วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวอุทยานฯ บ้านเรากันเถิด



กุลธิดา สืบหล้า...เรื่อง

สำหรับนักนิยมธรรมชาติ เห็นข่าวนักท่องเที่ยวแห่ขึ้นดอยอินทนนท์ ภูชี้ฟ้า ห้วยน้ำดังแล้ว คงรู้สึกท้อใจไม่อยากไปไหนกันบ้างล่ะ ถ้าอย่างนั้นลองหันมาพิจารณาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติใกล้ ๆ ตัวกันหน่อยเป็นไร เพราะจะว่าไปแล้ว จังหวัดลำปางก็มีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งน่าสนใจไม่น้อย

อุทยานแห่งชาติยอดนิยมของบ้านเราที่ใคร ๆ ก็รู้จัก คือ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน ที่นี่มีทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกแจ้ซ้อน ซึ่งน้ำตกแจ้ซ้อนนั้น มีทั้งหมด ชั้น โดยมีทางเดินเลียบไปกับน้ำตก ระยะทาง กิโลเมตร ชั้นแรกชื่อว่าตาดหลวง เป็นชั้นที่สวยที่สุด เพราะมีสายน้ำลดหลั่นกันเป็นจังหวะจะโคน มีปลาพลวงหินว่ายไปมา ชั้นที่ ชื่อตาดไทร สายน้ำไหลลงมาตามผาหินสูงชัน ชั้นนี้น้ำลึกและไหลแรง ชั้นที่ ชื่อตาดรุ้ง ชั้นที่ วังหม้อ ตรงนี้มีแอ่งน้ำใหญ่พอให้นั่งห้อยขาแช่ได้ เดินข้ามลำน้ำไปถึงชั้นที่ ชื่อตาดครก สุดทางที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ อันที่จริงยังมีทางเดินต่อไปได้ เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติน้ำตกแม่เปียก ระยะทาง กิโลเมตร ซึ่งจะผ่านน้ำตก แห่ง คือ น้ำตกแม่เปียกและน้ำตกวังไฮ แต่ต้องใช้เวลาอีกราว ๆ ชั่วโมง

เดินป่าเบา ๆ กลับลงมาแช่น้ำแร่กันดีกว่า บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติเปรียบดังไฮไลต์ของอุทยานฯ แห่งนี้ แต่ละบ่อมีอุณหภูมิเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 75 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมนำไข่ไก่ หรือไข่นกกระทาใส่ชะลอม แล้วเอาไปแช่เพื่อที่จะรอกินไข่น้ำแร่ กระทั่งเกิดเป็นเมนูที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงอุทยานฯ แล้วต้องสั่ง คือ ไข่ยำน้ำแร่นั่นเอง ส่วนใครที่ต้องการแช่น้ำแร่ ทางอุทยานฯ ก็จัดเตรียมทั้งห้องแช่แบบเดี่ยวและห้องแช่แบบรวมไว้ให้บริการ แช่แค่ 10 นาทีกำลังดี นานกว่านี้อาจเป็นลมได้ เพราะอุณหภูมิ 39-42 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

อุทยานแห่งชาติดอยจง อำเภอสบปราบ อุทยานฯ เล็ก ๆ แห่งนี้อาจไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม แต่เชื่อเถอะว่า ธรรมชาตินั้นมีเสน่ห์ในตัวของตัวเองเสมอ

ดอยจง คือชื่อของยอดเขาสูง 1,379 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งนับเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานฯ จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบการเดินป่า ยอดดอยจงเคยเป็นสถานีโทรคมนาคมดอยจงของกองทัพอากาศ อากาศเย็นสบายตลอดปี ส่วนในฤดูหนาวอากาศหนาวจัด ลมแรง จากบนยอดมองเห็นทิวทัศน์ได้รอบด้าน เห็นตัวอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดลำปางและแนวเทือกเขาสลับซับซ้อน ทั้งยังเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นและตกได้สวยงาม บริเวณยอดดอยจงมีป่าสนสองใบและสนสามใบตามธรรมชาติที่ยังคงสภาพสมบูรณ์สวยงาม รวมทั้งมีไม้ก่อชนิดต่าง ๆ ขึ้นกระจายเป็นบริเวณกว้าง บนเทือกเขาทางด้านทิศใต้ของยอดดอยจงยังมีการสำรวจพบกล้วยไม้ฟ้ามุ่ยที่มีสีและดอกสวยสดกว่าแหล่งอื่น ๆ ของประเทศ นอกจากนี้ บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ยังมีอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ยองที่สวยงาม

อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อำเภองาว ถ้ำผาไทนับเป็นถ้ำที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ลักษณะเป็นโถงขนาดใหญ่เกิดจากภูเขาหินปูน มีความลึกจากปากถ้ำ 1,150 เมตร ภายในถ้ำเดินชมได้อย่างสะดวกสบาย เพราะทางอุทยานฯ ติดตั้งไฟส่องสว่างไว้ตลอดทาง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ เคยเสด็จประพาส และได้ทรงจารึกอักษรพระปรมาภิไธย ป.ป.ร. บนผนังหินที่ปากถ้ำ ทั้งยังมีรายงานของนักสำรวจถ้ำว่า โถงย่อยบางส่วนของถ้ำผาไทมีตะกอนถ้ำ ซึ่งเป็นชั้นของเถ้าภูเขาไฟ จากการพิสูจน์อายุโดยใช้เทคนิคโพแทสเซียม / อาร์กอน พบว่า เถ้านี้มีอายุประมาณ 9.36 ล้านปี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่า เถ้าภูเขาไฟนี้เป็นการตกตะกอนชนิดปฐมภูมิและไม่ได้ถูกนำพาเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้ นั่นหมายความว่า ถ้ำผาไทเป็นถ้ำที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว

หล่มภูเขียวก็เป็นแหล่งธรรมชาติมาแรงของอุทยานฯ แห่งนี้ ด้วยความที่เป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่สีมรกตกลางป่าดิบแล้ง ใคร ๆ ก็อยากไปชมความงามแปลกตาที่ดูลึกลับจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไปแล้ว

อุทยานแห่งชาติแม่วะ อำเภอเถิน มีไฮไลต์อยู่ที่น้ำตกแม่วะ ซึ่งมีทั้งหมด ชั้น เส้นทางเดินชมน้ำตกชั้นที่ 1-8 มีระยะทาง 2.9 กิโลเมตร ส่วนชั้นที่ ชื่อตาดหลวง สูง 10 เมตร หากใครอยากขึ้นไปต้องปีนผาจากน้ำตกชั้นที่ แล้วเดินเท้าต่ออีกไกลพอสมควร อย่างไรก็ตาม อุทยานฯ ก็มีเส้นทางเดินชมป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรังบนสันเขาไปสิ้นสุดบริเวณน้ำตกชั้นที่ ระยะทาง 3.8 กิโลเมตร น่าสนใจไม่น้อย

สำหรับอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลแม้จะอยู่ในเขตจังหวัดลำพูน แต่จากตัวเมืองลำปางก็สามารถไปเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย นึกสนุกก็กระโดดขึ้นรถไฟจากสถานีรถไฟลำปางไปลงที่สถานีขุนตาน ก่อนเดินขึ้นดอยแวะที่อนุสรณ์สถานเล็ก ๆ หน้าอุโมงค์ อนุสรณ์ที่รำลึกถึงเอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ วิศวกรผู้ขุดเจาะอุโมงค์ขุนตาน

จากปากอุโมงค์เดินตามทางที่พาดขึ้นไหล่ดอยจะถึงที่ทำการอุทยานฯ แวะขอข้อมูลสักหน่อยก่อนบ่ายหน้าไป ย. ต่าง ๆ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ดอยขุนตานนับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ย. หมายถึงจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ที่ใช้สังเกตการณ์เขตลำพูนและลำปาง บนยอดมี ย.ถึง ย. 4

ย. มีเรือนไม้สีเหลืองบนไหล่ดอยของพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เมื่อครั้งเสด็จมาเป็นแม่งานสร้างอุโมงค์ขุนตานเมื่อปี พ.ศ. 2450-2460 ย. มีบ้านสวนของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่เงียบสงบ และยังมีลานกางเต็นท์อยู่ในป่าสน ย. มีบ้านพักมิชชันนารีในความดูแลของมหาวิทยาลัยพายัพ ส่วน ย. เป็นจุดสูงสุด ไม่มีบ้านพัก แต่ทิวทัศน์สวย

