางอุทยานฯได้จัดสรรสถานที่ไว้ให้ ซึ่งเรามีสถานที่เพียงพอ สามารถรองรับเต็นท์ได้ถึง 500 หลัง โดยนักท่องเที่ยวสามารถเตรียมอาหารเข้ามารับประทานเองได้ ยกเว้นเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว  ในช่วงปีใหม่จะมีการจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้าดูแลความเรียบร้อยให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักทุกวันด้วย

สำหรับปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา มีจำนวน 6,400 คน  เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.ปีที่แล้วมีจำนวน 8,200 คน ยอดลดลงไปพอสมควร เนื่องจากปีที่แล้วภาคกลางได้ประสบปัญหาน้ำท่วม ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวเหนือกันมาก ส่วนในเดือน ธ.ค.ปี 2555 นั้น ทั้งเดือนมีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 25,272 คน  ในช่วง 2 เดือน ทำให้อุทยานฯมีเงินรายได้สะพัดถึง 2 ล้านบาท  ซึ่งในปี 2556 นี้คาดว่ายอดนักท่องเที่ยวอาจจะลดลงจากเดิม เนื่องจากปัญหาจากเหตุการณ์ทางการเมือง และภาวะเศรษฐกิจของประเทศ  แต่ยอดคงไม่หนีห่างไปจากเดิมมากนัก  โดยทางอุทยานฯจะมีการสรุปผลทุกสิ้นเดือนจึงจะทราบยอดนักท่องเที่ยวที่ชัดเจน

นอกจากนั้นผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามไปยังโรงแรมและห้องพักที่เปิดให้บริการในเขต อ.เมืองลำปาง พบว่าโรงแรมขนาดกลางมียอดจองเต็ม ในขณะที่โรงแรมขนาดใหญ่ที่มี 100 ห้องขึ้นไปค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักท่องเที่ยวหันไปเลือกใช้บริการโรงแรมขนาดกลาง ซึ่งมีราคาประหยัดกว่า

นายสุรวิทย์ ต.ประยูร  เจ้าของข้าวหอมเรสซิเด้นท์ และโครงการข้าวหอมคอนโดมิเนียม เปิดเผยว่า  ข้าวหอมเรสซิเด้นท์เปิดให้บริการห้องพัก 44 ห้อง โดยจะแยกเป็นพักรายวัน และรายเดือน ส่วนของรายวันจะอยู่ที่ประมาณ 30 ห้อง  ในช่วงไฮซีซั่นนี้มีการจองห้องพักเข้ามาเต็มเกือบทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด เพราะข้าวหอมจะมีแฟนเพจในเฟสบุ๊กอยู่เกือบ 2,000 คน  และมีเว็บไซด์สามารถเข้ามาดูรูปภาพห้องพักและการให้บริการได้  นอกจากนั้นในช่วงไฮซีซั่นทางเราก็ไม่ได้มีการขึ้นราคาห้องพัก ยังคงอยู่ที่ราคาเดิมคือ 490 และ 590 บาท และเน้นความสะอาดของห้องพัก  ซึ่งข้าวหอมเป็นเจ้าแรกที่ทำอพาร์ทเม้นแนวใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ช่วงไฮซีซั่นก็จะเต็มทุกปี

เมื่อสอบถามถึงโครงการข้าวหอมกาดกองต้า นายสุรวิทย์ กล่าวว่า ความคืบหน้าของโครงการขณะนี้ได้มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ศาลปกครองได้ยกฟ้องในประเด็นที่ผู้ร้องได้ขอให้คุ้มครองชั่วคราวและระงับการก่อสร้าง เราจึงสามารถก่อสร้างได้ตามปกติ  แต่ยังเหลืออีกประเด็นคือการยื่นฟ้องเรื่องการขอใบอนุญาต ซึ่งเรามั่นใจว่าทำตามขั้นตอนทุกอย่าง  ในช่วงที่เกิดปัญหาได้มีการประชุมกับลูกค้า และขอขยายเวลาการก่อสร้างออกไป ลูกค้าส่วนใหญ่เข้าใจในข้อกฎหมาย เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้มีทั้งผลดีและผลเสียตามมา ผลเสียคืองานล่าช้าออกไปจะกำหนดเสร็จในเดือน ต.ค. 57  ส่วนข้อดีคือ เราได้ลูกค้าที่พักอาศัยจริง ยังมั่นคงเหนียวแน่นกับเรากว่า 70 ราย และมั่นใจว่าจะมียอดโอนเกิน 50 % แน่นอน