อุทยานแห่งชาติทั้ง แห่งอาจไม่งดงามอลังการเหมือนที่อื่น แต่ก็คงดีไม่น้อย หากทุกคนจะเปิดใจมองมุมใหม่ว่า เราสามารถเรียนรู้ธรรมชาติได้ แม้แต่ในสวนหลังบ้านของเราเอง



            
Share:

เรื่องเล่าเคล้ารสชาติ ใน 5 ร้านอาหารเก่าแก่เมืองลำปาง



อะไรที่ทำให้ร้านอาหารสักร้านหนึ่งยืนหยัดผ่านกาลเวลามาได้ไม่ต่ำกว่า 30 ปี หากไม่ใช่รสชาติที่โดดเด่น ก็คงเป็นอดีตหอมหวานที่เคล้าอยู่ในบรรยากาศของการกิน ที่ซึ่งเราจะระลึกถึงได้ ยามเมื่อนั่งลงที่โต๊ะตัวเดิม พร้อมกับละเลียดอาหารจานโปรดตรงหน้า นี่คือ ร้านอาหารที่ใครสักคนอาจคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก

โอชาวัฒนา  คลาสสิกไม่เคยเปลี่ยน

หากใครเคยเป็นลูกค้าของโอชาวัฒนามาตั้งแต่เมื่อเริ่มเปิดในปี พ.ศ. 2522 คุณคงรู้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ทั้งบรรยากาศภายในร้านและรสชาติของอาหาร โอชาวัฒนายังคงเสิร์ฟเมนูอาหารเป็นชุดในร้านที่ดูราวกับภัตตาคารจีนแสนคลาสสิก

โอชาวัฒนาสร้างชื่อมาจากร้านข้าวขาหมูของอากงแถวสี่แยกดอนปาน ก่อนที่สูตรขาหมูพะโล้รสเลิศจะตกทอดมาถึงสุรศักดิ์ ตรรกไพจิตร สุรัตน์ ตรรกไพจิตร-ภรรยา และลูกสาว ซึ่งช่วยกันทำให้ร้านอาหารร้านนี้ถูกพูดถึงกันแบบปากต่อปากในหมู่ข้าราชการที่นับเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก

จุดเด่นของร้านอยู่ที่เมนูอาหารชุดระดับเชลล์ชวนชิม โดย ชุด ประกอบไปด้วยอาหาร อย่าง ได้แก่ เป็ดพะโล้ ขาหมูพะโล้ ต้มจืดสาหร่ายทะเล ไส้กรอกเซี่ยงไฮ้ หมู / เนื้อผัดน้ำมันหอย และผัดคะน้าน้ำมันหอย โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ไส้กรอกเซี่ยงไฮ้ (ฟองเต้าหู้ห่อไข่เค็มและกุนเชียง) ซึ่งหากินได้ไม่ง่ายนัก ส่วนขาหมูพะโล้เลือกใช้เฉพาะขาแก่ เคี่ยวด้วยเตาถ่านนานถึง วันเพื่อให้เข้าเนื้อ กระทั่งได้ขาหมูเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำเช่นเดียวกับเป็ดพะโล้

นอกจากอาหารชุด ลูกค้าสามารถเลือกสั่งอาหารจานเดียว หรือจานเด็ดที่ไม่ได้อยู่ในเมนู แต่รู้กันในหมู่ลูกค้าประจำ นั่นคือ เห็ดหูหนูผัดไข่ รวมถึงเมนูพิเศษเฉพาะวันพุธ-พฤหัสบดีอย่างเกาเหลาเนื้อตุ๋น ซึ่งอาหารทั้งหมดในร้านปลอดผงชูรสและเน้นความสะอาด สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจต่อสุขภาพของลูกค้า

โอชาวัฒนาเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-15.00 นาฬิกา

ข้าวซอยคำแสน  42 ปีแห่งความอร่อย

เมื่อครั้งที่แม่คำแสน วิรบุตร์ ได้สูตรข้าวซอยมา ก็ค่อย ๆ ปรับจนได้ข้าวซอยในแบบเฉพาะของตนเอง และเปิดร้านข้าวซอยคำแสนในปี พ.ศ. 2515 ซึ่งนับเป็นข้าวซอยในยุคแรก ๆ ของเมืองลำปาง

ข้าวซอยเนื้อเปื่อยคือจุดเด่นของร้านนี้ นี่คือสูตรดั้งเดิมของแม่คำแสนที่ไม่เคยเปลี่ยน เนื้อวัวต้องนำมาคั่วน้ำมันเพื่อดับคาวก่อน จากนั้นจึงต้ม ขั้นตอนนี้มีสูตรลับที่ทำให้ข้าวซอยเนื้อยังคงมัดใจลูกค้าประจำได้อยู่หมัด ส่วนข้าวซอยหมูทางร้านใช้หมูแดง ข้าวซอยไก่จะนำไก่ไปทอดก่อน แล้วจึงหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ส่วนข้าวซอยลูกชิ้นนั้นเพิ่มเข้ามาภายหลัง โดยน้ำแกงข้าวซอยจะแยกหม้อเนื้อออกไปสำหรับลูกค้าที่ไม่กินเนื้อ นอกจากนี้ ยังมีซุปข้าวซอย คือ ข้าวซอยไม่ใส่เส้น แต่โรยด้วยหมี่กรอบแทน มีข้าวซอยสำหรับเด็ก และก๋วยเตี๋ยวเนื้อ-หมูครบครัน

แม้ว่าวันนี้แม่คำแสนในวัย 84 ปีจะวางมือให้ทายาทรุ่นที่สองอย่างนวรัตน์ จิโนรส-ลูกสาว และวรยุทธ์ วิรบุตร์-ลูกชาย ช่วยกันดูแลร้านแทน คนหนึ่งปรุงและดำรงไว้ซึ่งรสชาติที่สั่งสมมา คนหนึ่งบริการอย่างนอบน้อมและเป็นกันเอง เมื่อบวกรวมเข้ากับบรรยากาศโปร่งโล่ง นั่งสบาย ก็กลายเป็นส่วนผสมลงตัวทำให้ข้าวซอยคำแสนยังคงกลมกล่อมจนถึงทุกวันนี้

ข้าวซอยคำแสนเปิดทุกวัน เวลา 08.00-14.00 นาฬิกา

อัศวินชวนชิม  หนึ่งเดียวในลำปาง        

ซามเซียนเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2520 อาหารของชาวจีนแคะจานนี้ประกอบด้วยวัตถุดิบ อย่าง ซึ่งคนจีนแคะเรียกว่า ซามเซียน ได้แก่ ซี่โครงหมู กระเพาะหมู และเห็ดฟ้า ตุ๋นจนเปื่อยเข้ากันแบบพอดิบพอดี

ยิ่ง จันทร์เขียว สืบทอดเคล็ดลับความอร่อยนี้จากอากงชาวจีนแคะ เดิมที่ขายเพียงก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น เมื่อเพิ่มซามเซียนเข้าไปก็ถูกอกถูกใจลูกค้ายิ่งนัก กลายเป็นจุดขายเพราะหากินได้ที่นี่ที่เดียว เท่านั้นยังไม่พอ จากไก่ตุ๋นคราวนี้ลองนำไก่ไปทอด ก่อนจะวางลงเคียงข้างกับบะหมี่แห้ง กลายเป็นเมนูยอดฮิตอย่างบะหมี่แห้งไก่ทอดหนึ่งเดียวในลำปาง ขวัญใจเด็ก ๆ โดยแท้ นอกจากเส้นบะหมี่สั่งทำพิเศษที่เหนียวนุ่ม ไม่เละ น่าสนใจตรงที่ร้านนี้มีเส้นมักกะโรนีให้เลือกอีกอย่าง พิเศษไม่เหมือนใครอีกเช่นกัน

แม้ดูเหมือนจะเน้นไปที่เมนูแห้ง ๆ อย่างบะหมี่แห้งไก่ทอด บะหมี่แห้งซามเซียน บะหมี่แห้งไก่ตุ๋น และบะหมี่แห้งลูกชิ้น แต่การทำน้ำซุปของที่นี่ก็พิถีพิถันด้วยการใช้ซี่โครงหมูกับซี่โครงไก่ต้มรวมกัน ใส่รากผักชี พริกไทย ซีอิ๊ว เหยาะเกลือนิดหน่อยเพื่อความใสน่ากิน ซึ่งก็ไม่แปลกหากใครจะสั่งชามที่ ต่อเวลาความอร่อยออกไปอีก

อัศวินชวนชิมเปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 นาฬิกา

ร้านอาหารแม่แห   รสมือแม่แบบดั้งเดิม

ร้านอาหารแม่แหเปิดขายอาหารพื้นเมืองบนถนนอุปราชมาตั้งแต่รุ่นแม่แห รัตนทากุล โดยสูตรอาหารทั้งหมดได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ ซึ่งเป็นแม่ครัวอยู่ในคุ้มหลวงของเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต

สุวภีร์ เตียสิริวโรดม ลูกสาวของแม่แหในวัย 70 ปี ยังคงรักษารสชาติดั้งเดิมของอาหารพื้นถิ่นลำปางไว้อย่างไม่ตกหล่น โดยของต้องใหม่และสดเสมอ สุวภีร์ยังคงตื่นเช้าเพื่อไปเลือกของสดที่ตลาดด้วยตนเอง แม้แต่ขั้นตอนการทำอาหารหลายอย่างก็ยังคงแบบเดิม ๆ อย่างการนำพริก หอมแดง กระเทียม เสียบไม้ปิ้งด้วยเตาถ่าน หรือไส้อั่วที่ย่างด้วยวิธีโบราณจากกาบมะพร้าวกว่า ชั่วโมง กว่าจะได้ไส้อั่วที่หอมควันเจืออยู่บาง ๆ เป็นเอกลักษณ์

เมนูเด่น ๆ อย่างไส้อั่ว แกงโฮะ น้ำพริกต่าง ๆ ตำมะเขือ และแกงฮังเล โดยอย่างหลังจะเคี่ยวจนน้ำแกงชุ่มอยู่ในเนื้อหมูติดมันหอมกลมกล่อม นักท่องเที่ยวฝรั่งและญี่ปุ่นติดใจกันมานักต่อนัก ทั้งหมดนี้จะทำยืนพื้นขายทุกวัน โดยมีเมนูอื่นสลับสับเปลี่ยนกันมาเป็นสีสัน รวมถึงเมนูพิเศษตามฤดูกาล ใครไม่อยากกินอาหารเมืองก็มีอาหารไทยให้เลือกหลายอย่าง ร้านนี้ยังมีเอกลักษณ์อยู่ที่การใช้ข้าวเหนียวและข้าวสวยที่เป็นข้าวกล้อง ช่วงไหนได้ข้าวใหม่มาหุงร้อน ๆ นุ่ม ๆ ยิ่งทำให้เจริญอาหารกันเข้าไปใหญ่

คุณชายถนัดศรียังกล่าวไว้ว่า อาหาร Original เหมือนมากินที่บ้าน”              

ร้านอาหารแม่แหเปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.30 นาฬิกา แต่จะปิดในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ ของทุกเดือน

ข้าวมันไก่พงษ์หลี  ข้าวมันไก่ครึ่งศตวรรษ !          

แม้จะไม่สามารถยืนยัน พ.ศ. ที่แน่ชัดได้ แต่หลังจากไล่เรียงกันในครอบครัวแล้ว กฤตนันท์ หาญหฤทโยดม ก็พอจะกะอายุอานามคร่าว ๆ ของข้าวมันไก่พงษ์หลีว่าราว ๆ 50 ปีเห็นจะได้

อากงของกฤตนันท์ได้สูตรข้าวมันไก่มาจากกรุงเทพฯ แล้วจึงให้อาม่าลองทำขายที่ใต้ถุนโรงแรมย่านสถานีรถไฟลำปาง ช่วงเวลานั้นดูเหมือนข้าวมันไก่จะเป็นของใหม่สำหรับคนลำปาง จึงขายไม่ดีนัก ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเป็นที่รู้จัก

ร้านพงษ์หลีใช้ไก่พันธุ์เนื้อที่เน้นความสดใหม่ ต้มด้วยกรรมวิธีที่ไม่ทำให้หนังแตก ความพิเศษยังอยู่ที่การเลือกใช้ข้าวหอมมะลิแท้ หุงแล้วได้ข้าวเม็ดสวยน่ากิน และน้ำจิ้มสูตรเด็ด หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของร้านข้าวมันไก่ รวมถึงเทคนิคอย่างการสับไก่ให้สวย และจัดเรียงไก่บนข้าวอย่างไรให้ดูน่ากิน นี่คือเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งกฤตนันท์ยอมรับว่าในช่วงแรก ๆ ที่มารับหน้าที่ยืนอยู่หน้าเขียงยังทำได้ไม่ดีเท่าอาม่า

ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านพงษ์หลีเป็นลูกค้าเก่าแก่ สมัยเป็นเด็กปู่ย่าตายายเคยเดินจูงมือไปซื้อกับอาม่าของกฤตนันท์ พอมาถึงวันนี้ก็จูงมือลูกหลานของตนมากินรสมือที่ตนเองคุ้นเคยบ้าง อาจบางที มากกว่ารสชาติอาหาร มันคือความผูกพันที่ร้านอาหารร้านหนึ่งพึงต้องเก็บรักษาไว้

ข้าวมันไก่พงษ์หลีเปิดทุกวัน เวลา 06.00-12.00 นาฬิกา

Share:

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

'58 จับชีพจรลป.ปีทองท่องเที่ยวอันซีนวันเฉลิมฯ-ก่อสร้างขยาย



ลำปางเตรียมรับปีทองท่องเที่ยว 2558  ขยายตัวเป็นลูกโซ่หนุนเสริมค้าขายและเซรามิค ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างคาดดีขึ้นจากการขยายตัวของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์   และหน่วยงานภาครัฐมีการอนุมัติงบประมาณ ในการก่อสร้างโครงการต่างๆไว้แล้ว

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช ท่องเที่ยวและการกีฬาจังหวัดลำปาง กล่าวว่า หากมองภาพรวมของการท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง ในปี 2557 ที่ผ่านมา มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวก และจะเห็นได้ว่าทุกภาคส่วนให้ความสำคัญในการพัฒนาให้เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและ เกิดความร่วมมือกันในหน่วยงานรับและเอกชน เพื่อผลักดันการก้าวเข้าสู่ปีการท่องเที่ยว 2558 ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ส่งผลให้ตัวเลขสถิติของนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาเที่ยวในจังหวัดลำปาง โตขึ้น มากกว่า 10 % เมื่อเทียบ กับปี 2556 และแนวโน้มของการท่องเที่ยวปี 58 จะมีโอกาสที่มากขึ้นเนื่องจากนโยบายการท่องเที่ยวหลายภาคส่วนที่ให้ความสำคัญกับจังหวัดลำปาง เช่น สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การคัดเลือกจังหวัดลำปางให้เป็น 1 ใน 12 จังหวัดที่ห้ามพลาด ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำหนดให้ปี 58 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทย ซึ่งสอดคล้องกับส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวลำปาง ที่จะส่งเสริมให้ ลำปางเป็นเมืองท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้ ศึกษาดูงาน

นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับ การกำหนดเขตการพัฒนาท่องเที่ยว ซึ่งลำปางเป็นหนึ่ง ใน 5 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ(ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา) ที่อยู่ในเขตการพัฒนาท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา และที่เห็นได้จัดเจนที่สุด ขณะนี้คือ มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆที่เป็นที่รับรู้ในวงการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลายแห่งพร้อมๆกัน จึงเป็นโอกาสให้การท่องเที่ยวลำปาง เติบโตแบบก้าวกระโดด

ปัจจุบัน จ.ลำปางเริ่มบูมเรื่องการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะวัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง หรือที่รู้จักกันในชื่อของวัดเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวแห่เข้ามาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมากวันละไม่ต่ำกว่า 1,500 คน  เป็นผลพวงมาจากการถ่ายภาพมุมสูงที่สวยงามของวัด และความอัศจรรย์ในการก่อสร้างลงผ่านทางโซเชียลมีเดียร์จำนวนมาก จนทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือในความสวยงาม ซึ่งนักท่องเที่ยวหวังว่าจะมาพิชิตยอดดอยสักครั้ง

นายอนุรักษ์ นภาวรรณ ผู้บริหาร บริษัท อินทราเซรามิค จำกัด  กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมว่า ในปี 58 คิดว่าน่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามก็คงเอาแน่นอนยังไม่ได้ เพราะหากมีอะไรเข้ามากระทบนิดหน่อยเศรษฐกิจก็จะเปลี่ยนแปลงได้ทันที จากที่คาดการณ์ไว้มองว่าด้านภาคการท่องเที่ยวจะดีขึ้นแน่นอน เพราะมีการโปรโมทค่อนข้างมาก เกี่ยวกับลำปางเมืองที่ต้องห้ามพลาด เห็นได้จากการที่มีธุรกิจโรงแรมเกิดใหม่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดมากขึ้น ก็จะส่งผลให้มีการจับจ่ายซื้อสินค้าในจังหวัด รวมทั้งสินค้าเซรามิคมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเอื้อประโยชน์กันได้ในระดับหนึ่ง