ด้านนายธนิตศักดิ์  ทวีพรจิรภาคย์ เจ้าของกู๊ดวิวแมนชั่น   กล่าวว่า  กู๊ดวิวมีห้องพักทั้งหมด 44 ห้อง ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมามียอดเข้าพักเต็มทุกวัน  ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ทั้งห้องพักรายวันและรายเดือน  ในส่วนของรายเดือนก็มีจองค้างไว้ 2-3 ราย เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีห้องว่าง  ในส่วนของห้องจัดเลี้ยงก็มีการจองเข้ามาตลอดติดต่อกันเป็นเดือน  ซึ่งคิดอยู่ว่าอยากจะขยายออกไปอีกให้มีบริการที่ครบวงจร ซึ่งยังคงมองหาพื้นที่ใจกลางเมืองที่เหมาะสมอยู่  เพราะเราได้รับผลตอบรับที่ดีมากจริงๆ

ขณะที่โรงแรมลำปางเวียงทอง ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ของ จ.ลำปาง นายประสิทธิ์ สิริศรีสกุลชัย กรรมการผู้จัดการโรงแรมลำปางเวียงทอง  เปิดเผยว่า ปีนี้ยอดจองไม่ดีเท่าที่ควร  มีการจองเข้ามา 60 % เท่านั้น  จากเดิมในช่วงต้นเดือน ธ.ค.จะมียอดจองเต็มทั้งหมดแล้ว  เนื่องจากเศรษฐกิจแย่ และปัญหาจากการเมือง เพราะที่ลำปางจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเข้ามามากกว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เมื่อมีการชุมนุมนักท่องเที่ยวคนไทยก็หายไปด้วย  ประกอบกับโรงแรมที่ลำปางเกิดใหม่เยอะราคาห้องพักถูกลง นักท่องเที่ยวจึงมีตัวเลือกมากขึ้น  ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินเข้ามาพักเลยมีไม่มาก  ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวหันไปเที่ยวทางธรรมชาติกัน ไปกางเต็นท์นอนบนดอย ซึ่งราคาไม่แพงและได้สัมผัสอากาศธรรมชาติด้วย  บอกได้ว่าในปีนี้โรงแรมแย่ไปเกือบทุกแห่งเพราะโดนผลกระทบหลายเด้งมากทั้งเศรษฐกิจและการเมือง

น.ส.วิไลวรรณ วงค์วิไล  เจ้าของโรงแรมบุษย์น้ำทอง  กล่าวว่า  โรงแรมเพิ่งเปิดเมื่อช่วงเดือน เม.ย.56 คนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก จึงทำให้มียอดจองไม่มากเท่าไร จะอยู่ที่ 50-60 % ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ประกอบกับปีนี้เศรษฐกิจย่ำแย่ด้วย ในช่วงปีใหม่นี้จึงยังคงขายห้องพักราคาเดิมอยู่ คือ ห้องสแตนดาร์ด มีจำนวน 17 ห้อง ราคา 650 บาท ห้องสุพีเรีย จำนวน 87 ห้อง ราคา 850 บาท พร้อมอาหารเช้า  ขณะนี้ยังมีห้องพักว่างอยู่ ซึ่งคาดหวังว่าในช่วงใกล้ปีใหม่นี้ ขอให้มียอดจองเพิ่มขึ้นไปถึง 80%


ด้าน น.ส.อมลยา เจนตวานิชย์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมทิพย์ช้างลำปาง กล่าวเช่นเดียวกันว่า ยอดจองไม่เยอะเท่าปีที่แล้ว มาจากปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ยังคงต้องรอดูใกล้ช่วงสิ้นปีและปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพราะนักท่องเที่ยวคนไทยบางครั้งก็ไม่ชอบจองห้องพักล่วงหน้าจะเดินเข้ามาหาที่พักเลย หลังปีใหม่จึงจะรู้ยอดที่ชัดเจน


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  20 - 26 ธันวาคม 2556) 
Share:

ว่าที่ ส.ส. แทงกั๊ก รอดู - ไม่เปิดตัว


การเมืองลำปางยังไม่เปิดตัวผู้สมัครชัดเจน  จรัสฤทธิ์ยัน “จันทรสุรินทร์” ลงสมัครรักษาพื้นที่เขตใต้   ขณะที่มีข่าวลือหนาหู ณฤธร ถาคำฟู หนีพลังประเทศไทย ซบชาติไทยพัฒนาพรรคลูกหม้อเดิม ด้านแดงลำปางนับพันแห่รับยิ่งลักษณ์ มอบดอกไม้ให้กำลังใจ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 ธ.ค.56 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งโดยสารรถไฟขบวนพิเศษที่ 944 เลขตู้ กซข. 1122   มาจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ เพื่อตรวจสภาพการปรับปรุงเส้นทางรถไฟสายเหนือได้เดินทางมายังสถานีรถไฟนครลำปาง โดยมีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีต รมช.มหาดไทย น.ส.ตวงรัตน์ โล่สุนทร  นายจรัสฤทธิ์ และนายอิทธิรัตน์  จันทรสุรินทร์  อดีต ส.ส.ลำปาง  พร้อมด้วยกลุ่มข้าราชการ ตำรวจ ทหาร กลุ่มสตรี และกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากกว่า 1,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างคึกคัก   โดยคนเสื้อแดงได้นำดอกกุหลาบมามอบให้กำลังใจกับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับส่งเสียงว่า นายกสู้ๆอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเดินทางมาถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทักทายและรับดอกกุหลาบจากกลุ่มคนเสื้อแดงที่มารออยู่ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ด้วยความอบอุ่น โดยเดินออกจากสถานีรถไฟเพื่อมาขึ้นรถที่รอรับอยู่บริเวณถนนหน้าสถานีรถไฟ ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงกว่าจะฝ่าผู้คนออกมาได้ เพราะคนเสื้อแดงได้มาให้กำลังใจกันอย่างหนาแน่นมาก จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมบุษย์น้ำทอง และรับฟังการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดลำปางจากนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  ก่อนจะเดินทางไปเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ธนบดีเซรามิก  ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง และเดินทางกลับเชียงใหม่

สำหรับความคืบหน้าการเมือง จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวมีโอกาสพูดคุยกับนายจรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์  อดีต ส.ส.ลำปาง ในโอกาสที่เดินทางมารอต้อนรับนายกรัฐมนตรี  นายจรัสฤทธิ์  กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่เขต 3 และเขต 4  ตนและนายอิทธิรัตน์ ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่เดิมอยู่ ส่วน คุณพ่อพินิจ      จันทรสุรินทร์ จะลงสนามเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะตนยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเรื่องนี้  ส่วนในเขต 2 ได้ยินมาเช่นกันว่าทางคุณวาสิต จะส่งลูกชายลงสมัครเขตแทน ส่วนในเขต 1 น่าจะเป็นคุณกิตติกรที่ลงสมัคร

ในส่วนของพรรคพลังประเทศไทย ซึ่งได้วางตัวผู้สมัครไว้ชัดเจนแล้วคือ นายดาชัย อุชุโกศลการ ลงสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ของพรรคอย่างแน่นอน และได้วางตัวนายณฤธร หรือ บอล ถาคำฟู ลงสมัคร ส.ส.เขต 1  แต่ล่าสุดได้มีข่าวลือว่า นายณฤธร ถาคำฟู  จะย้ายจากพรรคพลังประเทศไทย และเตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคชาติไทยพัฒนาที่เคยลงสมัครเมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามไปยัง นายณฤธร ถาคำฟู  เปิดเผยว่า มีผู้ใหญ่ทางพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อได้ทาบทามเข้ามาจริง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร เพราะต่างก็รอดูสถานการณ์อยู่ เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่


ด้านนายดาชัย อุชุโกศลการ หัวหน้าพรรคพลังประเทศไทย  กล่าวว่า  ข่าวลือเกิดขึ้นได้ทุกวัน ซึ่งก็ลือกันไปเรื่องที่ไม่เป็นความจริง แต่ที่แน่ๆ ดาชัย ลงสมัครปาร์ตี้ลิสอันดับ 1 ของพรรคพลังประเทศไทยแน่นอนครับ  ส่วนผู้สมัครคนอื่นๆนั้นคงจะต้องรอดูในวันรับสมัครวันแรกก่อน ซึ่งอาจจะมีหลายคนที่ไม่ได้ลงสมัครในนามพรรคของตัวเอง ให้ความสนใจเข้าร่วมกับพรรคพลังประเทศไทยก็เป็นได้


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 957  20 - 26 ธันวาคม 2556) 
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์