ในส่วนของการตลาด นายอนุรักษ์ กล่าวว่า บริษัทอินทราเซรามิค เปิดการตลาดได้ทั่วโลกอยู่แล้ว โดยมีการส่งขายออกต่างประเทศค่อนข้างมาก แต่ต้องติดตามลูกค้าทั้งเก่าและใหม่  ส่วนในประเทศคาดหวังว่าปีหน้าน่าจะดีขึ้น มีการตั้งเป้าไว้มากกว่าปีนี้นิดหน่อย ตอนนี้แต่ละธุรกิจยังคงไม่มีการขยับขยายมากนัก เนื่องจากต้องรักษากำลังผลิตเดิมให้เต็มก่อน

นางนพวรรณ โชติกนันท์ ผู้บริหาร ฝ่ายการตลาด บริษัท พี.เอ.คอนกรีต จำกัด เปิดเผยว่า  บริษัท พี.เอ.คอนกรีต ได้ดำเนินงานมาแล้วถึง 40 ปี ภายใต้การบริหารงานของคุณพ่อ ประโยชน์ โชติกนันท์  ซึ่งงานของ พี.เอ.จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเป็นงานที่อยู่อาศัย บ้านจัดสรร การก่อสร้างอาคารบ้านเรือนทั่วไป ซึ่งยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง  ส่วนที่สองคือกลุ่มเมกะโปรเจ็ค ที่จะได้รับงานมาจากทางหน่วยงานภาครัฐ เช่น การผลิตท่อเหลี่ยม คานสะพาน  เสาเข็มอาคารใหญ่ๆ เป็นต้น  ในช่วงปี 57 ที่ผ่านมา ทาง พี.เอ.ได้รับงานเมกะโปรเจ็คใหญ่ๆมียอดขายที่สูงพอสมควรในครึ่งปีแรก  ส่วนครึ่งปีหลังจะเป็นงานที่รับจากเอกชนทั่วไปเกี่ยวกับงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยเข้ามาเป็นส่วนใหญ่

สำหรับตลาดของบริษัท พี.เอ. จะอยู่ในโซนของกลุ่มภาคเหนือตอนบน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีแผนการขยายด้านการตลาด เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน ในส่วนของคู่แข่งทางการค้านั้น ย่อมมีเกิดขึ้นแน่นอน แต่ทางบริษัทเราได้เน้นย้ำในเรื่องของแบรนด์ พี.เอ.คอนกรีต เป็นเจ้าหลักในลำปางที่มีคุณภาพมาตรฐาน รวมถึงประวัติการทำงานของคุณพ่อประโยชน์ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาและทำธุรกิจนี้มายาวนาน40 ปี เชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้มาก

เมื่อสอบถามถึงการคาดการณ์ธุรกิจการก่อสร้างในปี 58 ที่จะถึงนี้ นางนพวรรณ  กล่าวว่า คาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะเจริญเติบโตดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจการก่อสร้างก็ยังคงเดินหน้าอย่างเนื่อง เพราะในส่วนงานภาครัฐที่มีการอนุมัติงบประมาณไว้แล้วก็จะทำงานได้ตามระบบต่อไป


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1010 ประจำวันที่ 26 ธันวาคม - 8 ธันวาคม  2557)   


Share:

ข่าวดังลานนาโพสต์ รอบปี 57



จอกหูหนูครองกิ่วลม

ลานนาโพสต์เริ่มติดตามปัญหาจอกหูหนูมาตั้งแต่เดือนมกราคม 57  ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจและไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนในเขื่อนกิ่วลมของ จ.ลำปาง ที่มีวัชพืชแพร่กระจายมากมายเต็มผืนน้ำจนมองเห็นเป็นสีเขียวสุดลูกหูลูกตา ทำให้ผืนน้ำกลายเป็นผืนหญ้าได้ในพริบตา โดยลานนาโพสต์ได้เล็งเห็นปัญหาของผู้ประกอบการแพ คือ เมื่อมีจอกแพก็ออกไมได้  จึงได้ติดตามข่าวสารและสอบถามวิธีการแก้ปัญหาไปยังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเกิดการบูรณาการร่วมกับในระดับจังหวัด ร่วมกันเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ภายใต้ชื่อโครงการ เขื่อนสวยน้ำใส คืนความสุขให้ประชาชน ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระชนมายุ 87 พรรษา 5 ธ.ค. 57  จนขณะนี้เดือนธันวาคม 57 สามารถแก้ปัญหาได้ไปในทิศทางที่ดี และเปิดเส้นทางล่องแพได้ เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชุมชนชาวแพเขื่อนกิ่วลม รวมระยะเวลาการเกิดปัญหากว่า 1 ปี

ใบแดงกิตติภูมิ

ในช่วงเดือนมีนาคม 57 เป็นที่ฮือฮาไม่น้อยกลับข่าว กกต.ประกาศให้ใบแดงนายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง  ซึ่งหลายคนแปลกใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากนายกิตติภูมิเคยงัดหลักฐานมาโชว์ว่า กกต.ยกคำร้องเรื่องราวที่ตนเองถูกร้องเรียนการเลือกตั้งทั้งหมดไปแล้ว  ในครั้งนั้นทำให้นายกิตติภูมิ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีไประยะหนึ่ง จนกว่าศาลจะตัดสิน  ซึ่งปรากฏว่า 4 เดือนหลังจากนั้น ในวันที่ 30 กรกฎาคม 57 ศาลอุทธรณ์ภาค ได้พิพากษายกคำร้อง นายกิตติภูมิจึงได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีอีกครั้ง
ถล่มเทศบาลพังยับ
            เดือนเมษายน เกือบทุกปีจะเกิดพายุฝนกระหน่ำลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ของ จ.ลำปาง ตามที่รู้จักกันว่า พายุฤดูร้อน  เนื่องจากเป็นช่วยรอยต่อระหว่างฤดูร้อนและฤดูฝน แต่ในปีนี้ดูเหมือนจะหนักหนาสาหัสกว่าทุกปี เพราะได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองพัดพาสิ่งของเสียหายจำนวนมาก ในเขต ต.พิชัย มีเสาไฟฟ้าล้มถึง 13 ต้น ทำให้ไฟดับยาวนานถึง 8 ชั่วโมง  แต่ที่น่าตกใจก็คือ เทศบาลตำบลปงยางคกที่ถูกพายุพัดจนหลักคา และเหล็กของอาคารพังเสียหาย ร่วงกลาดเกลื่อนพื้น ทั้งที่อาคารสำนักงานเพิ่งเปิดใช้งานได้เพียงเดือนเดียวเท่านั้น ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูว่า วัสดุอุปกรณ์การการก่อสร้างอาคารไม่ได้มาตรฐาน แต่ทางผู้บริหารก็ได้ออกมายืนยันว่า ไม่มีปัญหาการทุจริตอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากพายุหมุนขนาดใหญ่พาดผ่านอาคารสำนักงานพอดี  โดยขณะนี้ทางผู้รับเหมาได้เข้ามาซ่อมแซมอาคารเสร็จเรียบร้อยแล้ว

พ่ายนกหวีด                                

เป็นที่จับตามองอีกเหตุการณ์หนึ่งสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา จ.ลำปาง เนื่องจาก บุญชู ตรีทอง ผู้ประกาศวางมือทางการเมืองโดดลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วย โดยต้องต่อสู้กับคนรุ่นใหม่อย่าง วราวุธ หน่อคำ ทนายความมากความสามารถ ซึ่งหลายคนอ่านเกมไว้ล่วงหน้าแล้วว่า อย่างไรก็ตาม ดีกรีอดีต ส.ส.ลำปางหลายสมัยอย่างบุญชู ตรีทอง คงไม่พลาดเก้าอี้ สว.ลำปางแน่นอน  แต่ปรากฏว่าก่อนการเลือกตั้งมีการปล่อยภาพของ บุญชู ตรีทอง ยืนแนบชิดกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ  ในคอห้อยนกหวีดออกมาดิสเครดิตการเลือกตั้งในครั้งนี้ เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาก็เป็นที่ชัดเจนว่า บุญชู พ่ายการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง คะแนนทิ้งห่างจาก วราวุธ ถึง 32,000 คะแนนเลยทีเดียว

ดาชัยหายตัว                                            

เมื่อคนดังที่ชื่นชอบในการอัพเดทชีวิตประจำวันของตัวเองผ่านทางหน้าเพจเฟสบุ๊กส่วนตัว อย่างดาชัย อุชุโกศลการ ได้หายเงียบไปจากเฟสบุ๊กอย่างไร้ร่องรอย จึงเกิดความคลางแคลงใจว่าผิดวิสัยที่ดาชัยจะเก็บตัวเงียบได้เป็นเวลานานขนาดนี้ ดาชัยหายไปไหน?

ดาชัยได้ผันตัวเข้าสู่วงการการเมืองระดับชาติอย่างเต็มตัวตั้งแต่ได้เริ่มก่อตั้งพรรคพลังประเทศไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 56 จากนั้นได้ลงต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 57 โดยลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสลำดับที่ 1 ของพรรคพลังประเทศไทย แต่ก็ไปไม่ถึงฝันเพราะสมาชิกพรรคไม่ได้รับเลือกแม้แต่ที่เดียว แต่ดาชัย ก็ยังได้ทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะสนับสนุนการเลือกตั้ง ส.ว. การลงพื้นที่พบปะกับประชาชนในนามของพรรคพลังประเทศไทย และมักจะนำภาพกิจกรรมต่างๆของตัวเองลงในเฟสบุ๊กส่วนตัวอย่างตื่นเนื่อง กระทั่งปลายเดือนกรกฎาคม 57  ดาชัยได้หายตัวไปจากเฟสบุ๊ก ความสงสัยของคนลำปางได้เริ่มขึ้นนับแต่นั้นเป็นต้นมาว่าคนติดโซเชียลฯ     อย่างดาชัยจะหายเงียบไปจากเฟสบุ๊กได้อย่างไร นอกจากจะอยู่ในสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวย

ลานนาโพสต์ได้ติดตามข่าวจนกระทั่งทราบว่า เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 57 อัยการจังหวัดนครราชสีมาได้ยื่นฟ้องดาชัยกับพวกรวม 16 คน ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เกี่ยวกับคดีโกงสอบตำรวจที่ดาชัยถูกซัดทอดเมื่อปี 55   และศาลไม่ให้ประกันตัว  จึงเป็นการไขข้อข้องใจได้ว่าดาชัยหายไปไหน ปัจจุบันดาชัยยังคงถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำจังหวัดนครราชสีมาเพื่อรอสืบพยานในเดือนพฤษภาคม 58  หากรวมเวลาที่ดาชัยหายหน้าไปจาก จ.ลำปาง จนถึงปัจจุบันนี้ก็ร่วม 5 เดือนแล้ว


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1010 ประจำวันที่ 26 ธันวาคม - 8 ธันวาคม  2557)   

Share:

พระพุทธรูปเรืองแสง พบองค์เดียวในไทย ณ สำนักสงฆ์พระธาตุอรัญวาส(ดอยวังเฮือ) บ้านผาลาด ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง




พบพระพุทธรูปเรืองแสง ประดิษฐานสำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ จ.ลำปาง  คาดองค์เดียวในประเทศไทย  หลวงพ่อเจ้าสำนักเผยฯต้องการสร้างความแปลกให้ จึงคิดวิธีผสมสารเรืองแสงขึ้นเคลือบไปที่องค์พระที่หล่อด้วยปูนขนาดใหญ่ ระหว่างก่อสร้างได้อธิษฐานจิตจนสำเร็จ แต่เสียดายที่คนลำปางไม่รู้จักมากนัก

“พระโคตรมะ” นามของพระพุทธรูปปางมารวิชัย เครื่องทรงจักรพรรดิ ที่มีขนาดความสูง 18 ศอก หน้าตักกว้าง 8 ศอก ก่อสร้างด้วยปูนทั้งองค์ และเคลือบด้วยสารเรืองแสงถึง 3 ชั้น ประดิษฐานอยู่ในวิหารของสำนักสงฆ์ดอยวังเฮือ เลขที่ 283 บ้านผาลาด ต.พระบาท อ.เมือง  จ.ลำปาง  โดยมีหลวงพ่อภูริปัญโญ ภิกขุ เจ้าสำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นผู้ดูแล และคิดริเริ่มที่จะสร้างพระพุทธรูปเรืองแสงขนาดใหญ่ขึ้น


หลวงพ่อภูริปัญโญ ภิกขุ  เล่าว่า ก่อนหน้านั้น สำนักสงฆ์แห่งนี้เคยมีพระเกจิอาจารย์หลายรูปมา จำพรรษา เช่น หลวงพ่อเมือง (พระครูอะดมเวชวรกุล) พระเกจิชื่อดังของจังหวัดลำปาง เมื่อ 40 กว่าปีก่อน เจ้าอาวาสวัดท่าแหน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ได้ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัตินั่งสมาธิ วิปัสนากรรมฐาน และได้เริ่มสร้างเจดีย์และกุฏิขึ้น เมื่อหลวงพ่อได้มรณภาพลงในปี 2519  พลวงพ่อแสนได้ดูแลมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งประมาณปี 2540 สมเด็จพระญาณสังวรพระสังฆราชเจ้าได้ประทาน พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า อัญเชิญมาบรรจุไว้ในพระเจดีย์ และมีคณะศรัทธาจากหน่วยงานต่างได้มาทำบุญประจำทุกปี แต่หลังจากที่พระเกจิท่านเหล่านั้นได้มรณภาพลง สถานที่แห่งนี้ก็เริ่มเงียบเหงา มีพระมาธุดงค์ขึ้นไปพักบ้างครั้งคราว แต่ก็ขาดการดูแล จนกระทั่งถูกปล่อยให้รกร้างมาเป็นเวลาหลายสิบปี



และเมื่อปี 2553 ลูกศิษย์ ของหลวงพ่อภูริปัญโญ ภิกขุ ได้นิมนต์ ให้มาจำพรรษาที่แห่งนี้ จึงได้ร่วมกับลูกศิษย์และ คณะศรัทธา พัฒนาพื้นที่และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จากนั้นก็เริ่มสร้างพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ จะตั้งประดิษฐาน รอบสำนักสงฆ์ ตั้งแต่ทางขึ้นไปจนถึงภายในวิหารของสำนักสงฆ์ฯ  เพื่อที่จะให้เป็นสถานที่ ศึกษาเรียนรู้พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และที่พิเศษในสำนักสงฆ์แห่งนี้  คือพระพุทธรูปองค์ที่ 28  นามว่าพระโคตมะพุทธเจ้า  ที่เรืองแสงได้ ตั้งภายในวิหาร มีพระนามเดิมในภาษาบาลีว่า สิทธัตถะ โคตมะ หรือในภาษาสันสกฤตว่า สิทฺธารฺถ เคาตมะ เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ผู้เป็นศาสดาของศาสนาพุทธ สาวกของพระองค์ไม่นิยมออกพระนามโดยตรง แต่เรียกตามพระสมัญญาว่า "ภควา" (พระผู้มีพระภาคเจ้า) ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้หาก มองในเวลาปกติจะเห็นเป็นสีขาวนวลออกเหลือง แต่หากปิดประตูหน้าต่างหรือเวลามืดค่ำแล้ว พระพุทธรูปองค์นี้จะเรืองแสง เป็นสีเขียวมรกตทันที ทำให้เป็นที่ตื่นตาแปลกใจแก่ผู้พบเห็น


หลวงพ่อภูริปัญโญ ภิกขุ กล่าวว่า ได้เริ่มสร้างพระพุทธรูป พระโคตรมะขึ้นเมื่อมี 2554 โดยในตอนนั้นต้องการที่จะสร้างสิ่งที่แปลกใหม่ ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน จึงอาศัยวิชาที่เคยร่ำเรียนมาก่อนที่จะบวชเป็นพระ คิดทำพระพุทธรูปเรืองแสงขึ้น  ในตอนนั้นได้อธิษฐานจิตว่า ต้องการสร้างพระพุทธรูป 28 พระองค์ไว้ที่นี่ โดยมีองค์เรืองแสง 1 องค์  ก็ได้มีพระภิกษุสงฆ์จากหลายวัดทั้งต่างจังหวัดและในจังหวัด เดินทางมาช่วยกันก่อสร้างอย่างไม่น่าเชื่อ โดยได้ช่วยกันหล่อปูนเป็นองค์พระขึ้น จนเสร็จสิ้นทั้งหมด 27 องค์ จนถึงองค์สุดท้ายองค์ 28   เมื่อหล่อปูนขึ้นรูปองค์พระพุทธรูปได้ ก็ได้ทำการผสมสารเรืองแสงและเคลือบเข้าไปที่องค์พระพุทธรูปถึง 3 ชั้น  จนประสบความสำเร็จ โดยใช้เวลาก่อสร้างเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน  เคยมีวัดแห่งอื่นๆ ที่ทำเช่นกัน แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จ  ซึ่งถือว่า พระโคตรมะ เป็นพระพุทธรูปเรืองแสงองค์เดียวในประเทศไทย  จากนั้นก็จะมีคณะศรัทธาที่มาสำนักสงฆ์แห่งนี้มากราบไหว้ประจำอย่างไม่ขาดสายส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างจังหวัด และคนขับรถผ่านทางพลัดหลงเข้ามา เพราะคนในพื้นที่เองยังไม่ทราบว่ามีการบูรณะและสร้างพระพุทธรูปขึ้นในที่แห่งนี้ ทั้งที่อยู่ห่างจากเมืองลำปางไม่ถึง 10 กิโลเมตร ส่วนสำนักสงฆ์ฯแห่งนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอขึ้นทะเบียนตั้งเป็นชื่อวัด ซึ่งยังอยู่ในเรื่องการดำเนินการเพื่อพิจารณาต่อไป



(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1010 ประจำวันที่ 26 ธันวาคม - 8 ธันวาคม  2557)   

Share:

คืนน้ำใสกิ่วลม เปิดล่องแพรับปีใหม่

เปิดเส้นทางล่องแพเขื่อนกิ่วลมรับปีใหม่  หลังกำจัดจอกหูหนูตามโครงการเขื่อนสวยน้ำใส เหลืออีกเพียง 50 ไร่  ผู้ประกอบการแพพร้อมรับนักท่องเที่ยว เริ่มมีทัวร์เข้าแล้ว คาดปีใหม่จะคึกคักเหมือนที่ผ่านมา

ลานนาโพสต์ได้ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาจอกหูหนูที่แพร่กระจายอยู่ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนกิ่วลมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 28 ต.ค.57 ที่ผ่านมา  โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางได้เป็นประธานเปิดโครงการเขื่อนสวย น้ำใส คืนความสุขให้ประชาชน ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระชนมายุ 87 พรรษา 5 ธ.ค. 57



โดยเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.57 ได้สอบถามความคืบหน้าการกำจัดจอกหูหนูไปยังนายวศิน ลีลาชินาเวศ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ทราบว่าได้ดำเนินการในส่วนที่กั้นไว้ล็อกที่ 4 แล้ว เหลือปริมาณจอกหูหนูอีก 1 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกินสิ้นเดือน จะเปิดทางให้ล่องแพได้ตามปกติ แต่จะมีส่วนด้านข้างที่ยังกักไว้ก็จะดำเนินการต่อไปให้เสร็จ รวมทั้งในส่วนของซากจอกที่ลอยกระจายมาทางหน้าเขื่อนบ้างส่วน ก็จะทยอยเก็บรายละเอียดหลังจากกำจัดล็อกที่ 4 เสร็จแล้ว

ล่าสุดวันที่ 25 ธ.ค.57 ลานนาโพสต์ได้ติดตามความคืบหน้าอีกครั้ง ซึ่งนายวศิน  เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เปิดเส้นทางให้ผู้ประกอบการแพล่องแพได้ตามปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ทันรอบรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้  ในตอนนี้ยังคงเหลือจอกหูหนูที่ใช้ไม้ไผ่กั้นไว้บริเวณด้านข้างอีกประมาณ 50 ไร่ ที่จะต้องดำเนินการเก็บออกเสร็จตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ของโครงการเขื่อนสวยน้ำใส คือกำจัดจอกหูหนูในระยะทาง 6 กิโลเมตรแรก  ซึ่งในส่วนนี้อาจจะต้องดำเนินการหลังช่วงปีใหม่ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวที่ทางเจ้าหน้าที่และคนงานจะได้หยุดพักผ่อนและกลับไปสังสรรค์ปีใหม่กับครอบครัว  นอกจากนั้นยังมีในส่วนของจอกหูหนูที่เรากั้นไว้อยู่ในอ่างทั้งหมดเหลืออีกประมาณ 1,000 ไร่  ซึ่งส่วนนี้ต้องของบประมาณเข้ามาดำเนินการต่อไป

นายปั๋น มีครัว  เจ้าของแพแม่วังทอง  กล่าวว่า  ตนเองจอดแพประจำอยู่ทางฝั่งเขื่อนกิ่วลม ตั้งแต่ประสบปัญหาจอกหูหนู และทางหน่วยงานได้เข้ามาแก้ไข ต้องหยุดล่องแพไป 3 เดือน และเพิ่งเปิดล่องได้เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ประสบปัญหาคือลูกค้าลดน้อยลงเพราะหยุดไปนาน ซึ่งตามปกติช่วงเดือน ธ.ค.-ม.ค. จะมีลูกค้าแน่น มีแพออกต่อเนื่อง แต่ปีนี้คิวจองลดลง  ตอนนี้ก็เริ่มจะมีลูกค้าเข้ามาบ้างแล้ว หวังว่าในช่วงปีใหม่จะมีเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อจะได้สร้างรายได้ให้กับชาวแพหลังจากต้องหยุดกิจการไปนาน

นายปั๋น กล่าวอีกว่า  ก็มีบ้างที่ทำให้หงุดหงิดในช่วงที่ต้องหยุดงาน แต่ก็เห็นว่าทาง ผอ.โครงการฯ และเจ้าหน้าที่ได้พยายามทำงานอย่างเต็มที่ให้ชาวแพสามารถล่องได้ ซึ่งทางผู้ประกอบการก็ค่อนข้างพึงพอใจ อยากเชิญชวนให้คนลำปางหรือนักท่องเที่ยวชาวต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยวเขื่อนกิ่วลมเยอะๆ เพราะตอนนี้ปัญหาจอกหูหนูก็คลี่คลายลงไปแล้ว ยังคงมีธรรมชาติและขุนเขาที่สวยงามรอให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมอยู่

ด้านผู้ประกอบการแพอ้อมวารี ฝั่งสำเภาทอง  กล่าวว่า ที่ผ่านมาในช่วงที่ปิดทางแก้ปัญหาจอกหูหนูทางแพก็สามารถล่องไปได้ครึ่งทาง ซึ่งก็มีลูกค้าเข้ามาอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่าปีที่ผ่านมา แต่ตั้งแต่เดือน ธ.ค.มานี้เมื่อเปิดเส้นทางแล้วก็เริ่มมีลูกค้าติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่นี้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1010 ประจำวันที่ 26 ธันวาคม - 8 ธันวาคม  2557)   



Share:

หมอลำปางเจ๋ง ตาบอด 35 ปี รักษาหาย



หนุ่มใหญ่ลำปางพิการตาบอด ทุกข์ทรมานนานถึง 35 ปี เข้ารรับการรักษากับจักษุแพทย์โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี ทำให้ตากลับมามองเห็นได้อีกครั้ง

ร้อยเอกยงยุทธ  เสวกวิหาร  อายุ  66  ปี  อยู่บ้านเลขที่  558  ม.15  ต.บ่อแฮ้ว  อ.เมือง  จ.ลำปาง  มีอาการตาข้างขวามองไม่เห็นมาตั้งแต่ปี  2523  รวมระยะเวลาถึงปัจจุบันมองไม่เห็นมา  34  ปีแล้ว  ได้เข้ารับการผ่าตัดรักษาที่โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรีลำปาง  โดยมีนายแพทย์เลอปรัชญ์  มังกรกนกพงศ์  จักษุแพทย์  อนุสาขาโรคต้อหิน  โรงพยาบาลค่าสุรศักดิ์มนตรีลำปาง  เป็นผู้ให้การรักษา  โดยใช้วิธีการผ่าตัด    ซึ่งร้อยเอกยงยุทธได้เข้ารับการผ่าตัดไปเมื่อวันที่  16  ธันวาคม  2557  ที่ผ่านมา  โดยใช้การรักษาเพียงประมาณ  20  นาที  ซึ่งผลการรักษาขณะนี้ร้อยเอกยงยุทธสามารถมองเห็นได้แล้วและมองเห็นได้เป็นอย่างดี

ร้อยเอกยงยุทธ  เสวกวิหาร  ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า  เมื่อ พ.ศ.2523  ได้ไปรบที่ป่าเขาค้อ    อ.หล่มสัก  จ.เพรชบูรณ์  และได้เหยียบกับระเบิดทำให้ตาข้างขวาโดนสะเก็ดระเบิด  ส่งผลให้ตามองไม่เห็น  และยังได้รับบาดเจ็บที่ขาด้วย  ขณะนั้นได้รับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลถึง  1  ปี  กับ  6  เดือน  ซึ่งได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บแต่ที่ขา  ตาก็เลยมองไม่เห็น  จนเวลาผ่านไปทำให้ตามองไม่เห็นมาหลายสิบปี  เคยไปตรวจตาที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา  แต่หมอก็ไม่กล้าที่จะรักษา  เนื่องจากการรักษาเห็นว่าทำได้ยาก  จนเมื่อไม่นานทราบข่าวว่าหมอตาที่โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรีลำปางเก่ง  เลยมาตรวจและทำการรักษาที่โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี  หลังจากที่รักษาจนมองเห็น  ตนเองรู้สึกดีใจมาก  และซาบซึ้งในความกรุณาของคุณหมอ  เหมือนมีชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง  

ด้านนายแพทย์เลอปรัชญ์  มังกรกนกพงศ์  จักษุแพทย์  อนุสาขาโรคต้อหิน  โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรีลำปาง  กล่าวว่า  คนไข้รายนี้ได้มาหาที่โรงพยาบาลฯ  บอกว่าตามองไม่เห็นจะทำอย่างไรได้บ้าง  พอหมอได้ตรวจดูก็เห็นว่าเป็นอยู่หลายโรค  ทั้งจากการโดนสะเก็ดระเบิดก็มีรอยแผลเป็นที่ตาดำ  เยื่อยึดเลนส์ตาไม่แน่น  และมีการฉีกขาดบางส่วน  เส้นประสาทตาก็เสียไปบางส่วน  ต้อกระจกค่อนข้างจะเข้มมาก ม่านตาก็ไม่ค่อยจะขยาย  ซึ่งดูแล้วถือว่าการผ่าตัดยากมาก  แต่ก็ได้คุยกับคนไข้รายนี้ว่าก็ไม่มีอะไรจะเสียถ้าจะผ่าตัด  เพราะผลการผ่าตัดก็คือมองเห็นกับมองไม่เห็นเหมือนเดิม  ซึ่งคนไข้ก็แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย  จะเห็นก็แค่แสงแว๊บผ่านเข้ามาเป็นบ้างครั้ง คนไข้ก็เลยตัดสินใจเข้ารักษา  ซึ่งการรักษาก็ได้ใช้วิธีการผ่าตัดโดยไม่ใช้เครื่องสลายต้อกระจก  หรือที่เรียกว่า  เลอปรัชญ์เทคนิค  ซึ่งเป็นวิธีการผ่าตัดที่นายแพทย์     เลอปรัชญ์ได้คิดค้นขึ้นมาเอง  การผ่าตัดก็ได้นำเลนส์ตาออก  แล้วนำเลนส์ตาเทียมใส่เข้าไปแทนที่  ซึ่งผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก  คนไข้สามารถมองเห็นได้เป็นอย่างดี


สำหรับการรักษาด้วยการผ่าตัดแบบเลอปรัชญ์เทคนิคนี้  นายแพทย์เลอปรัชญ์ได้คิดค้นขึ้น  และได้รับรางวัลสิ่งประดิษฐ์ทางทหารด้านหลักการ ประจำปี 2557 ชนะเลิศ อันดับที่ 1 จากกองทัพบก  และรางวัลบริการภาครัฐแห่งชาติ ประจำปี 2557 สาขานวัตกรรมการบริการที่เป็นเลิศ ระดับดี จากสำนักงาน ก.พ.ร. ในผลงานการผ่าตัดต้อกระจกสุกยุคใหม่ด้วย Lerprat Technique  ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้วิธีนี้รักษาต้อกระจกมาหลายร้อยรายแล้ว  หลังการรักษาสามารถมองเห็นทุกราย  การผ่าตัดแบบเลอปรัชญ์เทคนิคนี้  ใช้การหยอดยาชาหรือฉีดยาชาปริมาณน้อย  การผ่าตัดทำได้ง่าย และเหลือพื้นที่ด้านบนตาขาว สามารถผ่าตัดต้อหินในอนาคตได้  มีอัตราการมองเห็นที่ดี ภาวะแทรกซ้อนน้อย ลดภาระการเดินทางมาตรวจตามนัด แผลผ่าตัดหายเร็วขึ้น และมีค่าใช้จ่ายน้อยมาก

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1010 ประจำวันที่ 26 ธันวาคม - 8 ธันวาคม  2557)   


Share:

ผาปังพอเพียงสร้างวิสาหกิจดึงรายได้เข้าชุมชน



ชุมชนผาปังสร้างเศรษฐกิจพอเพียง ยืนด้วยลำแข้งแม้ไม่มี อบต. ชาวบ้านร่วมสร้างวิสาหกิจชุมชนแล้ว 15 กลุ่ม เงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาทต่อเดือน  เตรียมจดทะเบียนเพิ่มอีกหลายกลุ่ม

เครือข่ายประชาสัมพันธ์และสื่อมวลชนจังหวัดลำปาง ร่วมศึกษาดูงาน ชุมชนพึ่งตนเอง ตามแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตำบลผาปัง เพื่อประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งตำบลผาปังแห่งนี้ ไม่มีองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นของตนเอง ต้องไปแบ่งงบประมาณจากอีกตำบลหนึ่ง จึงได้มีการรวมกลุ่มจัดตั้งมูลนิธิฯขึ้น เพื่อให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการร่วมกันพัฒนาและสร้างความรักความสามัคคีในชุมชน

นายอธิชัย ต้นกันยา รักษาการแทนประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง จึงนำเครือข่ายอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน และสื่อมวลชนจังหวัดลำปาง จำนวน 25 คน เดินทางเข้าศึกษาดูงาน โครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนพึ่งตนเองตำบลผาปัง อ.แม่พริก จ.ลำปาง ภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ประจำปี 2558 ที่กรมประชาสัมพันธ์ให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด  ทั่วประเทศนำสื่อมวลชนสัญจรศึกษาดูงานโครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้ประชาชนคนไทยได้รับรู้อย่างกว้างขวาง สนองนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นตามแนวพระราชดำริ และนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางในการขับเคลื่อน ขยายผลพื้นที่โครงการปิดทองหลังพระ 265 หมู่บ้านใน 13 อำเภอ ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ภายในปี 2558

นายวิรัตน์ สีคง ประธานวิสาหกิจชุมชนผาปัง กล่าวว่า ชุมชนตำบลผาปังเป็นตำบลเล็ก ๆ มี 5 หมู่บ้าน  427 ครัวเรือนประชากร 1,774 คน รวมตัวกันพัฒนาและพึ่งพาตนเอง เนื่องจาก เป็นตำบลที่ไม่มีองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องไปอาศัย อบต.แม่พริกที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 24 กิโลเมตร ในการของบประมาณการพัฒนาต่างๆมาสู่หมู่บ้าน แต่ก็ไม่ได้ตามที่ต้องการเนื่องจาก อบต.แม่พริกก็มีพื้นที่รับผิดชอบถึง 12 หมู่บ้าน ดังนั้นกลุ่มชาวบ้านส่วนใหญ่จึงเห็นว่าควรจะต้องคิดโครงการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อที่จะมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลแห่งหนี้อีกแรงหนึ่ง และในปี 2550 ชาวตำบลผาปังกลุ่มหนึ่งได้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาชุมชนตำบลผาปังขึ้น เพื่อบริหารจัดการชุมชนแบบพึ่งตนเอง จัดตั้งวิสาหกิจชุมชน โดยมีมูลนิธิพัฒนาชุมชนผาปัง ทำหน้าที่อำนวยการบริหารจัดการชุมชน พัฒนาวิสาหกิจพลังงานทดแทน วิสาหกิจชุมชนแปรรูปไม้ไผ่แบบครบวงจร ตั้งแต่ส่งเสริมปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์ จัดตั้งโรงงานตะเกียบ นำเยื่อไผ่ที่ขัดออกจากไม้ตะเกียบส่งขาย เพื่อนำไปผลิตภาชนะไบโอ(แก้ว ชาม ถาดรอง) ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ  นำขี้เลื่อยมาผลิตเป็นถ่ายอัดแท่ง ลดการเผา ใช้เป็นพลังงานทดแทนในชุมชน และวิสาหกิจเวชสำอางสมุนไพรไผ่ชุมชน รวมทั้ง ยังเกิดวิสาหกิจชุมชนต่อเนื่องขยายผล อาทิ กลุ่มโฮมสเตย์ กลุ่มมัคคุเทศก์ กลุ่มข้าวกล้อง กลุ่มถั่วลิสงอบแห้ง กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษและหัตถกรรมพื้นบ้านชนเผ่า

นายวิรัตน์ กล่าวต่อไปว่า กิจกรรมของ ต.ผาปัง มีหลายหลาย และทุกกิจกรรมจะมีความสัมพันธ์กันเป็นลูกโซ่พึ่งพากันและกันได้  ปัจจุบันนี้มีกลุ่มทั้งหมด 15 กลุ่ม และยังมีกลุ่มที่จะเกิดใหม่อีกหลายกลุ่ม  เช่น กลุ่มผลิตไฟฟ้าร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อยู่ระหว่างการขอรับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรม คาดว่าไม่เกิน 2 เดือนนี้จะเดินเครื่องได้  ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาด 70 กิโลวัตถ์ จากการทดลองแล้วพบว่าเครื่องทำงานได้ดีมาก ใช้วัสดุเหลือใช้จากโรงตะเกียบและข้อไผ่มาผลิตไฟฟ้า วันละไม่เกิน 3 ตันผลิตไฟฟ้าได้ 24 ชั่วโมง  และส่งขายให้กับทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  สำหรับกิจกรรมของเราได้ร่วมกับบริษัทคู่ค้า ซึ่งทุกกิจกรรมจะมีการหาตลาดก่อนจึงจะทำตามออเดอร์ จะไม่ทำแล้วมาหาตลาดภายหลังเพราะจะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ  การทำกิจกรรมของเรามีเงินหมุนเวียนเข้ามา 500,000 บาทต่อเดือน ช่วยให้พี่น้องในพื้นที่มีรายได้มีงานทำ แก้ปัญหาในการที่เราไม่มี อบต.เป็นของเราเอง จึงได้เงินในส่วนนี้เข้ามาช่วยพัฒนากิจกรรมต่างๆของ ต.ผาปัง ทั้งด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี และการพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวบ้าน  เป็นการทำงานไปและแก้ปัญหาไปควบคู่กัน  ทุกวันนี้ชาวผาปังมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ชาวบ้านมีอาชีพเสริมในช่วงที่ว่างจากการทำไร่ทำนา

“ในอนาคตคิดว่า ต.ผาปังจะเป็นแหล่งศึกษาดูงานของพี่น้องทั่วประเทศ  จนถึงวันนี้มีคณะมาดูงานแล้วกว่า 10,000 คน หลังจากเราได้สร้างพระธาตุ 12 ราศี  มีโฮมสเตย์  คนจะหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ อาชีพรายได้ก็จะมั่นคงขึ้น ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ดีขึ้น”  

ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ ยังกล่าวอีกว่า เราได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯมาใช้ในการดำรงชีวิต โดยการค่อยๆทำค่อยๆสร้างไปทีละนิด ตามกำลังที่สามารถทำได้ โดยใช้วัตถุดิบในพื้นที่และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ให้ทุกอย่างพึ่งพาเกื้อกูลกัน ที่สำคัญคือ ไม่ทำเกินตัว  พอเพียง อยู่ได้อย่างยั่งยืน 


 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1010 ประจำวันที่ 26 ธันวาคม - 8 ธันวาคม  2557)   

Share:

8 คูหาย่านสบตุ๋ย เก่าแก่70ปีวอดไฟไหม้ใหญ่ส่งท้ายปี



เพลิงไหม้วอดอาคาร 8 คูหาอายุ 70 ปี ย่านการค้าชื่อดังกลางเมืองลำปาง ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ นายกเทศมนตรีนครลำปาง ยืนยันไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้น สำรวจเพื่อที่ให้การช่วยเหลือแล้ว เสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

เมื่อเวลา 19.45 น.วันที่ 23 ธ.ค. 57  พ.ต.ท.สืบสกุล ขุนเพิ่ม พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองลำปาง ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ตึกแถว 8 คูหา บริเวณสี่แยกดอนปาน ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง และเพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว ขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือเป็นการด่วน หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครลำปางไประงับเหตุ และรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับนายมงคล สุกใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  พ.ต.อ.สิโรจน์ ภาคพิชเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง พ.ต.อ.ฐนกร คุ้มวงค์ ผกก.สภ.เมืองลำปาง นายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง

ที่เกิดเหตุรู้จักกันทั่วไปในชื่อของย่านการค้าสี่แยกดอนปาน พบตึกที่ถูกเพลิงไหม้เป็นตึกสองชั้น รวม 8 คูหา  ซึ่งเป็นร้านค้าขายและเก็บวัสดุก่อสร้าง ชื่อ อรุณทอง 3 คูหา  ร้านขายอาหารสัตว์พูลพัฒนา 3 คูหา  และอาหารตามสั่ง  2 คูหา  พบว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลนครลำปาง เทศบาลเมืองเขลางค์นคร  รถน้ำทหารจากมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี และเทศบาล อบต.ใกล้เคียงไม่ต่ำกว่า 20 คัน ได้สลับสับเปลี่ยนกันระดมฉีดน้ำดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว เนื่องจากภายในมีเชื้อเพลิงที่ติดไฟได้เป็นอย่างดี   ทำให้เพลิงได้ลุกลามไปยังอีกคูหาหนึ่งที่อยู่ข้างกันทั้ง 8 คูหา ต้องใช้เวลานานประมาณ 2 ชั่วโมง จึงจะสามารถสกัดเพลิงอยู่ในวงจำกัด แต่ยังต้องฉีดน้ำเลี้ยงอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะเพลิงได้ประทุขึ้นอยู่เรื่อยๆ  ทั้งนี้ พบว่าอาคารตึกคูหาดังกล่าวถูกไหมเสียหายทั้งหมดรวมทั้งทรัพย์สินภายในบ้านมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท  นอกจากนี้ยังมีโกดังเก็บของและบ้านเรือนที่อยู่ด้านหลังตึกดังกล่าวถูกไฟไหม้เสียหายอีกส่วนหนึ่ง เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งจะต้องรอเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดในวันรุ่งขึ้นอีกครั้ง

จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า ต้นเพลิงได้ลุกไหม้บนชั้น 2 ของร้านพูลพัฒนา ขายอาหารสัตว์ และได้ลามไปคูหาข้างๆอย่างรวดเร็ว เนื่องจากชั้นสองของอาคารเป็นไม้ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทางเพื่อนบ้านจึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาช่วยเหลือ โดยทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครลำปางได้เข้าดับเพลิงแต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ จึงต้องขอกำลังรถดับเพลิงจากหน่วยงานใกล้เคียงเข้ามาร่วมถึง 20 คัน นอกจากนั้นยังได้นำรถฉีดน้ำระยะไกลจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 10 ลำปาง เข้าร่วมด้วย จนกระทั่งสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในเวลา 21.30 น.

ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นย่านการค้าและเศรษฐกิจชื่อดังของ จ.ลำปาง  ชื่อว่าย่านการค้าแยกดอนปาน โดยส่วนใหญ่มีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวเก่าแก่ ตั้งเรียงยาวหลายคูหา ส่วนอาคารที่ถูกไฟไหมดังกล่าวมีอายุประมาณ 60-70 ปี ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง จะได้เข้าร่วมสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลนครลำปางอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

ต่อมาเช้าวันที่ 24 ธ.ค.57  เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมด้วยรถน้ำยังคงต้องฉีดน้ำ เพื่อที่จะดับเพลิงที่ยังคุลกรุ่น ในที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ บริเวณตึกคูหาสองชั้น จำนวน 8 คูหา  ถึงแม้ว่าจะผ่านช่วงเหตุเพลิงไหม้ใหญ่มากว่า 10 ชั่วโมงแล้ว แต่โดยบางจุดที่พบว่ามีการดับได้ยากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้ทรายละเอียดเทลงไปแล้วฉีดน้ำซ้ำ เพื่อให้น้ำและทรายซึมเข้าไปดับไฟที่คลุกรุ่นให้ดับสนิทเนื่องจากว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นโกดังเก็บของขนาดใหญ่ จากนั้น พนักงานสอบสวน พร้อมด้วยตำรวจกองวิทยาการ พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง จะได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้

ด้าน ดร.กิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง เปิดเผยว่า หลังมีกระแสข่าว มีผู้สูญหายและคาดว่าน่าจะเสียชีวิตคากองเพลิงถึง 3 คน ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นการปล่อยข่าวลือเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าของบ้านและผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวสามารถหลบหนีออกมาได้ทันหมดจึงไม่มีใครได้รับอันตราย บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ส่วนการให้การช่วยเหลือหน่วยงานที่รับผิดชอบได้เข้ามาสำรวจตรวจสอบเพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ซึ่งโชคดีที่ทางเจ้าของตึกได้ทำประกันอัคคีภัยไว้ด้วย ทางเทศบาลก็ต้องดูกฎระเบียบว่าจะช่วยเหลือได้มากน้อยเพียงใดอีกครั้ง

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1010 ประจำวันที่ 26 ธันวาคม - 8 ธันวาคม  2557)   

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์